ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2536 จิ่วเยี่ยไล่ตามมาแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง หรือเจ้าค้นพบอะไรแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ซีเอ๋อร์ เจ้าลองรับรู้ความรู้สึกให้ละเอียดขึ้นอีกหน่อย แล้วเจ้าก็จะค้นพบเอง” สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวตอบ
มู่เฉียนซีโจมตีด้วยพลังจิตวิญญาณ ทันใดนั้นนางก็ค้นพบอะไรบางอย่างในสถานที่ที่กว้างใหญ่แห่งนี้ นางพบว่าที่มิติมีรอยแตกที่เล็กมากอยู่รอยหนึ่ง ซึ่งรอยแตกของมิตินั้นมีขนาดที่ เล็กมากจริง ๆ แต่พลังธาตุอัคคีที่ทะลักออกมาจากข้างในนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
ที่เหวนรกแห่งนี้ ไม่มีพลังธาตุใด ๆ อยู่เลยแม้แต่น้อย แต่ข้างในนั้นกลับมีพลังธาตุอัคคี ซึ่งมันก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเพลิงราชันย์ของกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณเลย
ข้างในนั้น มีอะไรกันแน่?
มู่เฉียนซีอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก นางรู้สึกว่าหากต้องโดนเจ้าพวกนี้จับตัวไว้ ไม่สู้เข้าไปสำรวจในสถานที่ลึกลับแห่งนั้นไม่ดีกว่าหรือ
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง จะเข้าไปข้างในนั้นได้อย่างไร?”
“ขอเพียงซีเอ๋อร์หารอยแตกของมิติให้เจอ และพุ่งผ่านมันไปก็พอ ส่วนเรื่องที่เหลือไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
“ตกลง!” มู่เฉียนซีกล่าว
ปีศาจเหวนรกกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ในที่สุดเจ้าก็ไม่หนีแล้วหรือ ถึงจะถูกข้าพาไป แต่ข้าก็ไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเลวร้ายหรอก ฉะนั้นเจ้าจะหนีไปทำไมกัน?”
ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ากล่าวว่า “ดูเหมือนว่าปีศาจเหวนรกเหล่านี้จะสนใจเจ้าจริง ๆ ดีมาก! ข้าจะต้องทำให้เจ้ามาอยู่ในกำมือของข้าให้ได้”
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางพวกเขาแล้วกล่าวว่า “เจ้าพวกโง่ทั้งสองฝันไปเถอะ!”
ทันทีที่พูดจบ มู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานเข้าไปในรอยแยกนั้นอย่างแม่นยำ และทันใดนั้นลำแสงสีฟ้าอ่อนก็ห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็หายไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาทันที เหลือไว้เพียงผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ากับปีศาจเหวนรกที่ยืนมองหน้ากันอยู่ตรงนั้นเท่านั้น
“หากไม่มีผู้พิทักษ์คอยนำทางให้ นางจะหนีไปได้อย่างไรกัน? ปีศาจเหวนรกอย่างพวกเจ้ามีความพิเศษใหม่อย่างนั้นหรือ?” ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ากล่าวอย่างระมัดระวัง
ปีศาจเหวนรกตัวนั้นกล่าวว่า “พลังวิญญาณของนางถูกข้ายึดเอาไว้แล้ว เช่นนั้นนางใช้อะไรหนีไปกันแน่? ทะลุผ่านมิติ…”
พวกเขาคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เดิมทีพวกเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน แต่ทว่าตอนนี้กลับยืนครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ด้วยกัน
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ผลลัพธ์ออกมา พวกเขาก็รู้สึกได้ว่ามีพลังที่น่าขนลุกขนพองปรากฏขึ้น และทั้งปีศาจเหวนรกกับผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าต่างก็ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
ปีศาจเหวนรกตัวนั้นเบิกตาโพลงด้วยความตื่นตกใจ อะไรน่ะ? เหตุใดถึงรวดเร็วขนาดนี้?
สมกับการเป็นคนที่ท่านราชาปีศาจอยากเจอจริง ๆ สมกับที่…
ผู้พิทักษ์ผู้นั้นกล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “ทะ…เป็นท่าน คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะมาอีกแล้ว พระเจ้า! ท่าน…ท่านต้องการทำอะไรกันแน่?”
จิ่วเยี่ยไม่มองผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าเลยแม้แต่น้อย เพราะดวงตาสีฟ้าที่เย็นยะเยือกไร้ซึ่งร่องรอยของความอบอุ่นในเวลานี้กำลังจ้องมองไปที่ปีศาจเหวนรกตัวนั้น หลังจากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ซีล่ะ?”
แม้ว่าปีศาจเหวนรกตัวนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่จิ่วเยี่ยก็ยังคงจำกลิ่นอายของมันได้อยู่ดี และมันก็คือปีศาจเหวนรกที่ลักพาตัวซีไปนั่นเอง
ตึง!
ภายใต้การจ้องมองของจิ่วเยี่ย ปีศาจเหวนรกตนนี้ก็แข้งขาอ่อนแรงลงด้วยความหวาดกลัวทันที มันคุกเข่าลงไปแล้วกล่าวว่า “นะ…นายท่าน…”
“ขะ…ข้าไม่ได้ทำอันตรายหญิงสาวผู้นั้นเลยแม้แต่ปลายเล็บ! ข้าเพียงแค่ทำตามคำสั่งราชาของข้า ที่ให้จับนางเพื่อชีันำให้ท่านไปพบเขาเท่านั้นเองขอรับ ขะ…”
“ฟู่วว” ปีศาจเหวนรกตนนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก และคิดไม่ถึงเลยว่าขาทั้งสองข้างของเขาจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้
“ซีอยู่ที่ใด?” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงเย็นชา
“นะ…นางหายไปต่อหน้าต่อตาข้า ไม่รู้ว่าหนีไปได้อย่างไรขอรับ?” ปีศาจเหวนรกกล่าวตอบ
“ซี!” จิ่วเยี่ยทอดมองไปเบื้องหน้า เขารู้ดีว่าเจ้าปีศาจเหวนรกนี่ต้องไม่กล้าโกหกเขาอย่างแน่นอน แต่ซีหายไปจากที่นี่อย่างนั้นหรือ?
หลังจากที่มู่เฉียนซีจากไปแล้ว รอยแตกของมิตินั่นก็หายไปด้วยเช่นกัน แม้จะเป็นจิ่วเยี่ยเองก็ไม่อาจค้นพบรอยแตกขนาดเล็กเช่นนี้ได้
สามารถหายไปจากที่นี่ได้ มันจะต้องเป็นเพราะสุ่ยจิงอิ๋งแน่นอน สุ่ยจิงอิ๋งได้ส่งซีไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว เช่นนั้น…
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นมาภายหลัง เขาจึงรู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องกำจัดราชาปีศาจตนนั้นเสียก่อน
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “นำทาง ข้าจะไปเจอราชาปีศาจของเจ้า”
ในเมื่อไม่มีขาทั้งสองข้าง ปีศาจเหวนรกตนนี้ก็ทำได้เพียงลอยอยู่กลางอากาศด้วยพลังเท่านั้น ซึ่งนี่ก็ทำให้มันทุกข์ทรมานอย่างที่สุด จากนั้นมันจึงกล่าวว่า “ขอรับ! ข้าน้อยน้อมรับ คำสั่ง ข้าน้อยจะต้องพาท่านไปพบราชาปีศาจของพวกเราอย่างแน่นอน เพียงแต่พวกเราจะต้องไปยังชั้นที่หกก่อน และข้าจำเป็นต้องลอกเลียนแบบความสามารถของผู้พิทักษ์ผู้นี้ถึงจะไปได้ เช่นนั้น นต้องรบกวนนายท่านลงมือแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน! หากนายท่านต้องการไปที่ชั้นหก ข้าสามารถนำทางให้ท่านได้! ท่านอย่าไปเชื่อคำโกหกของปีศาจเหวนรกตนนี้นะขอรับ” ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ากล่าวอย่างรีบร้อน
“นายท่าน ต้องโทษที่เจ้าหมอนี่ลงมือกับท่านซี มิเช่นนั้นท่านซีคงไม่ต้องหนี และหายไปเช่นนี้ ต้องโทษเขาขอรับ” แน่นอนว่าปีศาจเหวนรกไม่ต้องการปล่อยให้ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ารอดไปไ ได้อยู่แล้ว ฉะนั้นมันจึงฟ้องทันที
“เจ้าโทษข้าหรือ? พูดอย่างกับว่าเจ้าไม่ได้ไล่ล่าแม่สาวน้อยผู้นั้นอย่างนั้นแหละ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นเพราะเจ้า!” ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าก็โกรธเคืองที่เจ้าสารเลวนี่เริ่มฟ้องก่อน นเช่นกัน
เดี๋ยวก่อน…
ทันใดนั้นผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขากล่าวถามว่า “นายท่าน ท่านพาแม่นางน้อยผู้นั้นมาฝึกฝนหาประสบการณ์ในเหวนรกแแห่งนี้ใช่หรือไม่ขอรับ?”
ทันทีที่แววตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้นกวาดมองมา โดยที่ท่านผู้นี้ไม่ต้องตอบว่าใช่ แต่เขาก็สามารถรู้ได้ทันที!
ที่แท้แม่สาวน้อยผู้นั้นก็ไม่ใช่ปีศาจเหวนรกจริง ๆ! คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเข้าใจผิดว่านางเป็นปีศาจเหวนรก และไล่ล่านางไปพร้อมกับปีศาจเหวนรกเหล่านี้ นี่เขาทำเรื่องชั่วช้าไปแล้วจ จริง ๆ สินะ!
หวังแค่เพียงว่านายท่านผู้นี้จะไม่รับรู้อะไร ไม่ต้องรับรู้อะไรเลยยิ่งดี
ทว่าคำอธิษฐานของเขานั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง เพราะปีศาจเหวนรกในเวลานี้ก็รีบฟ้องขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “นายท่าน เป็นเพราะเจ้าผู้พิทักษ์ผู้นี้ขอรับ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะคิด ว่าท่านซีเป็นปีศาจเหวนรก? ปีศาจเหวนรกอย่างพวกเราจะงดงามเหมือนท่านซีได้อย่างไร เจ้าหมอนี่มีตาหามีแวว…”
“หุบปากเดี๋ยวนี้!”
“ทำไมล่ะข้าพูดความจริงนี่”
“……”
ในทางกลับกัน การที่เจ้าสองคนนี้เปิดโปงกันและกัน และฟ้องกันและกัน มันไม่ได้เกิดประโยชน์กับใครเลย เพราะพวกเขาทั้งคู่ต่างก็ถูกจิ่วเยี่ยลงโทษอย่างรุนแรง จนพวกเขาต้องขดตัวลงด ด้วยร่างที่สั่นเทา คนผู้นี้ช่างน่าหวาดกลัวจริง ๆ
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ทางที่ดีพวกเจ้าอธิษฐานว่าอย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับซีจะดีกว่า”
ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้านำทางพวกเขาไปยังชั้นที่หก และปีศาจเหวนรกที่ไม่มีขาทั้งสองข้างตนนั้นก็ไล่ตามมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ไปตามหาค คนมาให้ข้า! เร็ว ๆ ด้วย!”
“ขอรับ ๆ ๆ! พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้” ภายในสายตาของพวกเขา จิ่วเยี่ยได้กลายเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดในเหวนรกแห่งนี้ไปแล้ว และพวกเขาก็ไม่อาจทำให้ขุ่นเคืองได้!
ส่วนมู่เฉียนซี นางได้เข้าไปในมิติเปลวเพลิงแห่งความมืด ซึ่งเปลวเพลิงนี้ก็มีความอันตรายเป็นอย่างมาก โชคดีที่นางฝึกฝนเคล็ดวิชาร่างดับเปลวเพลิงมาแล้ว มิเช่นนั้นนางที่ไม่มีเกาะป ป้องกันของพลังวิญญาณ และสุ่ยจิงอิ๋งที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้เกาะป้องกันอันสมบูรณ์แบบได้ คงถูกเปลวเพลิงเหล่านี้แผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วแน่นอน
ในขณะที่มู่เฉียนซีถูกอาบอยู่ในเปลวเพลิง นางกล่าวถามขึ้นมาว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง หลังจากนี้เราจะออกไปได้อย่างไร?”
“ตอนนี้มิติโดยรอบมีความมั่นคงเป็นอย่างมาก จึงทำให้ไม่มีรอยแยกของมิติ ฉะนั้นเจ้าน่าจะออกไปไม่ได้สักระยะ” สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว
“หากออกไปไม่ได้ก็คงทำได้เพียงฝึกฝนอยู่ข้างในนี้สินะ หวังว่าจิ่วเยี่ยจะไม่เป็นห่วงข้ามากจนเกินไป” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เปลวเพลิงที่แข็งแกร่งนี้ ได้ชำระล้างร่างกายของมู่เฉียนซี ทำให้ร่างกายของมู่เฉียนซียกระดับจนสูงมากขึ้นไปอีก และภายในเปลวเพลิงที่ไม่มีสิ้นสุดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะมองเ เห็นร่างสีดำร่างหนึ่ง
คิดไม่ถึงเลยว่าในมิติเช่นนี้จะมีคนอื่นอยู่อีกด้วย!