ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2549 เขาต้องอยู่ที่นี่
“เฮ้ ๆ! พวกเจ้าจะปรึกษาเรื่องเช่นนี้ ก็ควรที่จะคุยกันเบา ๆ หน่อยมิใช่หรือ? ข้าได้ยินหมดแล้วนะ สัตว์ประหลาดหนึ่งตัวบวกกับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อีกห้าชิ้น นี่พวกเจ้าจะ ะไม่รังแกกันเกินไปหน่อยหรืออย่างไร” เมื่อได้ยินคำพูดของสุ่ยจิงอิ๋ง ยวนก็แสดงท่าทีประท้วงขึ้นมาทันที
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าเป็นมนุษย์หรืออย่างไร?”
“แล้วเจ้าคิดว่าการรังแกสัตว์เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้วอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “พวกเขาล้วนเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพพันธสัญญาของข้า ฉะนั้นพวกเขาล้วนเป็นพลังของข้า มิใช่หรือ? ”
ยวนบ่นพึมพำว่า “เหตุใดข้าถึงได้รู้สึกเหมือนถูกเฮยอิ่งวางแผนร้ายเลยล่ะ เจ้าหมอนี่ช่างใจดำจริง ๆ เลย”
อาถิงก็กลับมาแล้วเช่นกัน ซึ่งเขาก็กลับไปอยู่ในมิติทันที ส่วนกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณก็ตกลงมาบนมือของนาง
เมื่อมู่เฉียนซียกกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณขึ้น พลันนั้นนางก็รู้สึกว่ามันจะหนักมากกว่าเดิม อีกทั้งกลิ่นอายที่กระจายออกมาก็น่ากลัวมากขึ้นอีกด้วย
แหวนมังกรเทพวารีถูกจิ่วเยี่ยหยิบออกมา และหลังจากนั้นจิ่วเยี่ยก็สวมแหวนมังกรเทพวารีลงไปบนนิ้วมือของมู่เฉียนซีอีกครั้ง
สุดท้ายก็คือหม้อวิญญาณนิรันดร์ หรือก็คือนิรันดร์!
ดูเหมือนว่าสีที่อยู่ภายนอกของหม้อยาจะเปลี่ยนเป็นดูแวววาวมากขึ้น มู่เฉียนซีสามารถสัมผัสได้ถึงพลังธาตุวายุอันแข็งแกร่งที่หมุนวนอยู่โดยรอบหม้อยา จากนั้นนางก็หยิบหม้อหยินหยางต ต้านสวรรค์ขึ้นมา
เฮยอิ่งมองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เสร็จแล้ว นี่คือทั้งหมดที่ข้าสามารถทำได้ หากทำมากกว่านี้ แม้ว่าที่นี่จะเป็นในเหวนรก แต่โลกนี้ย่อมไม่อนุญาตให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดข ขึ้นแน่นอน”
มู่เฉียนซีผงะไปทันที อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าโลกนี้ไม่อนุญาตกัน?
สุ่ยจิงอิ๋งกลายร่างเป็นมนุษย์ จากนั้นก็มองไปทางเฮยอิ่งพลางกล่าวว่า “ท่านสามารถทำได้ขนาดนี้ ก็ทำให้พวกเราประหลาดใจมากแล้ว ข้าขอขอบคุณท่านแทนสหายของข้าด้วย ท่านเฮยอิ่ง”
หวงจิ่วเยี่ยตรวจสอบคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ถึงเป็นเขาก็มองคนผู้นี้ไม่ออก แต่เขาก็สามารถคาดเดาได้ราง ๆ ว่า คนผู้นี้จะต้องไม่ใช่คนของโลกนี้อย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านเฮยอิ่ง ข้าคิดว่าข้าอยากจะมอบของขวัญให้ท่านสักชิ้น เพราะท่านช่วยข้าไว้มากจริง ๆ ข้ามีความเชี่ยวชาญในการปรุงยามากที่สุด ท่านมียาที่ต้องการบ้างห หรือไม่? ขอเพียงข้าสามารถกลั่นออกมาได้ ข้าจะกลั่นออกมาให้ท่านทั้งหมดเลย”
เฮยอิ่งผงะไปเล็กน้อย “ยาลูกกลอนอย่างนั้นหรือ? ยาลูกกลอนที่ทำให้ตกอยู่ในความฝัน นิรันดร์น่าจะมีอยู่เยอะสินะ!”
นั่นมันมีจำนวนมากจริง ๆ นั่นแหละ แต่ทว่าที่มากยิ่งกว่า…ก็คือฝันแบบนั้นน่ะสิ!
เจ้านิรันดร์นั่นเป็นตาเฒ่าหัวงูไปแล้ว แล้วนางจะให้เฮยอิ่งใช้ยาลูกกลอนแบบนั้นได้อย่างไร
ทันใดนั้นเฮยอิ่งก็กล่าวขึ้นมาว่า “ช่างมันเถอะ อย่างไรเสียความฝันก็คือความฝัน เมื่อตื่นขึ้นมาทั้งหมดก็หายไปอยู่ดี แค่ข้ารับรู้ความตั้งใจของเจ้าก็พอแล้ว”
มู่เฉียนซีสังเกตเห็นว่ามีความเศร้าอยู่ในดวงตาคู่นั้น นางรู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นของเขา เดิมทีแล้วควรที่จะร้อนแรงราวกับเปลวเพลิงที่ลุกโชน แต่ทว่าตอนนี้มันกลับนิ่งสงบเหมือนกับ บน้ำที่หยุดนิ่งก็มิปาน
แต่นางทำอะไรไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ? ไม่มีหนทางทำอะไรได้เลยหรืออย่างไรกันนะ?
ในเมื่อเขาไม่ต้องการยาลูกกลอน เช่นนั้นมู่เฉียนซีก็ย่อมไม่สามารถกลั่นออกมาแล้วฝืนยัดเยียดมันให้เขาได้ แต่มู่เฉียนซีก็ได้กลั่นยาน้ำชนิดหนึ่งออกมา
นางค้นพบว่าหลังจากที่เฮยอิ่งซ่อมแซมหม้อเทพนิรันดร์แล้ว ยาน้ำที่นางกลั่นออกมานั้นยกระดับขึ้นไม่น้อยเลย
หลังจากที่มู่เฉียนซีบรรจุยาน้ำนั้นลงขวด นางก็ยื่นมันให้กับเฮยอิ่งพลางกล่าวว่า “ยาน้ำชนิดนี้ สามารถทำให้คนนอนหลับสบายได้ และมันก็ทำให้ไร้ทั้งความฝันและความกังวล! แม้ว่า าข้าจะมองไม่เห็นใบหน้าของท่าน แต่ข้าก็สัมผัสได้ว่าท่านเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจของท่านก็ตาม ในฐานะหมอคนหนึ่ง ข้าขอแนะนำท่านว่า ให้ท่านพักผ่อน เสียเถอะ! แม้ว่ามันจะเป็นการพักผ่อนเพียงชั่วครู่ก็ตาม”
เฮยอิ่งผงะไปเล็กน้อย สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ช่างเป็นคนที่จริงใจจริง ๆ และนางยังหวังให้เขาหายดีด้วยความบริสุทธิ์ใจอีกด้วย
สุดท้ายแล้วเขาก็รับยาน้ำขวดนั้นเอาไว้ มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อได้รับยาของข้าแล้ว เช่นนั้นท่านก็ต้องทำตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด”
เฮยอิ่งไม่ได้กล่าวตอบ มู่เฉียนซีจึงได้แต่ถอนหายใจด้วยความจนปัญญา ดูเหมือนว่าความในใจของเฮยอิ่งจะเป็นเรื่องที่หนักหนามาก และความในใจเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่นางจะพูดเพียงแค่คำสองค คำแล้วจะสามารถแก้ไขได้อีกด้วย
ยวนกล่าวว่า “มีของข้าบ้างหรือไม่? ดูเหมือนว่าหม้อยาของเจ้าจะเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ทำของอร่อยให้ข้าดื่มหน่อยสิ!”
“ให้เจ้าไปก็สิ้นเปลืองเปล่า ๆ หากเจ้าต้องการกินของอร่อย ๆ ก็ไปหาแม่ครัวของเจ้าเสียสิ! จะมาหาข้าทำไม?” มู่เฉียนซีปฏิเสธเจ้าหมอนี่อย่างไร้ความปรานี
“เจ้าควรจะออกไปได้แล้ว!” เฮยอิ่งกล่าวพลางมองไปทางมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตกลง! หากคราวหน้าข้าโชคดีได้เจอท่านอีกครั้ง ก็หวังว่าสภาพของท่านจะดีขึ้นกว่านี้สักหน่อยนะ!”
“ซี พวกเราไปกันเถอะ!” จิ่วเยี่ยต้องการออกไปจากที่นี่ ในเมื่อมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ได้รับการซ่อมแซมแล้ว ฉะนั้นจิ่วเยี่ยย่อมต้องอยากพามู่เฉียนซีออกไปจากที่นี่แน่นอนอยู่แล ล้ว
ถึงมันจะลงมาได้ยาก แต่การขึ้นไปนั้นง่ายกว่ามากนัก และพวกเขาก็ตรงขึ้นมาถึงชั้นที่หนึ่งได้ทันที
ผู้พิทักษ์ทั้งเจ็ดชั้นยืนเรียงกันด้วยตัวที่สั่นเทา พวกเขากลายเป็นผู้พิทักษ์มานานหลายปีขนาดนี้แล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอสถานการณ์เช่นนี้!
เพราะไม่ได้มีเพียงราชาปีศาจเหวนรกที่พาเหล่าปีศาจเหวนรกที่ปรากฏตัวออกมาเท่านั้น แม้แต่ท่านกิเลนแห่งนรกที่ไม่เคยปรากฏออกมา ตอนนี้ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ชั้นหนึ่งแล้วเช่นกัน
“ท่านกิเลนแห่งนรก พวกนั้นเป็นปีศาจเหวนรกอย่างนั้นหรือ?” ผู้พิทักษ์ชั้นที่เจ็ดกล่าว
“เจ้าพวกนี้ล้วนกลายเป็นสุนัขรับใช้ของคนผู้นี้ไปแล้ว ฉะนั้นจะให้อยู่ในเหวนนรกไปทำไมกันล่ะ?” ยวนกล่าวตอบ
ท่านกิเลนแห่งนรกไม่เพียงแต่ไม่ทำลายปีศาจเหวนรกเหล่านี้ แต่ยังคิดที่จะปล่อยพวกมันออกไปอย่างใจกว้างอีกด้วย ในเมื่อเขาเอ่ยปากแล้ว แน่นอนว่าคนอื่นย่อมไม่มีอะไรจะพูดอยู่แล้ว
“เช่นนั้นท่านกิเลนแห่งนรก ทะ…ท่านก็จะออกไปจากเหวนรกด้วยหรือขอรับ?” พวกเขากล่าวถาม
“ข้าออกไปหรือ ข้าจะออกไปทำไม? เหวนรกคืออาณาเขตของข้า ข้าอยู่ที่นี่อย่างสุขสบายดีแล้วจะให้ออกไปทำไมกัน? ข้าเพียงแค่มาส่งแม่หนูน้อยคนนี้เท่านั้นแหละ” กิเลนแห่งนรกมองไปทาง งมู่เฉียนซี
“ข้าจะรอให้พวกเจ้ากลับมา เพียงแต่ข้าไม่มีความอดทนที่จะรอนานเกินไปได้หรอกนะ เมื่อเจอกันคราวหน้า บางทีข้าอาจจะฆ่าเจ้าขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้!” ดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อ อสู้อันลุกโชน จ้องมองไปทางจิ่วเยี่ยอย่างน่าสะพรึงกลัว
ด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้นี้ทำให้เหล่าผู้พิทักษ์และราชาปีศาจเหวนรกสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
จิ่วเยี่ยกล่าวตอบว่า “คราวหน้า ผู้ที่ต้องพ่ายแพ้ก็คือเจ้า”
“หากแก้ไขปัญหาได้แล้วเจ้าจะมีความมั่นใจเช่นนั้นก็ไม่เท่าไร แต่นี่ยังไม่ทันได้แก้ไข เจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนี้มาจากที่ใดกัน?” ยวนกล่าวตอบ
“ข้าให้ความมั่นใจเขาไม่ได้หรือ?” แน่นอนว่ามู่เฉียนซีต้องปกป้องเขาแน่นอนอยู่แล้ว
“ออกไปได้แล้วไป!” คู่รักคู่นี้ช่างทำให้คนอื่นอารมณ์เสียจริง ๆ ดังนั้นยวนจึงไล่พวกเขาออกไปโดยตรง
ทันทีที่ออกมาจากเหวนนรก เพียงแต่เดินมาจนถึงทางออกเท่านั้น สีหน้าของจิ่วเยี่ยกลับมืดมนลงทันที และเขาก็รู้สึกทรมานไปทั่วทั้งร่าง เพราะพลังนั้นปรากฏขึ้นมาอีกครั้งแล้ว!
พลังนั้นได้ฉีกพลังที่คุมขังคำสาปของเขา และมันก็ทำให้พลังคำสาปอาละวาดไปทั่วร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง
มู่เฉียนซีประคองจิ่วเยี่ยเอาไว้พลางกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า “จิ่วเยี่ย เจ้า…เพิ่งจะดีขึ้นเอง ทำไมถึง?”
“ที่แท้…”
เนื่องจากพลังที่ไม่รู้ที่มานั้นได้หายไปเมื่ออยู่ในเหวนรก แต่ทันทีที่ออกมาจากเหวนรก มันก็กลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งยังเปลี่ยนเป็นรุนแรงมากขึ้นไปอีก และดูเหมือนว่ ามันจะไม่หยุดจนกว่าจิ่วเยี่ยจะตายอีกด้วย!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย พวกเรากลับเข้าไปในเหวนรกเถอะ! กลับไปอีกครั้ง!”
พวกเขารีบกลับเข้าไปด้วยความรวดเร็ว ส่วนยวนที่เดิมทีแล้วกำลังเตรียมจะกลับไปยังอาณาเขตตนเอง ก็มองพวกเขาที่กลับเข้ามาอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“พวกเจ้าคงไม่คิดจะต่อสู้กับข้าตอนนี้หรอกใช่หรือไม่? รอไม่ไหวแล้วหรืออย่างไร แต่สภาพของเขาตอนนี้ ทำได้อย่างนั้นหรือ? ทำไมถึงดูแย่กว่าตอนที่ถูกข้าทำให้บาดเจ็บสาหัสอีกล่ะ!” ” ยวนจ้องมองไปทางจิ่วเยี่ย จากนั้นก็กล่าวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ทันใดนั้นยวนก็สั่งว่า “ปิดประตูใหญ่ก่อน!”
“ขอรับ! ท่านยวน!”
หลังจากที่ประตูเหวนรกปิดสนิทแล้ว สถานการณ์ของจิ่วเยี่ยก็ดีขึ้นมาก รวมถึงสีหน้าของเขาก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
ยวนมองไปทางจิ่วเยี่ยแล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าถึงเจ้าหนูน้อยจะอยู่เป็นเพื่อนข้าไม่ได้ แต่คาดว่าเจ้าน่าจะอยู่เป็นเพื่อนข้าที่เหวนรกนี้ได้สินะ! ทว่าข้าไม่สนใจในตัวเจ้าเลยน่ะ ะสิ!”