ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 266 คนช่างสงสัย
“ใช่!” โจรทะเลทรายเหล่านั้นนำทางอยู่ด้านหน้า จากนั้นกล่าวขึ้นว่า “นายท่าน แต่ว่าที่พวกเราเจอไม่ใช่คนชุดขาวเพียงผู้เดียว หากแต่มากันเป็นกลุ่มราวสิบกว่าคน ข้าก็ไม่แน่ใจว่าใช่ที่ท่านพูดหรือไม่ หน้าตานั้นก็ดูดี”
มู่เฉียนซีหรี่ตาลง “มาเป็นกลุ่มรึ ? พลังของพวกนั้นแข็งแกร่งหรือไม่ล่ะ ?”
“อย่างไรเสียพลังของพวกเขาก็น่ากลัวยิ่งนัก สัตว์วิญญาณที่อยู่รอบ ๆ คนพวกนั้นยังไม่กล้าเข้าใกล้ พวกเราเองก็กลัวจะถูกฆ่า จึงได้…”
“นายท่าน พวกเราตามหาผิดคนหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “หาตัวพวกนั้นเจอก็ดี รีบนำทางเร็วเข้า”
ถ้าหากคนพวกนั้นเป็นคนของหุบเขาหมอเทวดาละก็ ตามพวกนั้นไปก็น่าจะสามารถหาตัวจวินโม่ซีได้พบ
บนพื้นยังมีรอยเท้าอยู่บ้าง แสดงให้เห็นว่าพวกนั้นเพิ่งจะไปได้ไม่นาน มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “พวกเจ้ากลับไปก่อน”
“ขอรับ”
เมื่อเดินตามรอยเท้าไป มู่เฉียนซีและชิงอิ่งเดินทางไปทางตอนกลางของทะเลทรายเมฆามืด และเริ่มได้กลิ่นอะไรบ้างแล้ว ในที่สุดนางก็ได้มองเห็นกลุ่มคนชุดขาว
เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่นั้นยังคงมีกลิ่นหอมของยาติดอยู่ มู่เฉียนซีคุ้นเคยกับกลิ่นยาพวกนั้นเป็นอย่างมาก กลิ่นที่ลอยออกมานั้นเป็นกลิ่นแบบเดียวกับคนกลุ่มที่ไล่ฆ่านางในถ้ำหมื่นพิษ
มู่เฉียนซีและชิงอิ่งเข้าไปใกล้ขึ้นอีก แน่นอนว่าได้ทำให้คนพวกนั้นรู้สึกตัวเข้า หญิงในชุดสีม่วงงดงามกับผู้ที่ใส่หน้ากากแปลกประหลาดคนหนึ่งค่อย ๆ เข้าไปใกล้
“ศิษย์พี่ใหญ่ เจ้าสองคนนี้…”
“เป้าหมายของพวกเรามีเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีเวลาให้สิ้นเปลืองกับสิ่งอื่น” ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
พวกนั้นคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่าสองคนที่ผ่านสายตาเขาไป เป็นคนที่ฆ่าล้างศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกเขาไปเสียสิ้น แล้วบนตัวนางยังมีม้วนไม้ไผ่โบราณที่ระบุเกี่ยวกับหม้อเทพนิรันดร์ถึงสองม้วนด้วยกัน
มู่เฉียนซีเดินตัดจากด้านข้างของพวกเขาอย่างรวดเร็วทว่านางก็รักษาระยะห่างกับพวกเขาเพื่อไม่ให้พวกนั้นรู้ตัวว่าถูกสะกดรอยตาม
ที่ชั้นกลางของทะเลทรายเมฆามืดนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก แต่ทว่ามีจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงอยู่กองหนึ่ง แน่นอนว่ามันก็คงไม่ได้อันตรายไปสักเท่าไร
มู่เฉียนซีจุดไฟขึ้นมา ก่อนจะนำเนื้อสัตว์วิญญาณที่เก็บไว้ในมิติออกมาย่างกิน
หากว่าจวินโม่ซีอยู่แถวนี้แล้วได้กลิ่นเนื้อย่าง เขาก็คงจะรู้ว่านางได้มาที่นี่แล้ว
แต่สำหรับพวกกลุ่มชายชุดขาวนั้น ไม่รู้ว่ากลิ่นหอมนี้จะมีแรงดึงดูดอะไรกับพวกเขาหรือไม่ ?”
หลังจากที่เนื้อย่างนั้นส่งกลิ่นหอมลอยมา ก็ได้ทำให้พวกคนชุดขาวกลุ่มนี้ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
พวกเขาเข้ามาในทะเลทรายเมฆามืดได้ครึ่งเดือนแล้ว ยังไม่เคยได้กินอะไรดี ๆ บ้างเลย พวกเขานั้นได้แต่กินอาหารแห้งกับยาเม็ดที่รสชาติฝืดเฝื่อนลำคอ
“ศิษย์พี่ใหญ่” พวกนั้นล้วนแต่เป็นนักปรุงยา ไม่ใช่นักปรุงอาหารจึงทำของอร่อยไม่เป็น เมื่อพวกนั้นได้กลิ่นหอมขึ้นมาจึงเกิดอาการลุกลี้ลุกลนอยากจะกิน
ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่งว่า “ออกมาจากสำนักเพื่อฝึกฝน พวกเจ้ากล้าที่จะกินของของคนแปลกหน้าเช่นนั้นรึ ?”
ศิษย์น้องคนหนึ่งหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านระวังตัวมากเกินไปหน่อยแล้วกระมัง แม้ว่าระดับการปรุงยาของศิษย์น้องอย่างพวกเราจะไม่สูงนัก แต่ว่าก็เป็นนักปรุงยาระดับต้น ๆ ในทวีปเซี่ยโจวเล็ก ๆ นี้ยังจะมีคนวางยาพิษพวกเราได้อีกหรือ ?”
“ใช่แล้ว! ศิษย์พี่ใหญ่ท่านกังวลมากเกินไปแล้ว” ศิษย์น้องปากตะกละอีกคนกล่าวสำทับ
“เช่นนั้นก็แล้วแต่พวกเจ้า!” ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวขึ้นอย่างเย็นชา อย่างไรเสียเขาก็จะไม่ไป
ไม่ว่าอาหารนั้นจะอร่อยหรือไม่ หรือว่ามีพิษหรือไม่ เขาก็จะไม่ไปกินกับพวกนั้นเป็นอันขาด
เพื่อที่จะเอาใจศิษย์พี่ใหญ่ มีหลายคนไม่หวั่นไหวไปกับอาหารนั้นด้วย แต่ทว่ามีสามคนที่อดไม่ได้กับสิ่งยั่วยวน จึงได้มุ่งตรงไปทางมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างตื่นตัว “ใคร ?”
ชายชุดขาวทั้งสามเดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม พวกเขากล่าวขึ้นว่า “แม่นางจงอย่าได้กังวลไป พวกเรานั้นไม่ใช่คนเลว เพียงแค่รู้สึกว่าฝีมือการทำอาหารของแม่นางนั้นดียิ่งนัก อยากที่จะให้แม่นางทำเนื้อย่างให้พวกเราสักหน่อย”
“ทำเนื้อย่างให้พวกเจ้ารึ ? พวกเราเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน เหตุใดข้าต้องย่างให้พวกเจ้ากิน ?”
พวกเขาสามคนกล่าวขึ้นมาพร้อมกัน “แน่นอนว่าเราไม่ได้ให้แม่นางทำให้พวกเรากินเปล่า ๆ พวกเรานั้นจะให้ยาเม็ดระดับหนึ่งกับแม่นางเป็นการทดแทน”
ในทวีปเซี่ยโจวเล็ก ๆ แห่งนี้ ยาเม็ดระดับหนึ่งสามารถขายได้อย่างประเมินราคามิได้ พวกเขานั้นไม่เชื่อว่าเสนอเช่นนี้แล้วนางจะไม่หวั่นไหว
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น “โอ้! ยาเม็ดระดับหนึ่ง พวกเจ้าแน่ใจนะว่าจะเอายาเม็ดล้ำค่านี้มาแลกกับเนื้อย่างของข้า ?”
เมื่อได้เห็นท่าทางตื่นเต้นของมู่เฉียนซี พวกเขาสามคนจึงได้ใจ “แน่นอน ขอแค่ให้พวกเราได้กินอิ่ม อย่าว่าแต่เม็ดหนึ่งเลย ขวดหนึ่งก็ยังไม่มีปัญหาใด ๆ”
“อืม เช่นนั้นโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปเตรียมไว้ให้พวกเจ้า”
มู่เฉียนซีย่างกระต่ายสามตัวในสูตรอย่างที่นางคุ้นเคยให้พวกเขา เมื่อได้เห็นเนื้อกระต่ายย่างสีเหลืองทอง พวกเขาก็อดไม่ไหว กัดเข้าไปหนึ่งคำ
กล้ามากินเนื้อย่างจากผู้เป็นทายาทสืบทอดผู้เฒ่าปีศาจหมื่นพิษ หากเรื่องนี้ผู้เฒ่าใหญ่แห่งสำนักหมอเทวดารู้เข้าละก็ คงได้ต่อว่าเจ้าพวกโง่นี้แทบตายเป็นแน่
หลังจากที่กินเสร็จไปแล้วตัวหนึ่ง พวกเขาก็ยังไม่พอ ขอให้มู่เฉียนซีย่างเพิ่มอีก หลังจากที่กินอิ่มแล้ว พวกเขายังได้ขอให้มู่เฉียนซีทำอีกจำนวนหนึ่งเพื่อเอาไปให้บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกเขา เพื่อยาเม็ดระดับหนึ่งนั้น มู่เฉียนซีจึงได้แต่ทำตามที่ขอ
ในที่สุดพวกเขาก็ได้กินจนหนำใจแล้วทิ้งยาระดับหนึ่งไว้หนึ่งขวด จากนั้นพวกเขานำเนื้อย่างของมู่เฉียนซีไปบริการศิษย์พี่ของพวกเขา
“ช่างหอมนัก!”
“ศิษย์พี่สิบเก้า นี่เนื้อ…”
“ข้าขอกินหน่อยได้หรือไม่ ?”
เมื่อเนื้อย่างได้ถูกนำไป ทางนั้นก็คึกครื้นขึ้นมา มู่เฉียนซีหยิบขวดระดับหนึ่งนั้นมาดม แล้วจึงกล่าวขึ้น “สำนักเอ้อชิงอะไรกัน ทำได้เพียงแค่นี้เอง กระจอกแท้ ๆ ยาเม็ดเช่นนี้ยังจะกล้ามาเรียกว่ายาเม็ดระดับหนึ่ง นี่มันดูถูกกันเกินไปแล้ว คิดว่าข้าไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร ?”
“จับตัวหญิงผู้นั้นเอาไว้!”
ทันใดนั้น ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นั้นตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ พวกเขานั้นยังไม่ทันได้กินเนื้อย่างก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ชายชุดขาวหลายคนเข้าล้อมมู่เฉียนซีเอาไว้
มู่เฉียนซีเลิกคิ้ว “ข้าใจดีทำเนื้อย่างให้พวกเจ้ากินแล้วยังจะเอาอย่างไรอีกเล่า ?”
พิษที่นางได้ใส่ลงไปในเนื้อย่าง สามารถซ่อนได้เป็นอย่างดี ในตอนนี้พิษก็ยังไม่ได้ออกอาการ ไม่มีทางที่ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้จะรับรู้ได้
ศิษย์พี่ใหญ่กวาดตามองมู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าสามคนโง่งมนั่นจะมอบเม็ดยาระดับหนึ่งให้แก่เจ้า แต่ว่าเจ้าได้เอาเนื้อย่างออกมาดูแลเรามากถึงเพียงนั้น ข้ารู้สึกเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ว่าเจ้านั้นมีปัญหา จับตัวพวกเจ้าไว้ก่อนค่อยว่ากัน”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมา “ข้ารึอุตส่าห์มีใจทำเนื้อย่างให้พวกเจ้ากิน ยังจะมีความผิดอีก”
ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะมีนิสัยขี้ระแวงเป็นอย่างมาก ช่างรับมือยากกว่าศิษย์พี่รองมากนัก
ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวขึ้น “ถ้าหากว่าไม่มีปัญหาอะไร เช่นนั้นก็จงดูแลข้าให้ดี รอให้เสร็จสิ้นภารกิจ ข้าจะพาเจ้ากลับไปที่สำนักแล้วให้เจ้าเป็นนางบำเรอข้า ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้กินเนื้อย่างของเจ้าก็ตาม แต่ข้าเห็นพวกศิษย์น้องชอบกัน เช่นนั้นมันจะต้องอร่อยเป็นอย่างมากแน่นอน”
มู่เฉียนซีโกรธจนแทบกระอักเลือดออกมา นางมองศิษย์พี่ใหญ่ผู้สง่างาม ช่างเป็นผู้ที่สูงส่งเสียจริง แสร้งทำเป็นว่าตนเองนั้นไม่ได้สนใจในอาหารรสเลิศและนารีเลอโฉม แต่แท้จริงแล้วก็ได้วางแผนทั้งหมดไว้แต่แรก เพียงแต่ว่ากลัวตนเองตายก็เท่านั้น!
ดวงตาของมู่เฉียนซีฉายแววพิฆาต “แล้วถ้าหากข้าไม่ตอบตกลงล่ะ ?”
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ”
ทันใดนั้นเอง พลังของจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้ากวาดผ่านเข้ามา ชิงอิ่งได้ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายนางเพื่อปัดป้องแรงกดดันนี้
“หืม!”
ชายชุดเขียวที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่มีพลังวิญญาณหรือพลังชีวิตแม้แต่นิดเดียว กลับป้องกันพลังของเขาได้ จึงทำให้เหล่าศิษย์แห่งสำนักหมอเทวดานั้นพากันประหลาดใจเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เสี่ยวหง อู๋ตี้!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ในตอนนี้เองที่วงล้อมของพวกเขามีสามคนลงไปนอนกองกับพื้นเสียแล้ว จึงได้เกิดช่องว่างขึ้นมาช่องหนึ่ง
.