ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2519 ครั้งสุดท้าย
จิ่วเยี่ยกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ซี พวกเราไปกันเถอะ!”
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในเหวนรกชั้นที่หนึ่ง ก็มีสัตว์ร้ายและสัตว์ประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาโจมตี และมู่เฉียนซีก็ได้นำกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา
พลังการทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวได้พุ่งเข้าโจมตีสัตว์ร้ายและสัตว์ประหลาดเหล่านั้น จนพวกมันส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่แปลกประหลาดนานาชนิด โดยที่นางไม่มีโอกาสได้พักหายใจเลยแม้แต่น้อย
หากมู่เฉียนซีไม่แข็งแกร่งพอ คาดว่าน่าจะถูกพวกมันลอบโจมตีไปแล้วก็เป็นได้
“ทักษะโลหิตเจ็ดชั้น!”
จิ่วเยี่ยอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีอย่างเงียบ ๆ และเฝ้าดูนางต่อสู้กับสัตว์ร้ายและสัตว์ประหลาดเหล่านั้น
เขาไม่ได้ลงมือ เพราะนี่เป็นโอกาสในการฝึกฝนที่หาได้ยากของนาง
ไม่ได้มีเพียงมู่เฉียนซีที่มีโอกาสในการฝึกฝนฝืมือเท่านั้น แต่มันยังเป็นโอกาสในการฝึกฝนของอู๋ตี้ เสี่ยวหง และเสี่ยวโม่โม่อีกด้วย
ที่นี่คือบริเวณรอบนอกของเหวนรกชั้นหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าศัตรูจะมีจำนวนมาก แต่มู่เฉียนซีก็สามารถร่วมมือกับผู้ผูกพันธสัญญาของนางสกัดกั้นเอาไว้ได้
ตูมมม โครมมม!
และสิ่งเดียวที่ทำให้มู่เฉียนซีจนปัญญาก็คือ การที่นางไม่สามารถสื่อสารกับสัตว์ร้ายและสัตว์ประหลาดเหล่านี้ได้ ฉะนั้นจึงไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเหวนรกแห่งนี้จากปากของพวกมัน นได้เลยแม้แต่น้อย
ปัง ปัง ปัง!
สถานที่ที่รกร้างแห่งนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่สิ้นสุดก็มิปาน ซึ่งพวกอู๋ตี้ก็ต่อสู้กันอย่างเต็มที่เช่นกัน
พวกเขาไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่มานานเพียงใดแล้ว และเนื่องจากไม่มีพลังปีศาจนั้น จึงทำให้พลังคำสาปแห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่สุดถูกจิ่วเยี่ยปราบลงได้และไม่กล้าสร้างปัญหาอีก ฉะนั้นจ จิ่วเยี่ยจึงสามารถอยู่ฝึกฝนเป็นเพื่อนมู่เฉียนซีได้โดยไม่ต้องพะว้าพะวังเรื่องใดเลย
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?” ตอนนี้จื่อโยวกำลังถามฝูเซิงอยุ่
เนื่องจากว่าฝูเซิงได้ให้ร่างแยกของเขาติดตามอยู่บนตัวของมู่เฉียนซี เขาจึงสามารถเข้าใจสถานการณ์ของทางด้านมู่เฉียนซีได้
อย่างไรเสียฝูเซิงก็สามารถแบ่งปันเรื่องราวต่าง ๆ กับร่างแยกของเขาได้ แม้ว่าตัวของมู่เฉียนซีเองจะอยู่ในเหวนรกก็ตาม
“สถานการณ์ของอ๋องจิ่วเยี่ยมั่นคงมาก ตอนนี้เจ้านายของข้ากำลังฝึกฝนอยู่ที่เหวนรกชั้นที่หนึ่ง และที่ชั้นที่หนึ่งนี้ก็ปลอดภัยมากด้วย มันไม่มีโอกาสให้ข้าได้ลงมือเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไรหรอก” ฝูเซิงกล่าว
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในร่างกายของเยี่ย เช่นนั้นการไปที่เหวนรกก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วล่ะ แต่ว่า…” ที่จื่อโยวรู้สึกปวดหัว นั่นก็เป็นเพราะว่าแดนนรก กมีเรื่องต่าง ๆ กองพะเนินเทินทึก ซึ่งมันน่ากลัวมากจริง ๆ
ฝูเซิงกล่าวว่า “จื่อโยว! ข้าเตรียมตัวจะไปพักผ่อนที่ขุมนรกสีโลหิต เจ้ามาคอยดูแลเมืองหนามโลหิตกับหอหมอปีศาจหน่อยจะได้หรือไม่?”
“เจ้าฝันไปเถอะ! ข้าไม่มีวันเห็นด้วยอย่างแน่นอน!” จื่อโยวกล่าวด้วยความโมโห
เจ้าหมอนี่อยากจะหนีอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ ตอนแรกเขารับปากกับคนงามไว้ว่าอย่างไรบ้างล่ะ
ณ เรือนจำปีศาจแห่งความมืดในตอนนี้ ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดจ้องมองไปที่อู๋หยาอย่างมืดมนแล้วกล่าวว่า “อู๋หยา ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าควรเชื่อเจ้าดี หรือไม่ควรเชื่อเจ้าดี?”
อู๋หยากล่าวว่า “ข้าช่วยเจ้ามาสองครั้งแล้วนะ แม้ว่าเจ้าจะไม่เชื่อข้า แต่ก็อย่างไรก็ต้องเชื่อข้าอยู่ดี เจ้าไม่มีทางเลือกหรอก เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะอยากตายตอนนี้น่ะนะ!”
“ข้าก็แค่ทำตามที่เจ้าเป็นคนบอกเท่านั้น ว่าแต่หวงจิ่วเยี่ยจะมาที่เรือนจำปีศาจแห่งความมืดของข้าอีกครั้งจริง ๆ หรือ?” ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกล่าวถาม
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!” อู๋หยากล่าวอย่างเรียบเฉย
“ตกลง! เช่นนั้นข้าจะทำ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ข้าจะเชื่อเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”
ดวงตาที่เฉยเมยคู่นั้นของอู๋หยาจ้องมองมาที่ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดอย่างสงบ แน่นอนว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย…
หลังจากที่ผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ได้เจอคนปกติในเหวนรกแห่งนี้แล้ว แต่ทว่า มันเพียงแค่ดูเหมือนปกติเท่านั้น
ถึงจะนอนหลับอยู่ที่เหวนรกชั้นที่หนึ่งเช่นนี้ แต่กลับไม่ถูกสัตว์ร้ายและสัตว์ประหลาดเหล่านี้กลืนกิน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดปกติที่สุดแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวกับจิ่วเยี่ยว่า “จิ่วเยี่ย พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ!”
“อืม!” จิ่วเยี่ยตอบกลับด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เขาจับมือของมู่เฉียนซีเอาไว้ และถึงแม้ว่าจะมีอันตรายที่คาดไม่ถึงอะไรก็ตาม เขาก็จะสามารถช่วยซีจัดการได้ทันที
ทันทีที่เข้าไปมองใกล้ ๆ มู่เฉียนซีถึงได้ค้นพบว่าคนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บหนักเลยทีเดียว แต่ถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงใด ร่างกายของเขากลับสามารถรักษาตนเองได้อย่างน่าอัศจรร รย์
แม้ว่าเขาจะอ่อนแอมาก แต่สัตว์ร้ายและสัตว์ประหลาดที่อยู่บริเวณโดยรอบก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้อยู่ดี
และเนื่องจากว่าพวกของมู่เฉียนซีค่อนข้างที่จะอยู่ใกล้กับคนผู้นี้ มันจึงทำให้สัตว์ร้ายและสัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่โจมตีพวกเขาเช่นกัน
ด้วยความเร็วในการฟื้นตัวเช่นนี้ของเขา มู่เฉียนซีคาดการณ์ว่าเขาน่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งวันถึงจะสามารถตื่นขึ้นมาได้
แต่มู่เฉียนซีไม่อยากที่จะรอนานขนาดนั้น ฉะนั้นจึงเตรียมที่จะช่วยให้เขาฟื้นตัวเร็วขึ้นอีกสักหน่อย
แม้จะไม่มั่นใจว่าเป็นมิตรหรือศัตรู แต่นางและจิ่วเยี่ยก็จำเป็นต้องถามคนผู้นี้อยู่ดี และบางทีคนที่พิเศษผู้นี้อาจจะมีความเข้าใจต่อเหวนรกแห่งนี้ก็ได้
มู่เฉียนซีหยิบเข็มยาเข็มหนึ่งออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ ยื่นมือออกไปหาคนที่หลับลึกผู้นั้น แต่ทว่าเข็มยานั้นกลับถูกจับเอาไว้
แต่ทว่าเขากลับไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะหลังจากที่โยนมู่เฉียนซีออกไปแล้ว เขาก็นอนต่อ
เขาทำราวกับว่าโยนกิ่งไม้กิ่งหนึ่งออกไปก็มิปาน ซึ่งเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย นางรู้ว่าไม่สามารถฝังเข็มให้คนผู้นี้ได้ และถึงแม้ว่าเขาจะมีสภาพที่หลับลึก แต่ทว่าการตื่นตัวของเขานั้นแข็งแกร่งมาก
ด้วยเหตุนี้มู่เฉียนซีจึงทำได้เพียงใช้วิธีที่สอง นั่นก็คือการเอายาน้ำออกมาขวดหนึ่ง ซึ่งกลิ่นหอมหวนของยาน้ำขวดนี้ก็ดึงดูดเป็นอย่างมาก และคนผู้นั้นก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างที่ คิดเอาไว้จริง ๆ
จมูกของเขาขยับเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “ข้าไม่ได้กลิ่นที่หอมเช่นนี้มานานมากแล้ว เป็นของที่ดีจริง ๆ เอ๊ะ! นั่นมันพลังแห่งชีวิตนี่!”
ตอนนี้เขายอมลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาแล้ว มู่เฉียนซีมองไปทางเขาพลางกล่าวว่า “นี่คือยาน้ำที่ใช้เพื่อการรักษา หากท่านดื่มเข้าไป มันจะทำให้อาการของท่านดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่แน่ นอนว่าข้าไม่ได้ช่วยท่านเปล่า ๆ อยู่แล้ว เพราะข้าต้องการให้ท่านบอกเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเหวนรกแห่งนี้กับข้า ตกลงหรือไม่?”
เขาจ้องมองมู่เฉียนซีและหวงจิ่วเยี่ยอย่างประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากนั้นก็กล่าวว่า “นี่มันค่อนข้างแปลกเลยทีเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าที่เหวนรกชั้นหนึ่งแห่งนี้จะมีคนที่หน้าตางดงามถึ งเพียงนี้อยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีจิตวิญญาณสว่างไสวยิ่งกว่าด้วยอาทิตย์ดวงหนึ่ง แต่จิตวิญญาณอีกดวงกลับมืดมนจนมองไม่เห็นก้นบึ้งยิ่งกว่าเหวนรกแห่งนี้ด้วยซ้ำ ทว่าพวกเจ้าทั้งสองคน นกลับเป็นคู่รักกัน นี่มันช่างน่าสนใจมากจริง ๆ”
“พวกเจ้าไม่ใช่คนที่ถูกเจ้าพวกนั้นเนรเทศมาที่เหวนรกแห่งนี้สินะ พวกเจ้าเข้ามาด้วยตนเอง น่าสนใจ ช่างน่าสนใจจริง ๆ ข้าไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้เห็นคนหนุ่มสาวบุกเข้ามาใน นเหวนรกด้วยตนเองเช่นนี้”
“เช่นนั้นข้าจะรับข้อเสนอของเจ้า!”
เขาปีนป่ายขึ้นมา และหยิบยาของมู่เฉียนซีไปกินทันที ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาสบายขึ้น จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นักปรุงยา! ที่แท้ในเวลาเช่นนี้ยังคงม มีนักปรุงยาที่ครอบครองพลังแห่งชีวิตอยู่ด้วยสินะ”
“เจ้ามาทำอะไรที่เหวนรกอย่างนั้นหรือ? มาหาคน? หาสัตว์ร้าย? หรือว่ามาเพื่อให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นกันล่ะ?”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “การคาดเดาของท่านช่างแม่นยำจริง ๆ!”
เขากล่าวว่า “ภายในเหวนรกแห่งนี้มีเพียงจิตวิญญาณที่มืดมิดและน่าเกลียดเท่านั้นที่จะถูกเนรเทศมา และจะถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดไป และแม้แต่การแตกสลายของจิตวิญญาณยังเป็นเพียงแค่ความ มเพ้อฝันเลย นอกจากนี้ที่นี่ไม่มีสมบัติอันล้ำค่า ไม่มีเคล็ดวิชาหรือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพอีกด้วย ฉะนั้นคนที่มาที่นี่จึงมีแค่สามประเภทเท่านั้น”
“หากมาหาคน ก็คงจะหาคนของฝ่าบาทผู้นั้น! แต่เนื่องจากเวลามันผ่านไปนานมากแล้ว เกรงว่าน่าจะไม่มีใครรู้ถึงการมีอยู่ของคนผู้นั้นอีกแล้ว”
“หากมาหาสัตว์ร้าย! กิเลนแห่งนรกก็คือสัตว์เทพที่แข็งแกร่งที่สุดในเหวนรกของแดนนรกแห่งนี้ ส่วนหงส์เทพก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย และเหลือเพียงเผ่าหงส์เทพเอาไว้เท่านั้น แต่ห หากเป็นกิเลนแห่งนรกมันยังคงอยู่มาตลอด มันอยู่ที่เหวนรกแห่งนี้เสมอ แม้จะเคยมีผู้แข็งแกร่งมากมายในโลกนี้ ต้องการที่จะเอาชนะกิเลนแห่งนรก และกลายเป็นเจ้านายของมัน แต่ทว่าท ทุกคนต่างก็ล้มเหลว”
“หากมาหาประสบการณ์ในการฝึกฝน เหวนรกแห่งนี้ก็ถือได้ว่าอันตรายมากทีเดียว ซึ่งตอนที่ผู้แข็งแกร่งต้องเผชิญหน้ากับคอขวด จนไม่สามารถบรรลุได้ ก็จะเลือกเหวนรกเพื่อทำทุกวิถีทาง แ และบางทีพวกเจ้าอาจจะคิดว่าไม่เคยมีผู้ใดที่ออกมาได้เลยสักคน แต่เท่าที่ข้ารู้มา เห็นว่าพอจะมีอยู่บ้างนะ”