ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2545 จิ่วเยี่ยสู้กับยวน
จิ่วเยี่ยขอดีกินเลนกับเขาโดยตรงเช่นนี้ อย่าว่าแต่กิเลนแห่งนรกที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้จะไม่ยอมเลย แม้แต่สัตว์เทพธรรมดาทั่วไปเองก็ไม่มีทางยอมมอบให้ง่าย ๆ เช่นกัน
ยวนยืนขึ้นมาทันที กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวนั้นสูงขึ้นราวกับภูผาที่สูงเกินเอื้อมถึงก็มิปาน นอกจากนี้เปลวเพลิงของเขายังกำลังแผดเผาทุกสิ่งที่อยู่โดยรอบให้หลอมละลายอีกด้วย
“ต้องการดีกิเลนของข้าอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ต้องรอดูว่าเจ้าจะมีชีวิตมาเอาไปได้หรือไม่! เจ้าเป็นคนแรกที่กล้ามาพูดเช่นนี้กับข้า” น้ำเสียงของยวนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอัน นน่าสะพรึงกลัว
“ในเมื่อไม่ยอมให้ เช่นนั้นข้าก็คงทำได้เพียงใช้กำลังแย่งมาสินะ” ทันทีที่พูดจบ ร่างเงาของจิ่วเยี่ยเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีดำสนิท และพุ่งไปทางกิเลนแห่งนรกทันที
ยวนกล่าวว่า “ความสามารถของเจ้าไม่ได้แข็งแกร่งมากกว่าเดิมเท่าไรนัก คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้ากลับมาอีกครั้ง รนหาที่ตายนัก!”
เขาไม่เห็นการโจมตีที่เล็กน้อยของจิ่วเยี่ยนี้ อยู่ในสายตาเลยสักนิด!
ตูมมมม!
ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมาจากมิติกิเลนแห่งนี้
การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวนี้ หากอยู่ข้างนอกก็คงจะเพียงพอทำลายล้างโลกได้เลยทีเดียว
ทว่าที่นี่คือมิติกิเลน เป็นสถานที่ที่มีความเสถียรเป็นอย่างมาก อาศัยเพียงแค่พลังของพวกเขาทั้งสองคน ไม่สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงให้ได้อยู่แล้ว
ปัง ปัง ปัง!
ยิ่งต่อสู้กัน จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของกิเลนแห่งนรกแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไร เปลวเพลิงของจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
“ความจริงแล้วข้าค่อนข้างชอบเจ้าเลยทีเดียว ก่อนที่จะมาเจอเจ้า ข้าไม่ได้มีความสุขกับการต่อสู้กับคนอื่นมานานมากแล้ว! เพียงแต่เจ้าไม่ควรคิดที่จะต้องการส่วนหนึ่งในร่างกายของข้า เ เจ้านี่มันช่างรนหาที่ตายจริง ๆ!” ยวนกล่าวอย่างเย็นชา
การต่อสู้ครั้งนี้ หากมู่เฉียนซียื่นมือเข้าไปแทรกย่อมเป็นการรนหาที่ตายให้ตนเองอย่างแน่นอน แต่ทว่าความสามารถของศัตรูแข็งแกร่งเกินไป มันจึงทำให้นางอดที่จะเป็นห่วงจิ่วเยี่ยไม่ได้ เลยจริง ๆ
นางเหลือบมองไปที่ราชาปีศาจเหวนรกพลางกล่าวว่า “ในเวลาเช่นนี้ เจ้าควรจะพิสูจน์ประโยชน์ของตนเองมิใช่หรือ? จะมายืนบื้ออยู่ที่นี่ไปทำไมกัน?”
ราชาปีศาจกล่าวว่า “หากข้าเข้าไปทั้งอย่างนี้ มันอาจจะขวางมือขวางเท้า จนส่งผลกระทบต่อการโจมตีของเจ้านายก็ได้นะขอรับ!”
การต่อสู้ระหว่างลูกพี่ใหญ่ทั้งสองนั้นน่ากลัวเหลือเกิน หากเขาเข้าไปยุ่งจะต้องไม่เหลือแม้แต่กระดูกแน่นอน แล้วเขาจะกล้าได้อย่างไร?
“ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าเข้าไปเผชิญหน้าตรง ๆ เสียหน่อย เจ้าเป็นราชาปีศาจมิใช่หรือ? เจ้าไม่รู้วิธีเล่นสกปรกเลยอย่างนั้นหรือ? เจ้าลอบโจมตีไม่เป็นหรือไง?” มู่เฉียนซีกล่าว
“ลอบโจมตีอย่างนั้นหรือ! นี่มันจะไม่เปิดเผยเกินไปหน่อยหรือ?” ราชาปีศาจเหวนรกกล่าว
พูดกันตามความจริง เขาไม่กล้าแม้แต่จะลอบโจมตีด้วยซ้ำน่ะสิ!
หากมันบอกออกไปตามตรงว่าไม่กล้าแม้แต่จะลอบโจมตี มันจะต้องถูกกำจัดทิ้งอย่างแน่นอน
แต่เมื่อเห็นสายตาตักเตือนของมู่เฉียนซี มันก็ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมแล้วกล่าวว่า “ตกลง! ข้าจะไปลอบโจมตีเอง! ข้ารับประกันได้ว่าภารกิจจะต้องสำเร็จแน่นอน!”
ขอเพียงสามารถเอาดีกิเลนมาได้ นางก็จะสามารถถอนคำสาปให้จิ่วเยี่ยได้แล้ว ถึงวิธีการมันจะน่ารังเกียจมากไปหน่อยก็ช่างปะไร!
“เสี่ยวเฉี่ย!” เจ้าราชาปีศาจเหวนรกไม่ใช่คนที่น่าเชื่อถือเท่าไรนัก ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงอยากที่จะส่งเสี่ยวเฉี่ยออกไปด้วย
“สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยธาตุอัคคี ซึ่งความจริงแล้วมันทำให้เจ้าเสียเปรียบมาก! ฉะนั้นเจ้าตัดสินใจที่จะลงมือจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“เจ้าต้องผ่านอุปสรรคมากมายกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ ฉะนั้นก็จำเป็นต้องพยายามอย่างสุดความสามารถสิ วางใจเถอะ! ข้าไม่ได้เป็นพืชกลายพันธุ์ธรรมดาเสียหน่อย” เสี่ยวเฉี่ยกล่าวกับมู่เฉียนซี
หนามโลหิตแทรกซึมเข้าไปทั่วทุกมุมของสถานที่แห่งนี้
ฟู่วว เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!
เปลวเพลิงได้แผดเผาไปบนหนามโลหิตเหล่านั้น มันเผาหนามโลหิตจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ซึ่งดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะสัมผัสความเจ็บปวดบนร่างกายของเสี่ยวเฉี่ยได้ ความแข็งแกร่งนี้มันจะต่างกั นมากเกินไปแล้ว
ตูมมม โครมมม!
จิ่วเยี่ยต่อสู้กับกิเลนแห่งนรกจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ และในที่สุดราชาปีศาจเหวนรกกับเสี่ยวเฉี่ยก็สามารถหาโอกาสในการลอบโจมตีได้เช่นกัน
ปัง ปัง ปัง!
การลอบโจมตีของพวกเขาไม่ได้ผลมากเท่าไรนัก แต่มันกลับทำให้กิเลนแห่งนรกโมโหมากขึ้นไปอีก
“คราวนี้เจ้าหาผู้ช่วยมาเพิ่มอีกสองตัวสินะ! ข้ามองเจ้าสูงเกินไปจริง ๆ เจ้าคิดว่ามีตัวช่วยเพิ่มมาอีกสองตัวแล้วจะสามารถเอาชนะข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเราก็ไม่ได้อยากทำเช่นนี้ แต่พวกข้าต้องการดีกิเลนจริง ๆ! หากเจ้ามอบมันให้ พวกเราก็สามารถเจรจากันได้ ข้าสามารถมอบสิ่งของบางอย่างเพื่อชดเชยให้เจ้าได้ ”
“พรูดดดด! ของชดเชยหรือ สิ่งของที่ข้าต้องการมากที่สุดพวกเจ้าไม่สามารถให้ข้าได้หรอก ฉะนั้นจงอย่าพูดเรื่องไร้สาระให้มากนักแล้วสู้ไปเถอะ!”
ชายหนุ่มรูปงามราวสัตว์ร้ายที่อยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงนั้นได้เปลี่ยนกลายร่างกายเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ยักษ์ขึ้นมาทันที แน่นอนว่านี่เป็นสัตว์เทพที่มีร่างกายที่ใหญ่มากที่สุดเท่าท ที่มู่เฉียนซีเคยเห็นมาเลย และมันก็คือกิเลนแห่งนรกนั่นเอง
ซึ่งแต่ละเกล็ดของมันล้วนเต็มไปด้วยเครื่องหมายรูปเปลวเพลิง หลังจากนั้นพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งก็ระเบิดออกมา
“พวกเจ้าทั้งหมด ไสหัสออกไปซะ!” ยวนกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ปัง ปัง ปัง!
และร่างทั้งสองร่างก็ลอยกระเด็นออกไป ร่างหนึ่งก็คือราชาปีศาจเหวนรก ส่วนอีกร่างก็คือเสี่ยวเฉี่ยนั่นเอง
ปังง!
มู่เฉียนซีไม่สนใจราชาปีศาจเหวนรกเลยแม้แต่น้อย แต่นางกลับวิ่งเข้าไปรับเสี่ยวเฉี่ยของตนเองเอาไว้
เสี่ยวเฉี่ยกล่าวว่า “เจ้ากิเลนแห่งนรกนี่ ช่างแข็งแกร่งจนผิดปกติไปแล้วจริง ๆ! ดูเหมือนว่าพวกข้าจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว คงทำได้เพียงปล่อยให้คนวิปลาสของเจ้าสู้แบบหนามยอกเอาหนามบ่ง แล้วล่ะ! ถึงข้าจะเคยได้ยินเรื่องของเจ้านี่มาก่อน แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะทรงพลังถึงขนาดนี้ โดยเฉพาะพลังของร่างหลักนั่น! จะมีสัตว์เทพในโลกตัวใดสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้ อีก?”
“ข้าเอง! ข้าคืออู๋ตี้ผู้เป็นอมตะที่ไร้เทียมทาน แค่กิเลนแห่งนรกตัวหนึ่งเท่านั้น รอข้าฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ข้าจะจัดการเจ้านั่นเอง” อู๋ตี้กล่าว
“กว่าจะรอให้เจ้าแข็งแกร่ง คงได้สายเกินไปแน่!” เสี่ยวหงกล่าวกับมัน
“ให้ตายเถอะ! เจ้าหาเรื่องหรือ!” อู๋ตี้เองก็เข้าใจ ว่าคำสาปของท่านจิ่วเยี่ยนั้นอันตรายเพียงใด และมันก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรตนเองถึงจะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ ฉะนั้นเขาจะรอนานขนาด นั้นได้อย่างไรกัน?
สถานที่แห่งนี้กลายเป็นสนามประลองระหว่างจิ่วเยี่ยกับยวนไปแล้ว ราชาปีศาจเหวนรกกล่าวว่า “นายหญิง พวกเราถอยออกไปให้ไกลหน่อยจะดีกว่า ตรงนี้มันอันตรายมากเกินไป! ข้ากลัวว่าหากเก กิดอะไรขึ้น ข้าจะเข้ามาปกป้องท่านได้ไม่ทันการณ์!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หากเจ้ากลัว ก็ถอยออกไปได้ ข้าจะอยู่ตรงนี้”
“ท่าน...” ราชาปีศาจเหวนรกหมดหนทางกล่าวอีกต่อไป
“เช่นนั้นข้าจะอยู่ตรงนี้ด้วย!” เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับชายที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ราชาปีศาจเหวนรกก็รู้ดีว่าโอกาสชนะของเจ้านายตัวเองนั้นไม่ได้มีมากเท่าไรนัก
มู่เฉียนซีกำหมัดเอาไว้แน่น นางกล่าวถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง ทำได้ไหม?”
“แน่นอนว่าข้าสามารถเชื่อฟังคำสั่งของซีเอ๋อร์ได้อยู่แล้ว แต่จิ่วเยี่ยจะต้องโกรธมากแน่นอน ฉะนั้นซีเอ๋อร์จะต้องเตรียมตัวรับความโกรธเกรี้ยวของเขาด้วย” สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวเตือน
“ข้าเองก็สนใจมากขนาดนั้นไม่ได้เช่นกัน เขาต้องสู้กับกิเลนแห่งนรก แต่ข้ากลับช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย ทว่าข้ามีเจ้า! ฉะนั้นทางเดียวที่ข้าจะช่วยเขาได้ก็คือ…”
มู่เฉียนซีแพร่กระจายพลังจิตวิญญาณออกไป แม้ว่านางจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่นางก็พยายามใช้พลังจิตวิญญาณอย่างสุดความสามารถเพื่อรับรู้การเคลื่อนไหวของจิ่วเยี่ย
หากจิ่วเยี่ยมีอันตราย หรือมีอันตรายถึงชีวิต นางก็จะลงมือทันที!
ปัง ปัง ปัง!
การโจมตีอันบ้าคลั่งของกิเลนแห่งนรกทำให้มีรอยแตกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาบนพื้น และร่างของจิ่วเยี่ยก็ลอยกระเด็นออกไป
ทั่วทั้งร่างของเขาถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังชั่วร้ายที่น่าสะพรึงกลัว หากปะทะกันเช่นนี้ต่อไป ถึงความสามารถของพวกเขาจะสูสีกัน แต่มันก็อยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
กิเลนแห่งนรกยิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น แต่จิ่วเยี่ยกลับไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
เขาจำเป็นต้องใช้พลังจำนวนมากยิ่งขึ้นเพื่อสะกดคำสาปเอาไว้ ซึ่งมันก็ทำให้สีหน้าของมู่เฉียนซีจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเช่นกัน
ลำแสงสีแดงเพลิงระเบิดออกมา ซึ่งบรรยากาสโดยรอบเต็มไปด้วยพลังที่รุนแรงและเป็นอันตรายต่อผู้คน
แต่ทว่าพลังนี้ กลับมุ่งเป้าไปที่ร่างกายของจิ่วเยี่ย
“สุ่ยจิงอิ๋ง!”
ม่านพลังสีฟ้าอ่อนได้ปรากฏออกมา โดยที่มีมู่เฉียนซีเป็นศูนย์กลาง และมันก็ได้ปกคลุมจิ่วเยี่ยเอาไว้
ตูมมม!
มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา และการโจมตีของกิเลนแห่งนรกก็ได้ปะทะเข้ากับเกราะป้องกันของสุ่ยจิงอิ๋ง ซึ่งมันก็ทำให้ทั้งมู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อ อย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กิเลนแห่งนรกสังเกตเห็นมู่เฉียนซี นางคือหญิงสาวที่อ่อนแอที่สุด อ่อนแอจนอยู่นอกสายตาของเขา แต่ทว่าในชั่วเวลาหนึ่ง นางกลับสามารถขวางการโจมตีของเขาได้ ซึ งมันทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“เกราะป้องกันสัมบูรณ์รึ!” เขากล่าว