ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2539 เช่นนั้นก็ยอมแล้วกัน
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวว่า “ตกลง!”
หลังจากนั้นสุ่ยจิงอิ๋งจึงกลับเข้าไปในร่างของมู่เฉียนซี ตอนแรกที่นางอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานนั้นก็เพื่อปกป้องซีเอ๋อร์จากคนที่ไร้ชื่อผู้นั้น แต่ตอนนี้ซีเอ๋อร์สามารถออกมาได้ แล้ว ฉะนั้นนางเองก็ต้องกลับไปพักผ่อนแล้วเช่นกัน
“จำเอาไว้ หากเจ้าเจอปัญหา ต้องการให้ข้าช่วย! ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ในเหวนรกแห่งนี้ข้าย่อมสามารถช่วยเจ้าได้” เฮยอิ่งกล่าวกับมู่เฉียนซี
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
“ในเมื่อเจ้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็อย่าได้รีรออีกเลย ไปเถอะ!”
ทันทีที่มู่เฉียนซีเหยียบเข้าไปในประตูบานนั้น เฮยอิ่งที่อยู่ข้างหน้าก็หายไปในทันที
เขายืนอยู่เงียบ ๆ ตรงประตูนั้นเป็นเวลานาน เปลวเพลิงลุกโชนไปทั่วทั้งพื้นที่ และสุดท้ายเขาก็หายไปท่ามกลางเปลวเพลิง
หลังจากที่ออกมาจากมิติแห่งเปลวเพลิง มู่เฉียนซีในเวลานี้ก็กลับมายังชั้นที่ห้าอีกครั้ง
สีหน้าของนางมืดมนลงทันที พลางบ่นพึมพำว่า “หรือจะต้องไปหาผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าที่ถึงตายอย่างไรก็ไม่เชื่อว่าข้าเป็นมนุษย์ผู้นั้นอีกครั้งอย่างนั้นหรือ เจ้าคนตาบอดนั่น”
อันที่จริงแล้วมู่เฉียนซีไม่ได้อยากจะเจอเจ้าหมอนั่นอีกแล้ว หากเจอกันก็คงจะถูกไล่ล่าอย่างเลี่ยงไม่ได้อีกเป็นแน่
นางตัดสินใจหาที่อยู่ของเขาให้เจอก่อน หลังจากนั้นค่อยลอบจัดการเขา และข่มขู่ให้เขามานำทางให้นาง
การจัดการกับเจ้าหมอนี่ นางไม่อยากที่จะพูดคุยกันดี ๆ หรือใช้วิธีที่สันติเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
ปีศาจเหวนรกในชั้นห้านี้มีน้อยกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก และดูเหมือนว่าผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าจะสามารถจัดการได้อย่างราบรื่นมากเลยทีเดียว
ในตอนที่นางกลับมาถึงชั้นที่ห้าอีกครั้ง มู่เฉียนซีก็สัมผัสได้ว่าความรู้สึกที่ถูกจับตามองกลับมาอีกครั้งแล้วเช่นกัน เจ้าหมอนี่จะต้องอยู่ฝ่ายปีศาจเหวนรกอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซียังไม่ทันหาโอกาสลอบโจมตีผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าผู้นั้นได้เลย แต่ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าผู้นั้นกลับเจอนางเสียก่อน เขามองไปทางมู่เฉียนซีอย่างประหลาดใจพลางกล่าวว่า “เ เป็นเจ้า…เป็นเจ้า…”
เขารีบพุ่งทะยานมาหามู่เฉียนซี จากนั้นก็เกือบที่จะหลั่งน้ำตาด้วยความตื่นเต้น
สวรรค์ให้โอกาสเขาได้ชดเชยความผิดพลาดในอดีตแล้ว แน่นอนว่าเขาจะต้องทะนุถนอมมันให้ดี ต้องทะนุถนอมเป็นพิเศษเลยด้วย
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเขาพบตัวก่อนเช่นนี้” สีหน้าของมู่เฉียนซีจริงจังขึ้นมาทันที ทางที่ดีควรหนีไปก่อน?
ตอนนี้พลังวิญญาณของนางกลับมาแล้ว นางจึงรีบหันกลับไปและใช้พลังธาตุวายุทันที บวกกับการเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา มันจึงทำให้มู่เฉียนซีหนีได้รวดเร็วกว่าครั้งที่แล้วมากมายนัก แม้ว่าจะไม่มีปีศาจเหวนรกคอยขัดขวาง แต่การที่ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าจะไล่ตามนางไปนั้นก็ไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน
“รอเดี๋ยวก่อน! เจ้าอย่าหนีเลย! ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริง ๆ ข้าไม่ควรคิดว่าเจ้าเป็นปีศาจเหวนรกเลย ข้าขอโทษเจ้าด้วยความจริงใจ เจ้าหยุดก่อนได้หรือไม่!” ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห ห้าตะโกนด้วยเสียงอันดังก้อง และทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของเขาเอง!
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “เจ้าอย่ามาหลอกข้าเลย เจ้ามันคนไม่ดี เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าอยากจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโมโหจริง ๆ “ข้าพูดความจริง จริง ๆ…”
ถึงจะมาเชื่อตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะมู่เฉียนซีไม่เชื่อเขา ดังนั้นจึงหนีไปอย่างรวดเร็วมากขึ้นอีก
ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ากล่าวว่า “มู่เฉียนซี ท่านซี ข้าพูดจริง ๆ นะขอรับ! ท่านจิ่วเยี่ยกำลังตามหาท่าน ตอนนี้เขาไปถึงชั้นที่เจ็ดแล้ว เจ้าราชาปีศาจนั่นอันตรายมาก ท่านวางใจให้เขา ไปสู้กับเจ้าราชาปีศาจนั่นเพียงลำพังจริง ๆ หรือ”
มู่เฉียนซีหยุดฝีเท้าลงทันที “คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะรู้จักจิ่วเยี่ย หรือว่าเจ้าจะเป็นปีศาจเหวนรกที่ปลอมตัวได้ตัวนั้น?”
อย่างไรเสียมันก็เคยปลอมตัวเป็นผู้พิทักษ์ชั้นที่สี่มาหลอกนาง ฉะนั้นการปลอมตัวเป็นผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย
“ข้าไม่ได้พูดโกหกเลยสักคำเดียว ท่านซีจะเชื่อใจข้าสักหน่อยจะได้หรือไม่?”
“ก่อนหน้านี้ข้าจริงใจมามากแล้ว แต่เจ้าก็ไม่เชื่อข้าเอง! ตอนนี้ยังกล้ามาพูดเรื่องจริงใจกับข้าอีกหรือ ไปเลย!” มู่เฉียนซีไม่เชื่อเจ้าหมอนี่อย่างสิ้นเชิง
มู่เฉียนซีสามารถหนีออกมาได้อย่างราบรื่น และหลังจากที่สลัดเขาหลุดไปแล้ว มู่เฉียนซีก็มั่นใจได้แล้วว่าผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าอยู่ที่ใดกันแน่
เมื่อใช้พลังจิตวิญญาณกำหนดเป้าหมายเป็นเขาเอาไว้แล้ว ต่อไปนางเพียงแค่รอโอกาสที่เหมาะสมที่สุดในการลอบโจมตีเขาเท่านั้นเอง
“อ๊ากกกก! หายไปแล้ว กว่าจะหาท่านซีเจอ คิดไม่ถึงว่าจะหายไปอีกแล้ว” ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ากล่าวอย่างบ้าคลั่ง
ที่เขาต้องมากระอักเลือดตอนนี้ก็เป็นเพราะความโง่เง่าของตนเองก่อนหน้านี้ เหตุใดถึงไม่ยอมเชื่อนางกันนะ เพราะอะไรกัน?
ในตอนที่ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ากำลังตกอยู่ในความบ้าคลั่ง มู่เฉียนซีก็หาโอกาสลอบโจมตีเขาได้แล้ว นางกล่าวว่า “เสี่ยวเฉี่ย เจ้าเคลื่อนไหวเลย!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ โจมตีได้!”
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
ตูมมม โครมมม!
ชั่วขณะหนึ่งผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าถูกล้อมโจมตีอย่างกะทันหัน เขารู้จักหนามโลหิตอันนั้น มันคือพืชกลายพันธ์ุของท่านซีมิใช่หรือ?
นางจะต้องอยากทุบตีเขาเพื่อระบายความโกรธอย่างแน่นอน อย่างไรเสียเขาก็ตายไม่ได้อยู่แล้ว เช่นนั้นก็ยอมไปก็แล้วกัน!
ปล่อยให้ท่านซีทุบตีจนสบายใจแล้ว นางน่าจะมีความสุขขึ้นมาบ้าง หลังจากนั้นค่อยคุยกับนางดี ๆ และสุดท้ายก็ทำให้นางเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
มู่เฉียนซีค้นพบว่าเจ้าหมอนี่ออมมือให้นาง แต่ก็ไม่เหมือนกับเฮยอิ่ง เพราะเขาออมมือให้อย่างตั้งใจ ซึ่งเป็นการออมมือให้แบบที่ไม่แสดงออก
เนื่องจากว่าตอนที่ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าต่อสู้กับมู่เฉียนซีเขาไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ ดังนั้นเขาจึงถูกหนามโลหิตมัดเอาไว้จนกลายเป็นบ๊ะจ่างห่อใหญ่เลยทีเดียว
ฉึก!
เข็มยาเข็มหนึ่งปักลงไปบนต้นคอของเขา มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ตอนนี้พวกเรามาคุยกันได้แล้ว”
“เจ้าไม่ได้เป็นปีศาจเหวนรกที่ปลอมตัวมา แต่เจ้าเป็นผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
ก่อนหน้านี้เขาสงสัยว่านางคือปีศาจเหวนรก แต่ตอนนี้ลมได้เปลี่ยนทิศไปแล้ว เปลี่ยนมาเป็นเขาถูกนางสงสัยแทนเสียแล้ว ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ากล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ใช่แล้ว! ข้าไม่ได ด้เป็นปีศาจเหวนรก ข้าจะเป็นปีศาจเหวนรกได้อย่างไรกัน!”
“ที่เจ้าพูดเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ? เจ้าเคยเจอจิ่วเยี่ยแล้วอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ใช่ ๆ ๆ! พวกเราเคยเจอท่านจิ่วเยี่ยแล้ว”
“จงเล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียด! อย่าพลาดอะไรไปแม้แต่อย่างเดียว”
“แน่นอน แน่นอนอยู่แล้ว! ท่านซีโปรดวางใจเรื่องนี้ได้เลย! ข้าจะต้องเล่าให้ท่านฟังอย่างละเอียดแน่นอน”
ตามที่เขาพูดมา ทำให้มู่เฉียนซีเลือกที่จะเชื่อเขาชั่วคราว และนางก็รู้ดีว่าจิ่วเยี่ยกำลังตามหานางอยู่
โชคดีที่การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเฮยอิ่งยอมอ้อมมือให้นาง มิเช่นนั้นก็คงไม่รู้ว่านางจะได้ออกมาเมื่อไร แต่ตอนนี้นางจำเป็นต้องไปรวมตัวกับจิ่วเยี่ยที่ชั้นที่เจ็ดให้เร็วที่สุด
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นำทางสิ! ข้าต้องไปชั้นที่หก”
“ขอรับ! ข้าจะไปส่งท่านเดี่ยวนี้ เมื่อถึงตอนนั้นท่านอย่าลืมพูดถึงด้านดี ๆ ของข้าต่อหน้าท่านจิ่วเยี่ยด้วยนะขอรับ” เขากล่าวอย่างประจบประแจง
“เรื่องนี้เจ้ายอมแพ้ไปซะเถอะ! กล้ามาไล่ล่าข้า ไม่เชื่อข้า ข้าไม่พูดถึงเจ้าแย่ ๆ ก็ถือว่าใจดีกับเจ้ามากแล้ว”
“โฮกกกกก!” ในตอนที่ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ากำลังจะพามู่เฉียนซีไปชั้นที่หก ปรากฏว่ามีปีศาจเหวนรกที่มีตาหามีแววไม่พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขา
มู่เฉียนซีหยิบกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา นางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อเจ้าพวกนี้มาที่นี่แล้ว! เช่นนั้นก็ให้ข้าได้ลองวิชาสักหน่อยก็แล้วกัน ข้าจะได้รู้ว่าตนเองควบค คุมเปลวเพลิงไปได้ถึงขั้นไหนแล้ว?”
ตอนที่เผชิญหน้ากับเฮยอิ่ง นางรู้สึกว่าการควบคุมเปลวเพลิงของตนเองนั้นย่ำแย่เป็นอย่างมาก ซึ่งความมั่นใจของนางก็ถูกทำลายไปจนหมดแล้ว
ตูมมม โครมมม!
ลำแสงปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันกัน ทักษะวิญญาณยังคงเป็นเหมือนเดิม เป็นทักษะวิญญาณที่นางใช้อย่างชำนาญมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ทว่าแรงกดดันของมันกลับไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ ว
“เพลิงนภาพิฆาต!”
“เศษเพลิงนพเก้า!”
ปัง ปัง ปัง!
ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าเองก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน แม่นางน้อยผู้นี้ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน และที่นางเกือบจะถูกพวกเขาไล่ตามจนหมดหนทางก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพราะว่าพลังวิญญาณของนา างนั้นถูกผนึกเอาไว้นั่นเอง!