ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2538 ไม่ตั้งใจเกินไปแล้ว
ตูมมม โครมมม!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมา
มู่เฉียนซีประหลาดใจเล็กน้อย เขารู้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรู้ทุกเรื่องเช่นนี้
คนตรงหน้าผู้นี้จำมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ได้อย่างรวดเร็ว และส่วนนี้ก็เหมือนท่านพี่เป็นอย่างมาก
นี่มันคือการใช้พลังเปลวเพลิงอย่างนั้นหรือ?
“จงดูให้ดี! การใช้พลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งทำให้ข้ารู้แจ้งในทุกสรรพสิ่ง และเจ้าจะสามารถค้นพบมันได้เช่นกัน”
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
หลังจากนั้นมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง
“เศษเพลิงนพเก้า!” ทักษะวิญญาณพลันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และมู่เฉียนซีก็โจมตีต่อไปอีก
ดูเหมือนว่านางจะสามารถเข้าใจบางอย่างได้ แต่กลับไม่สามารถพูดความเข้าใจนี้ออกมาได้ อีกทั้งนางยังถูกชายคนนี้บีบบังคับให้แสดงออกมาด้วยการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า
ปัง ปัง ปัง!
และตอนนี้มู่เฉียนซีก็เริ่มได้รับบาดเจ็บแล้ว ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บจะไม่รุนแรง แต่มันก็ทำให้สุ่ยจิงอิ๋งโกรธมากอยู่ดี
“ใครเป็นเพื่อนเก่าของเจ้ากันแน่? แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนเก่า ก็ไม่สามารถรังแกเจ้านายของข้าเช่นนี้ได้” มีเสียงตะโกนก้องดังออกมาจากมิติ และสุ่ยจิงอิ๋งอยากจะที่ยัดเขาเข้าไป ปในรอยแยกของมิติจริง ๆ
อีกฝ่ายกล่าวตอบอย่างเรียบเฉยว่า “นางอยากจะแข็งแกร่งขึ้นมิใช่หรือ? ข้าช่วยนางได้ไม่มากนัก และข้าก็ทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น”
สุ่ยจิงอิ๋งไม่สามารถหักล้างคำพูดนี้ได้ และมู่เฉียนซีจึงกล่าวตอบว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก! ข้าไม่เป็นอะไร!”
“เอาอีก!”
พลังของธาตุอัคคีระเบิดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งและต่อเนื่อง ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็เริ่มต่อสู้กับคนผู้นี้ต่อ
นางเองก็ไม่รู้ว่าต่อสู้มากี่ครั้งแล้ว แต่ทว่าหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็หยุดต่อสู้ไปอย่างกะทันหัน
ฉัวะ!
เขาไม่หลบหลีก และไม่สกัดกั้น แต่กลับฝืนรับการโจมตีจากมู่เฉียนซีอย่างแข็งแกร่ง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“เพียงพอแล้ว หลังจากนี้ต่อไปเจ้าจะต้องทำความเข้าใจด้วยตนเอง เมื่อเจ้าพักผ่อนเพียงพอแล้ว ค่อยมาสู้ครั้งสุดท้ายกับข้าก็แล้วกัน! หากเจ้าชนะ เจ้าก็สามารถออกไปจากที่นี่ได้” ทันทีที่ พูดจบ เขาก็หายไปต่อหน้าต่อตามู่เฉียนซีอีกครั้ง
เขาเป็นเหมือนกับภูติผีวิญญาณก็มิปาน ซึ่งมันทำให้คนรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่า แต่ความรู้สึกจากเปลวเพลิงที่เขาใช้โจมตีนางนั้น ทำให้นางได้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้คือเรื่องจริง ง
“การต่อสู้สุดท้ายหรือ นี่เขากำลังล้อเล่นอะไรอยู่กันแน่? จะสู้ได้อย่างไรกัน?” มู่เฉียนซีรู้ถึงความแตกต่างระหว่างเขาและนางเป็นอย่างดี ดังนั้งจึงรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย
บางทีความสามารถของคนผู้นี้อาจจะเท่ากับจิ่วเยี่ยเลยก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ เช่นนั้นคู่ต่อสู้เช่นนี้จะรับมือได้ง่ายได้อย่างไร
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ซีเอ๋อร์ ข้าจะช่วยเจ้า! พวกเราไม่ต้องกลัวเขาหรอก”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ตกลง! ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นเช่นไร แต่ก็ต้องสู้อยู่ดี เราจะมาถอยกันตั้งแต่แรกไม่ได้”
ในมิติแห่งนี้นอกจากเปลวเพลิงแล้วก็มีแต่เปลวเพลิง มันไม่มีสิ่งของอย่างอื่นอยู่เลย ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงได้แต่กินยาลูกกลอนเพื่อฟื้นตัวเท่านั้น
มู่เฉียนซีฟื้นตัวได้รวดเร็วมาก ดังนั้นการต่อสู้ในครั้งที่สองนี้จึงจะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้แล้ว
หลังจากนั้นร่างเงาที่คุ้นเคยก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้ามู่เฉียนซี เขาเอ่ยปากว่า “คราวนี้ เจ้าใช้พลังธาตุวารีโจมตีข้าเถอะ! หากใช้พลังธาตุอัคคี เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้หรอก”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย ถึงจะใช้พลังธาตุวารีก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะเขาได้หรอกนะ!
แต่ทว่า ก็มีเพียงแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้นแล้วล่ะ
อย่างเช่นหากใช้พลังวิญญาณธาตุอัคคีก็จะมีโอกาสชนะประมาณหนึ่งในสิบล้าน แต่หากใช้พลังวิญญาณธาตุวารีก็อาจจะโชคดีมีสองในสิบล้านแทน!
ทันใดนั้นพลังธาตุวารีก็ระเบิดออกมา และเข้าต่อสู้กับพลังธาตุอัคคีของในสถานที่แห่งนี้ทันที
มู่เฉียนซีเป็นผู้เปิดฉากการโจมตีก่อน ส่วนฝ่ายตรงข้ามก็ทำแค่เพียงหลบหลีกและยังไม่เริ่มโต้ตอบ
ปัง ปัง ปัง!
มู่เฉียนซียังคงต่อสู้กับเขาหลายสิบกระบวนท่าครั้งแล้วครั้งเล่า
ในตอนที่พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีกำลังจะหมดลง อีกฝ่ายก็ถูกโจมตีเช่นกัน เขาไม่เพียงแต่ถูกโจมตีเท่านั้น ยังถูกพลังธาตุวารีห่อหุ้มไปทั่วทั้งร่าง ราวกับถูกแช่แข็งเอาไว้ก็มิปา าน
“ดูเหมือนว่า ข้าจะแพ้แล้วล่ะ!” เขาเงยหน้าขึ้นไปมองมู่เฉียนซีพลางกล่าวอย่างช้า ๆ
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นมาทันที “แพ้แล้วหรือ? ท่านตั้งใจแสร้งที่จะแพ้หน่อยได้หรือไม่! ท่านอ่อนให้เช่นนี้นี่มันอ่อนให้มากเกินไปแล้วเถอะ”
ต่อให้คนสายตายาวเพียงใดก็สามารถมองออกทั้งนั้น ว่าเจ้าหมอนี้แสร้งทำเป็นยอมรับว่าตนเองพ่ายแพ้
ในตอนที่ทักษะวิญญาณธาตุวารีของนางโจมตีเขา พลังวิญญาณของเขาก็ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง และเปลี่ยนกลายเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีพลังพลังวิญญาณคนหนึ่งเท่านั้น
และหากการโจมตีของนางไม่สามารถจัดการได้แม้แต่คนธรรมดา ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้นางจะถูกศัตรูฆ่าตายไปได้กี่สิบครั้งแล้ว
“หากข้าไม่ยอมแพ้ หรือเจ้าต้องการให้ข้าใช้พลังความสามารถทั้งหมดของข้าอย่างนั้นหรือ?”
ถึงแม้มู่เฉียนซีจะยังคงเห็นรูปร่างหน้าตาของคนผู้นั้นอย่างเลือนราง แต่นางกลับเห็นดวงตาสีแดงเพลิงคู่นั้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้แววตาคู่นั้นยังเต็มไปด้วยพลังเปลวเพลิงอันน่าสะพรึ งกลัวมากอีกด้วย
ด้วยพลังเช่นนี้ทำให้มู่เฉียนซีมีความรู้สึกที่แปลกประหลาดว่าเขาก็คือไฟ และไฟก็คือตัวตนของเขาเอง
หากผู้ชายคนนี้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเขาออกมา คาดว่านางน่าจะทนการโจมตีของเขาได้เพียงเสี้ยวลมหายใจเป็นแน่!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าต้องการออกไป และท่านก็ยอมแพ้ตามที่ข้าต้องการพอดี นอกจากนี้ข้าเองก็ไม่อยากบังคับให้ท่านต้องใช้พลังทั้งหมดในการต่อสู้กับข้าอีกแล้ว เว้นแต่ว่าจิ่วเยี่ย ยของข้าจะลงมือด้วยตนเอง”
แกร่กก!
ชั้นน้ำแข็งที่ผนึกเขาเอาไว้ได้แตกออกต่อหน้าต่อตามู่เฉียนซี
“ข้ามีกฏอยู่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือข้าจะยอมช่วยคนที่สามารถเอาชนะข้าได้อย่างหนึ่ง! เพียงแต่จำกัดในเหวนรกแห่งนี้เท่านั้น” เขากล่าวกับมู่เฉียนซี
“อย่างข้าก็ถือว่าชนะหรือ?” ในบรรดาคนที่ต่อสู้กับนาง การต่อสู้ครั้งนี้นับเป็นการออมมือให้อย่างตั้งใจที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นมาเลยทีเดียว
แม้แต่จิ่วเยี่ยเอง หากเขาจะออมมือให้นางเขาก็จะทำโดยไม่ให้มีใครรู้!
“แน่นอนว่านับอยู่แล้ว! ข้าแพ้แล้ว นี่คือเรื่องจริง” เขากล่าวตอบ
“ท่านคงไม่ทำกับคนอื่นเช่นนี้หรอกกระมัง? มิเช่นนั้นท่านคงจะต้องช่วยทำธุระให้คนอื่นมาไม่น้อยแล้วเป็นแน่” มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นอย่างรุนแรง
เขากล่าวตอบว่า “คนที่เข้ามาข้างในนี้และหาข้าเจอ นอกจากนี้ยังเอาชนะข้าได้ มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามว่า “ทำไมล่ะ?”
นางไม่สนิทกับเขา และไม่รู้ว่าเขาคือใครอีกด้วย
“ข้าเห็นแก่หน้าสุ่ยจิงอิ๋ง เห็นแก่หน้ามังกรวารี โอ้! ยังมีอาถิงด้วย! ส่วนนิรันดร์ช่างมันเถอะ เขามันไร้ยางอายอยู่แล้ว” อีกฝ่ายกล่าวตอบ
เป็นเพื่อนเก่า เพื่อนเก่าของสุ่ยจิงอิ๋ง
สุ่ยจิงอิ๋งมองไปที่เขา นางคิดไม่ออกว่าเขาคือเพื่อนเก่าคนไหนกันแน่ และความรู้สึกนี้ก็ไม่เหมือนกับปีศาจโม่หลีอีกด้วย
ทันทีที่เขาโบกมือ ลูกบอลเพลิงที่อยู่ตรงหน้าของมู่เฉียนซีก็ได้กลายเป็นประตูบานใหญ่บานหนึ่ง เขากล่าวว่า “ผ่านประตูนี้ไปก็สามารถออกไปได้แล้ว เจ้าไปเถอะ!”
“หากเจอปัญหาในเหวนนรก สามารถเรียกชื่อของข้าได้ ข้าสามารถช่วยเจ้าได้หนึ่งครั้ง”
มู่เฉียนซีหันกลับมามองเขาแล้วกล่าวกับเขาว่า “เช่นนั้นท่านชื่อว่าอะไร ข้าต้องเรียกเช่นไร?”
“ข้าชื่อเฮยอิ่ง” น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของเขา ได้พ่นชื่อของเขาออกมา
“เฮยอิ่งรึ เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยล่ะ เจ้าคงไม่ได้หลอกซีเอ๋อร์ของพวกเราหรอกนะ!” สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวพลางมองเขาอย่างสงสัย
แม้ว่าจะจำศีลไปนานมาก และยังไม่สมบูรณ์นัก แต่นางก็ไม่ได้สูญเสียความทรงจำเสียหน่อย
“นี่คือชื่อของข้า และมันเป็นชื่อของข้ามาโดยตลอด” เฮยอิ่งกล่าวตอบ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง พวกเราไปกันเถอะ!”
นางไม่รู้ว่าเขาคือใคร และสุ่ยจิงอิ๋งเองก็ไม่รู้เช่นกัน แม้ว่าคนผู้นี้จะลึกลับมาตั้งแต่แรก แต่กลับไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอันตราย นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกที่ใกล้ชิดมากอีกด้วย
เขาไม่เคยต้องพ่ายแพ้ให้กับผู้ใดมาก่อนแต่กลับยอมแพ้ให้กับนางที่มีความสามารถอ่อนด้อยกว่าเขามากมายเช่นนี้ นอกจากนี้ยังฝึกฝนพลังธาตุอัคคีให้นางอย่างเข้มงวด แต่ทว่าตอนสู้กันค ครั้งสุดท้ายกลับยอมให้นางเป็นพิเศษ
คนผู้นี้ทำให้นางรู้สึกพิเศษมาก ฉะนั้นเขาจะต้องไม่ใช่ศัตรูแน่นอน