ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2550 เฉียนซีกลับมาแล้ว
เหวนรกอยู่ในระดับชั้นที่ต่ำที่สุดของโลก ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะสามารถสกัดกั้นพลังที่แปลกประหลาดนั้นได้ ฉะนั้นจิ่วเยี่ยจะต้องรออยู่ที่นี่ ถึงจะปลอดภัยมากที่สุด
หลังจากนั้นไม่นานจิ่วเยี่ยก็ฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เขากล่าวว่า “ข้ามัวแต่รออยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ได้หรอก หากข้าสามารถควบคุมพลังทั้งสองนั้นเอาไว้ได้แล้ว ข้าก็จะออกไปจาก กเหวนรกแห่งนี้”
“นั่นเป็นเรื่องที่ยากมากจริง ๆ!” ยวนกล่าว
“ยากแล้วอย่างไรล่ะ?” จิ่วเยี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วมุ่น
เนื่องจากว่าชั้นที่เจ็ดเป็นชั้นที่ปลอดภัยที่สุด ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงกลับไปอีกครั้ง
ยวนกล่าวว่า “ข้าว่าการที่พวกเจ้าอยู่รออยู่ในอาณาเขตของข้า ควรจะต้องจ่ายค่าคุ้มครองสักหน่อยใช่หรือไม่!”
ในเมื่อยวนต้องการให้จ่ายค่าคุ้มครอง มู่เฉียนซีก็พร้อมมอบยามากมายให้เขาทันที เพราะว่ามีสถานที่อย่างเหวนรก จึงทำให้จิ่วเยี่ยหนีออกจากความเสี่ยงที่จะเสียการควบคุมได้ เหวนรกแ แห่งนี้ช่วยพวกนางได้มากเลยจริง ๆ ฉะนั้นมู่เฉียนซีไม่มีทางงกกับยวนแน่นอนอยู่แล้ว
แต่นางยังต้องตามหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ฉะนั้นจึงไม่สามารถอยู่ที่เหวนรกตลอดไปได้ ด้วยเหตุนี้มู่เฉียนซีจึงเสนอให้จิ่วเยี่ยพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่นี่ ส่วนนางจะกลับ บไปที่แดนนรกก่อน
“แม้ว่าที่นี่จะปลอดภัย แต่ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าติดอยู่ที่นี่ไปตลอดเช่นกัน หากสามารถถอนคำสาปได้โดยเร็วก็จะเป็นการดีที่สุด ฉะนั้นเจ้าจึงมีหน้าที่อยู่ที่นี่เพื่อเรียนรู้เรื่องขอ องยวนให้มากขึ้น และเมื่อถึงตอนนั้นประสบการณ์ในการต่อสู้ของเจ้าก็น่าจะเพียงพอแล้วใช่หรือไม่?” มู่เฉียนซีพยายามเกลี้ยกล่อมทุกวิถีทางอย่างดีที่สุด
“ข้าทนไม่ได้หากไม่ได้เจอซี!” จิ่วเยี่ยกระซิบที่ข้างหูของมู่เฉียนซีด้วยเสียงทุ้มต่ำ
แต่ทว่าจิ่วเยี่ยไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ เพราะทันทีที่คิดจะจุมพิตซีก็ถูกเจ้ากิเลนแห่งนรกบัดซบนั่นออกมารบกวนเสียแล้ว
ยวนกล่าวว่า “พวกเจ้านี่นะ! นี่มันอาณาเขตของข้า ไม่ใช่บ้านญาติของพวกเจ้าเสียหน่อย! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งที่พวกเจ้าทำมันได้สร้างความเจ็บปวดให้กับข้าที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว มานานนับหมื่น ๆ ปีมากเพียงใด?”
สีหน้าของจิ่วเยี่ยเย็นชาขึ้นมาทันที ที่นี่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย! หากกลับไปที่คุกโลหิต จะมีใครกล้ามาขัดขวางเขาเช่นนี้กัน!
ตูมมมม!
ด้วยเหตุนี้จิ่วเยี่ยจึงเริ่มปะทะกับยวนอีกครั้ง
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็สามารถโน้มน้าวจิ่วเยี่ยได้ นางประทับริมฝีปากลงบนใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จิ่วเยี่ยจะมาส่งมู่เฉียนซีที่ชั้นหนึ่งของเหวนรกด้วยตนเอง จากนั้นก็ทำได้เ เพียงมองดูนางจากไป
หลังจากที่ประตูใหญ่ของเหวนรกเปิดออก จิ่วเยี่ยก็สัมผัสถึงพลังประหลาดที่ปรากฏออกมานี้ได้อย่างชัดเจน แต่ทว่าครั้งนี้เขาเตรียมตัวมานานแล้ว ฉะนั้นเขาไม่มีทางที่จะทุกข์ทรมานเพรา าะมันมากเกินไปแน่นอน
แววตาของจิ่วเยี่ยมืดมนลงทันที เจ้าสารเลวนี่ ต้องการจะบดขี้เขาอย่างแน่นอน!
มู่เฉียนซีออกมาจากเหวนรกแล้ว ซึ่งเมื่อหันกลับไปนางก็ไม่เห็นเหวนรกอีกแล้ว และเบื้องหน้าของนางก็คือกรงร้อยศึกนั่นเอง นางบ่นพึมพำว่า “จะต้องหาหอคอยนิรันดร์ให้เร็วที่สุด”
ในระหว่างทางกลับ เสี่ยวโม่โม่ทำหน้าที่เป็นสัตว์พาหนะให้กับมู่เฉียนซี
หลังจากที่นางกลับมาถึงคุกโลหิตได้ไม่นาน นางก็เตรียมตัวกลับไปที่เมืองหนามโลหิตทันที แต่ทว่ากลับเจอคนที่มีใบหน้าชั่วร้ายกลุ่มหนึ่งอยู่กลางอากาศ
พวกเขาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “น้องสาว คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้ามาอาณาเขตต้องห้ามทางตะวันออกไกลเพียงลำพัง อีกทั้งยังใช้สัตว์ประหลาดบินได้ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความมืด อันแข็งแกร่งเช่นนี้บินไปทั่วทุกที่อีกด้วย ช่างใจกล้าไม่น้อยเลยนะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?”
ตอนนี้นางกำลังรีบกลับไปดูเบาะแสเกี่ยวข้องกับหอคอยนิรันดร์นะ! ไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะเสียเวลาไปกับคนเหล่านี้แต่อย่างใด
“ความจริงแล้วก็ไม่มีเรื่องอะไรมากหรอก เพียงแค่ต้องการยืมสัตว์ประหลาดบินได้ของเจ้า และให้น้องสาวอย่างเจ้าตามข้ามาสักหน่อย” พวกเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
มู่เฉียนซีกล่าวตอบอย่างเรียบเฉยว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเขตต้องห้ามตะวันออกไกลแห่งนี้เป็นอาณาเขตของใคร?”
“แน่นอนว่าต้องเป็นอาณาเขตของเมืองหนามโลหิตมิใช่หรือ?”
“เช่นนั้นพวกเจ้ายังกล้ามาขวางทางข้าอีกอย่างนั้นหรือ? ขนาดคนที่รนหาที่ตายยังไม่ทำแบบนี้เลย” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! หรือว่าเจ้ามีความเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าเมืองหนามโลหิตอย่างนั้นหรือ? แม้ว่าจะมีความเกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้นางก็อยู่ไกลจากเมืองหนามโลหิตมาก เกรงว่าน่าจะไม่มีความสามารถม มาช่วยเจ้าได้หรอก” แม้ว่าแดนนรกจะมีผู้ควบคุมเพียงแค่คนเดียว แต่มันก็ไม่ได้วุ่นวายเหมือนก่อนหน้านี้ ทว่ากลับมีเศษสวะแบบนี้อยู่ไม่น้อยเลย
“น้องสาว หากว่าเจ้าอยากให้นางมาช่วยแล้วละก็ ตอนนี้เจ้าสามารถลองตะโกนดูได้นะ!” แม้ว่าจะแตะต้องคนที่มีเบื้องหลัง ตราบใดที่ไม่มีคนรู้เรื่องนี้ ก็ถือว่าพวกเขาพี่น้องไม่เคยทำเร รื่องเช่นนี้มาก่อน
ในช่วงแรกของสงครามใหญ่แห่งแดนนรกพวกเขากลัวที่จะได้รับผลกระทบจึงพากันซ่อนตัว แต่ตอนนี้สงครามได้สิ้นสุดลงแล้ว อีกทั้งยอดฝีมือระดับสูงก็ตายไปไม่น้อยด้วย ฉะนั้นมันจึงถึงเวลา าที่พวกเขาเหล่าพี่น้องได้ออกอาละวาดแล้ว
“เสี่ยวเฉี่ย เจ้าออกมาจัดการเจ้าพวกเศษสวะเหล่านี้ซะ!” ระดับสูงที่สุดของคนเหล่านี้เป็นเพียงแค่เจ้าครองดินแดนระดับบนเท่านั้น ดังนั้นเพียงอึดใจเดียวเสี่ยวเฉี่ยก็สามารถสังหารเศษส สวะกลุ่มนี้ได้ทั้งหมด
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
ในตอนที่หนามโลหิตแทงทะลุผ่านหน้าอกของพวกเขา พวกเขาต่างก็เบิกตาโพลงขึ้นด้วยความตกใจ “นะ…หนามโลหิต…”
หลังจากนั้นเสี่ยวเฉียก็กลายร่างเป็นมนุษย์และปรากฏตัวอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซี ฉะนั้นพวกเขาจึงกล่าวด้วยความหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีกว่า “กลายร่าง! หนามโลหิตกลายร่าง!”
เสี่ยวเฉียกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “เจ้านาย ท่านเคยเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่เช่นนี้มาก่อนหรือไม่! ข้าไม่เคยเห็นคนที่มีตาแต่หามีแววไม่ขนาดนี้มาก่อนเลยจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าที่คุกโลหิต ตแห่งนี้จะยังมีคนที่กล้ายั่วยุท่านเช่นนี้”
คนเหล่านี้ตื่นตกใจจนแทบสิ้นสติ เจ้านายหรือ ถูกหนามโลหิตเรียกว่าเจ้านาย หรือว่า หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิต!
พวกเขาเสียชีวิตลงเพราะเสียเลือดมากเกินไป กล้ามาเตะแผ่นเหล็กที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แต่ร่างของพวกเขาไม่แหลกเป็นผุยผงก็ถือว่าเบามากแล้ว
ในแดนนรกแห่งนี้ ถึงแม้จะล่วงเกินอ๋องจิ่วเยี่ยได้ แต่ไม่สามารถมาทำให้เจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตขุนเคืองใจได้
พวกมู่เฉียนซีรีบมุงหน้าไปที่เมืองหนามโลหิต ทันใดนั้นหนามโลหิตที่อยู่ในเมืองก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะได้จากระยะไกล “ท่านเจ้าเมืองกลับมาแล้ว!”
“ท่านเจ้าเมืองกลับมาแล้ว!”
ทันใดนั้นหนามโลหิตทั่วทั้งเมืองก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน ฝูเซิงเองก็ปรากฏตัวขึ้นมาทันทีเช่นกัน เขายื่นมือออกไปรับเสี่ยวเฉี่ยเอาไว้ จากนั้นก็มองไปทางมู่เฉียนซีพลางกล ล่าวว่า “ในที่สุดก็กลับมาแล้ว!”
“เจ้ารู้สถานการณ์ในเหวนรกอยู่แล้ว พวกเรากลับเมืองก่อนแล้วค่อยคุยกันเถอะ!”
“ตกลง!”
ในตอนที่มู่เฉียนซีเพิ่งจะเหยียบเข้าไปในเมืองหนามโลหิต จื่อโยวก็ปรากฏตัวออกมาอย่างรีบร้อน “คนงามกลับมาแล้วหรือ เยี่ยล่ะ? เยี่ยไปไหนแล้ว?”
ก่อนหน้านี้ฝูเซิงกับจื่อโยวยังมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันบ้าง แต่หลังจากนั้นเพราะจื่อโยววิ่งวุ่นราวกับลูกข่าง จึงทำให้เขาไม่มีเวลาเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่รู้ว่าจิ่วเยี่ยไม่เป ป็นอะไรเขาก็วางใจแล้ว
แต่ทันทีที่จื่อโยวพุ่งเข้ามา เขาก็ค้นพบว่ามีมู่เฉียนซีเพียงคนเดียว แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของจิ่วเยี่ยเลยด้วยซ้ำ
นอกจากนี้เขายังไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของจิ่วเยี่ย และมันก็ไม่ได้เป็นเพราะว่าจิ่วเยี่ยตั้งใจที่จะซ่อนมันอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “จิ่วเยี่ยจะต้องอยู่ในเหวนรกชั่วคราว”
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” จื่อโยวกล่าวถาม
เขารู้จักเยี่ยเป็นอย่างดี แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จิ่วเยี่ยจะรอยู่ที่เหวนรก และปล่อยให้คนงามกลับมาเพียงลำพังเช่นนี้ เขาจะทนได้อย่างไรกัน?
“เยี่ยได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างนั้นหรือ? อันตรายมากหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่ใช่ เขาสบายดี เพียงแต่เป็นเพราะว่าเกิดเรื่องไม่คาดฝันบางอย่างขึ้นต่างหาก”
มู่เฉียนซีได้เล่าเรื่องพลังประหลาดนั้นให้พวกเขาฟัง นางกล่าวว่า “ต้องตรวจสอบดู ว่ามันคืออะไรกันแน่?”
“แม้แต่ตัวเยี่ยเองยังไม่รู้ ฉะนั้นสิ่งนี้จะต้องตรวจสอบได้ยากอย่างแน่นอน และสิ่งที่ให้ความรู้สึกที่น่ามหัศจรรย์เช่นนี้ คาดว่าคงมีเพียงอู๋หยาที่เป็นร่างทรงเท่านั้นที่น่าจะ รู้ได้” จื่อโยวบ่นพึมพำ
เยี่ยของเขาช่างโชคร้ายจริง ๆ มันไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะสามารถระงับคำสาปด้วยตนเองได้ และเหลือเพียงก้าวสุดท้ายก็จะสามารถถอนคำสาปได้แล้ว แต่ผลสุดท้ายกลับมีสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได ด้ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันอีก
“หรือว่าเจ้านั่นจะเป็นคนทำ หากสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ เกรงว่าน่าจะมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่สามารถทำได้” จื่อโยวบ่นพึมพำอยู่ในใจ