ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2540 เขาเป็นคนดี
มู่เฉียนซีได้ร่วมมือกับสัตว์พันธสัญญาของนางและเสี่ยวเฉี่ยเพื่อกำจัดปีศาจเหวนรกเหล่านี้ หลังจากนั้นนางก็ได้กล่าวกับผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าว่า “มัวแต่ตะลึงงันอะไรอยู่ล่ะ? เร็ว เข้าสิ! จิ่วเยี่ยกำลังรอข้าอยู่”
“ขอรับ! ข้าจะพาไปเดี๋ยวนี้!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง! ในเหวนรกแห่งนี้นอกจากกิเลนแห่งนรกแล้ว คนที่แข็งแกร่งมากที่สุดคนนั้นคือใครกันแน่?”
“คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือท่านผู้นั้น พวกเราไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นที่จริงแล้วเป็นใครกันแน่ นับตั้งแต่ก่อนที่ข้าจะกลายมาเป็นผู้พิทักษ์ของเหวนรกแห่งนี้ ท่านผู้นั้นก็ได้อย ยู่ที่เหวนรกแห่งนี้แล้ว และไม่รู้ว่าระหว่างเขากับท่านกิเลนแห่งนรกใครมาที่เหวนรกแห่งนี้ก่อนกัน แต่การเข้าฌานของท่านกิเลนแห่งนรกนั้นโด่งดังมาก ส่วนท่านผู้นั้น…” ผู พิทักษ์ชั้นที่ห้ากล่าว
และมู่เฉียนซีก็ได้กล่าวต่อจากเขาว่า “และเขานั้นเหมือนเงาดำผู้หนึ่งก็มิปาน นอกจากนี้ยังไม่สามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของเขาได้เลยแม้แต่น้อย หากเจ้าไม่ใช่ผู้พิทักษ์ของเหวนรก ก็คาดว่าน่าจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเขา ใช่หรือไม่?”
“ใช่เล้ว! เป็นเช่นนั้นแหละ แต่…” เขามองไปทางมู่เฉียนซีอย่างประหลาดใจ หลังจากนั้นก็กล่าวว่า “ทะ…หรือท่านจะเคยเจอท่านผู้นั้นแล้ว? มิ…มิเช่นนั้นท่านจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไ ไร?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ใช่! ข้าเคยเจอเขาแล้ว หากไม่ถูกพวกเจ้าไล่ล่าจนหมดหนทาง ข้าก็คงไม่ต้องพุ่งเข้าไปในรอยแตกนั้น โชคดีที่คนที่เจอในมิติแห่งนั้นไม่ใช่คนเลว นอกจากนี้ยังถื อว่าได้เจอคนดีคนหนึ่งเลยล่ะ ”
คนดี! นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่?
ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ารู้สึกเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก หากจะบอกว่าท่านกิเลนแห่งนรกมีอำนาจและทรงพลังเป็นอย่างมากแล้วละก็ แต่ท่านผู้นั้นที่ถือได้ว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กันก็เย็นชาจนไ ไม่เห็นสิ่งใดอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน
เขาอยู่แต่ในพื้นที่ของตนเองเท่านั้น เขาไม่คิดที่จะสนใจสิ่งใดเลย และยังไม่คิดจะดูแลหรือจัดการสิ่งใด ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถสังหารคนได้ตามอำเภอใจโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้ อย แต่ปรากฏว่าแม่สาวน้อยผู้นี้กลับคิดว่าท่านผู้นั้นเป็นคนดีคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากที่นางได้เจอท่านผู้นั้นแล้ว แต่ยังสามารถออกมาได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังปลอดภัยอีกด้วย
มู่เฉียนซีค้นพบว่าผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าเงียบไป นางจึงกล่าวว่า “ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้ว่าเขาคือใครอย่างนั้นสินะ?”
“พวกเราไม่รู้ว่านายท่านผู้นั้นคือใคร และไม่รู้ชื่อของเขาด้วย แต่ข้ารู้มาว่าเขาคือนักหลอมอาวุธ ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วมักจะมีผู้แข็งแกร่งมาหาเขา บางคนมาหาเขาเพื่อให้เ เขาสร้างมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพขั้นสูงสุดให้ และบางคนก็มาหาเขาเพื่อให้ซ่อมมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพให้ ข้าได้ยินมาว่านอกจากมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เขา าจะหลอมออกมาไม่ได้ แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น” ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ากล่าวกับมู่เฉียนซี
“นักหลอมอาวุธหรือ เป็นทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างและการซ่อมแซม! นอกจากมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพแบบใดก็สามารถหลอมได้อย่างนั้นหรื อ และหากไม่ได้ให้เขาหลอม แต่ให้ซ่อมมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ล่ะ เขาจะสามารถทำได้หรือไม่?” มู่เฉียนซีบ่นพึมพำออกมา
สุ่ยจิงอิ๋งยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังมีชิ้นส่วนอีกห้าชิ้นที่ขาดหายไป ส่วนพวกอาถิง นิรันดร์ พิฆาตวิญญาณ มังกรเพลิง รวมถึงมังกรวารีต่างก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หากมีนักหลอม อาวุธที่แข็งแกร่งสามารถซ่อมแซมได้ เช่นนั้นมันจะต้องเป็นผลดีกับพวกเขาแน่นอน
หลังจากที่เจอจิ่วเยี่ยและต่อสู้กับกิเลนแห่งนรกเสร็จแล้ว นางค่อยขอความช่วยเหลือจากเฮยอิ่งก็แล้วกัน
เมื่อผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้าถูกมู่เฉียนซีตั้งคำถาม เขาจึงกล่าวว่า “เรื่องนั้น เขาน่าจะสามารถทำได้นะ! อย่างไรเสียในข่าวลือก็ได้บอกเอาไว้แล้วว่าท่านผู้นั้นเป็นนักหลอมอาวุธที่ น่าทึ่งเป็นอย่างมาก”
และในเวลานี้พวกเขาก็สามารถเดินทางมาถึงชั้นที่หกได้แล้ว ในชั้นที่หกนี้แตกต่างจากชั้นอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง เพราะชั้นที่หกนี้เป็นเขาวงกตนั่นเอง
“วางใจได้เลย ข้ามีประสบการณ์ในการผ่านเขาวงกตแห่งนี้มาแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าสามารถพาท่านจิ่วเยี่ยออกไปได้ และยังสามารถพาท่านจิ่วเยี่ยไปหาผู้พิทักษ์ชั้นที่หกได้สำเร็จมาแล้ว ฉ ฉะนั้นครั้งนี้ก็จะต้องหาเจออย่างแน่นอน”
เขาวงกตแห่งนี้กว้างใหญ่มาก โชคดีที่มีคนที่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้คอยนำทางให้ มิเช่นนั้นนางก็ไม่รู้ว่าต้องวนเวียนอยู่ที่นี่นานเท่าไรถึงจะสามารถออกไปได้
ระหว่างทางเป็นไปได้อย่างราบรื่นมาก แต่ทว่าในเวลานี้กลับมีปีศาจเหวนรกกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น และปีศาจเหวนรกกลุ่มนี้ก็ยังสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ แม้ว่าผิวพรรณของมันจะดำมา ากไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถือว่าขี้เหร่เลย!
พวกมันเดินมาหามู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “มู่เฉียนซี ท่านซี ตอนนี้ท่านจิ่วเยี่ยรอท่านอยู่กับราชาปีศาจของพวกเราแล้ว และพวกข้าก็มาที่นี่เพื่อเชิญท่านไปยังสถานที่แห่งนั้นโดยเฉพาะ ะ”
ปีศาจเหวนรกเหล่านี้มีความเข้าใจมารยาทของมนุษย์เป็นอย่างดี อีกทั้งยังพูดจาได้สุภาพมากอีกด้วย
ตั้งแต่ชั้นที่ห้าจนมาถึงชั้นที่หก ก็มีสายตาของใครบางคนเฝ้ามองนางอยู่ตลอด ฉะนั้นการที่ปีศาจเหวนรกเหล่านี้หานางเจอ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรเลย
นางตกเป็นเป้าหมายของราชาปีศาจเหวนรกเฒ่าผู้นั้น เขามีความสามารถในการมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในเหวนรกแห่งนี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องรู้ตำแหน่งของนางได้อย่างแม่นยำอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? หากจิ่วเยี่ยของข้าหาราชาปีศาจของพวกเจ้าเจอแล้วจริง ๆ ละก็ เช่นนั้นราชาปีศาจของพวกเจ้าก็คงเชี่ยวชาญทักษะในกา ารแยกร่างไปแล้วล่ะ ฉะนั้นเขาจะยังสามารถเสียสมาธิมาออกคำสั่งกับพวกเจ้าให้มาเชิญข้าไปได้อย่างไร แค่สามารถรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่า จิ่วเยี่ยของข้าไม่มีทางอยู่ร่วมกับราชาปีศาจของพวกเจ้าอย่างสงบสุขได้แน่นอน”
นางเข้าใจจิ่วเยี่ยเป็นอย่างดี เพราะปีศาจเหวนรกจับนางไป ทำให้นางกับเขาต้องแยกจากกัน ฉะนั้นขอเพียงจิ่วเยี่ยตามหาราชาปีศาจเหวนรกเจอ เขาจะต้องลงมือกับราชาปีศาจเหวนรกโดยไม่ พูดอะไรสักคำอย่างแน่นอน
และตอนนี้จิ่วเยี่ยน่าจะอยู่ที่ชั้นที่เจ็ดแล้ว แต่เขายังหาที่อยู่ของราชาปีศาจเหวนรกไม่เจอเท่านั้นเอง
และการที่ราชาปีศาจเหวนรกรีบร้อนส่งคนมาเพื่อเชิญนางไป นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาก็คือคนที่เฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่แน่นอน เขารู้ว่าความสามารถของจิ่วเยี่ยแข็งแกร่ง มากเพียงใด และเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะเผชิญหน้ากับจิ่วเยี่ยได้ ดังนั้นจึงมาเชิญนางไปเพื่อเป็นไม้เด็ดของเขา
เขาคิดว่าคงจะสามารถข่มขู่จิ่วเยี่ยได้ หากว่ามีตัวประกันอยู่ในมือ
“ในเมื่อท่านซีไม่ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี เช่นนั้นพวกเราก็คงทำได้เพียงบีบบังคับให้ท่านซีไปกับพวกเราด้วยความรุนแรงเท่านั้น” พวกเขาเจรจากันด้วยเหตุผลก่อน และเมื่อล้มเหลวจึงใ ใช้กำลัง!
“เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ากล่าวว่า “ปีศาจเหวนรกอย่างพวกเจ้าจะหยิ่งผยองเกินไปแล้วจริง ๆ”
ตูมมม โครมมม!
ทั้งสองฝ่ายเปิดเปิดฉากต่อสู้กันทันที มู่เฉียนซีได้ปล่อยเสี่ยวเฉี่ยออกมาเพื่อจัดการโดยรอบ แม้ว่าจะไม่ได้มีพลังเท่าเดิม แต่ก็ไม่ได้แย่เลย
นางกวัดแกว่งกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกไป และเปลวเพลิงก็ลุกลามไปทั่วบริเวณโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป “ไสหัวออกไปให้หมด!”
“เพลิงนภาพิฆาต!”
ตูมม โครมมม!
หลังจากที่จัดการปีศาจกลุ่มนี้ไปแล้ว พวกเขาก็เจอกับอีกกลุ่มหนึ่งในเขาวงกต ซึ่งเป้าหมายของพวกมันก็เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือการพามู่เฉียนซีไปหาราชาปีศาจของพวกมัน
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ยังไม่ออกจากเขตของเขาวงกตอีกหรือ?”
“ใกล้แล้ว ใกล้จะออกไปได้แล้ว! หลังจากที่ออกไปจากเขาวงกตและหาผู้พิทักษ์ชั้นที่หกเจอเมื่อไร พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเจ้าพวกนี้อีกต่อไปแล้ว!”
เนื่องจากว่าสายตาที่เฝ้ามองนั้นยังคงอยู่ ดังนั้นปีศาจเหวนรกเหล่านั้นจึงสามาถหาพวกเขาเจอได้อย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เจ้ารู้จักราชาปีศาจเหวนรกนั่นหรือไม่ ข้ารู้สึกสง งสัยว่าเขาสามารถรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในเหวนรกทั้งเจ็ดชั้นนี้ได้อย่างชัดเจน”
“เขามีความสามารถอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งมันเรียกว่าเนตรราชาปีศาจ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อจัดการท่าน เขาจะใช้แม้แต่วิธีการเช่นนี้ ดูเหมือนว่าพวกเรายากที่จะหนีรอดไปจากเงื้อมมือของรา าชาปีศาจได้แล้ว!” ผู้พิทักษ์ชั้นที่ห้ากล่าวด้วยความประหลาดใจ
เหตุผลที่เจ้าหมอนั่นต้องประสบปัญหามากมายเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะท่านจิ่วเยี่ยแน่นอนอยู่แล้ว เขาจะหาท่านจิ่วเยี่ยไปทำไมกัน? ซึ่งเขาเกรงว่าน่าจะมีเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น!
ท่านจิ่วเยี่ยสามารถต่อสู้กับท่านกิเลนแห่งนรกจนทำให้ผนึกแตกออกได้ นั่นก็หมายความว่าท่านจิ่วเยี่ยจะต้องสามารถทำลายผนึกของราชาปีศาจเหวนรกได้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงได้มีควา ามคิดที่จะทำเช่นนี้