ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 268 ช่วยเจ้าตะกละ
จวินโม่ซีรู้สึกราวกับว่าความตายมาเยือนแล้วอย่างจริงแท้ เขาถูกคนของหุบเขาหมอเทวดาไล่ตามจนต้องเข้ามาในทะเลทรายเมฆามืดแห่งนี้ครั้งหนึ่งแล้ว ซ้ำยังต้องมาเจอกับมังกรปีศาจทราย
ช่างเคราะห์ร้ายนัก!
แน่นอนว่ามังกรปีศาจทรายไม่ใช่มังกรจริง ๆ มันเป็นมังกรปลอม ทว่าถึงกระนั้นมังกรปีศาจทรายนี้ก็มีความแข็งแกร่งมาก พลังของมันเทียบเท่าได้กับจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า
“เจ้ามนุษย์ ไปตายเสีย!”
เสียงอันดุร้ายของมังกรปีศาจทรายดังขึ้น ลมกระโชกอย่างรุนแรงพัดพาโดยที่จวินโม่ซีไม่มีโอกาสที่จะต่อต้านใด ๆ เขาเหวี่ยงร่างตนเองทะยานพุ่งขึ้นไปในอากาศ
จวินโม่ซีหลับตา ร้องคร่ำครวญ “ตายแน่ ๆ ข้าต้องตายแน่ ๆ ก่อนตายข้ายังกินไม่อิ่มเลย เหตุใดชีวิตข้าต้องมาตายอย่างน่าสังเวชเช่นนี้ด้วย…”
ทันใดนั้นร่างสีเขียวก็เคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วและได้ต่อยเข้าที่ร่างของมังกรปีศาจทรายอย่างบ้าคลั่งด้วยหมัดหนัก ๆ
— ปัง! —
ร่างของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรปีศาจทรายถูกมนุษย์ตัวเล็ก ๆ โจมตีด้วยหมัดอันทรงพลังจนต้องถอยหนี
แสงสีแดงสว่างวาบพุ่งไปจับร่างของจวินโม่ซีลงมาจากอากาศ
เสี่ยวหงร้องคร่ำครวญ “อ๊า อ๊า อ๊าก! เจ้าจอมตะกละ เหตุใดถึงได้ตัวหนักเช่นนี้ ? แล้วเหตุใดคนที่เจ็บต้องเป็นข้าด้วย”
“เจ้าหมูแดง!” ดวงตาของจวินโม่ซีเปล่งแสงประกายทันทีที่เห็นเสี่ยวหง
“นั่นก็หมายความว่าแม่สาวน้อยมาแล้ว ข้าจะมีของอร่อยกินแล้วสิ!” จวินโม่ซีที่ถูกเสี่ยวหงแบกอยู่ ดีใจจนแทบกระโดดด้วยความตื่นเต้น
ใบหน้าของมู่เฉียนซีหม่นคล้ำดำเครียด เพิ่งจะรอดตายมาได้ยังมีใจคิดถึงแต่เรื่องกินอีก
จวินโม่ซีลงมาอย่างปลอดภัย มู่เฉียนซีโยนขวดยาให้เขาขวดหนึ่งพลางกล่าว “รีบกินยาแล้วรีบหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดซะ”
ในเวลานี้นั้น มังกรปีศาจทรายถูกหมัดของชิงอิ่งเข้าไป ส่วนอู๋ตี้ลอบซุ่มโจมตีอยู่เพื่อให้มู่เฉียนซีและพวกรีบถอยกลับไปยังที่ที่ปลอดภัย
— ซู่ม! —
มังกรปีศาจทรายไล่ตามพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง มันคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้ามนุษย์ อย่าได้คิดหนี!”
มู่เฉียนซีตะโกนเสียงเย็นชา “มังกรวารีพิฆาต!”
พลังธาตุวารีรวมตัวกันกลายเป็นมังกรวารีขนาดใหญ่ทำให้มังกรปีศาจทรายรู้สึกราวกับเผชิญหน้ากับมังกรตัวจริง มันเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา
“นั่น…”
ม่านตาของมันหดตัวลงทันที มันมีสายเลือดมังกร โดยธรรมชาติแล้วสามารถรับรู้ได้ถึงการโจมตีของพลังธาตุวารีที่มีกลิ่นอายของมังกรนี้ได้
“มังกรวารี!”
เมื่อการโจมตีนี้กระทบร่างของมัน มันจึงกรีดร้องออกมา
หลังจากที่มันฟื้นตัวขึ้นมา มู่เฉียนซีกับพวกก็ได้หนีไปไกลแล้ว
ภายในทะเลทรายเมฆามืดแห่งนี้ มู่เฉียนซีได้พบกับสถานที่หนึ่งที่มีแอ่งน้ำและมีต้นไม้อยู่โดยรอบ จวินโม่ซีผู้ที่รอดตายมาอย่างหวุดหวิดเหลือบไปมองร่างสีเขียว ใบหน้าเขาแข็งทื่อทว่างดงามราวเทพเซียน
“สาวน้อย ไม่ได้เจอกันแค่เพียงไม่นาน เจ้ามีรักครั้งใหม่แล้วรึ ? ไปหลอกล่อบุรุษรูปงามอีกทั้งยังแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ เจ้าเก่งกาจยิ่งนัก” จวินโม่ซีกล่าวพลางยกนิ้วโป้งชมนาง
ชิงอิ่งได้ยินวาจาจวินโม่ซี พลันพ่นคำกล่าวเย็นชาออกมา “น่าเบื่อ”
กลิ่นอายและเสื้อผ้าของชายผู้นี้ทำให้จวินโม่ซีรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ในที่สุด สติของจวินโม่ซีก็กลับคืน เขาจ้องมองใบหน้าแข็งทื่อราวท่อนไม้ ทว่าดูงดงามราวเทพผู้นี้ เขาตกตะลึงและอุทานขึ้นว่า “สาวน้อย อย่าบอกนะว่าเขา ขะ… เขาคือเจ้าท่อนไม้แข็งทื่อนั่น”
มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปากก่อนจะกล่าวตอบ “ใช่ เขาคือชิงอิ่ง เจ้ารู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อมากใช่หรือไม่ล่ะ ?”
จวินโม่ซี “ใช่ ช่างน่าเหลือเชื่อ มันช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ภายใต้หน้ากากนั่นซ่อนความงดงามมากเพียงนี้ เขารูปงามยิ่งกว่าข้าเสียอีก”
“เพียงแต่ใบหน้าที่งดงามของเขากลับไร้ความรู้สึก ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก” ไม่ว่าจวินโม่ซีจะบ่นพึมพำอะไร ชิงอิ่งก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “จวินโม่ซี เจ้าพักสักหน่อยเถอะ ฟื้นตัวสักหน่อย อีกไม่นานพวกสำนักเอ้อชิงจากหุบเขาหมอเทวดาเหล่านั้นก็จะตามพวกเรามาทันแล้ว”
จวินโม่ซี “สำนักเอ้อชิง เจ้ารู้จักพวกหุบเขาหมอเทวดาด้วยรึ ? พวกนั้นตามหาตระกูลมู่เจอแล้วเช่นนั้นหรือ ? แล้วเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร ?”
มู่เฉียนซี “สำนักหมอเทวดาไม่ได้หาตระกูลมู่เจอ เพียงแต่ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย”
“ข้าได้ม้วนไม้ไผ่โบราณมาม้วนหนึ่ง” มู่เฉียนซีกล่าวพลางหยิบเอาม้วนไม้ไผ่โบราณทั้งสองออกมา
จวินโม่ซีเบิกตากว้าง “เจ้าไปได้มันมาอย่างไร ? เจ้ามีสองม้วน มีสองม้วนแล้ว…”
มู่เฉียนซีเล่าเรื่องที่ตนเองถูกไล่ล่าไปจนถึงบึงหมื่นพิษให้กับจวินโม่ซีฟัง
จวินโม่ซีถอนหายใจ “เฮ้อ… สาวน้อย เราสองคนหัวอกเดียวกัน เจ้าโดนไล่ตามจนไปถึงบึงหมื่นพิษ ส่วนข้าโดนไล่ตามมาจนถึงทะเลทรายเมฆามืดแห่งนี้”
“แต่โชคเจ้าก็ไม่ดี เดิมทีข้าคิดว่าหลังจากที่ข้าจากตระกูลมู่มาแล้วเจ้าจะไม่ตกอยู่ในอันตราย นึกไม่ถึงเลยสักนิดว่าเจ้าจะบังเอิญไปได้ม้วนไม้ไผ่โบราณมาอีกหนึ่ง จึงทำให้เจ้าต้องมาเดือดร้อนเช่นที่เป็นอยู่”
มู่เฉียนซี “ม้วนไม้ไผ่เล่มนี้ของเจ้า เจ้าจะเอาคืนไปหรือไม่ ?”
จวินโม่ซี “ตอนนี้เจ้ามีหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ อีกทั้งยังม้วนไม้ไผ่อีกหนึ่งม้วน ม้วนไม้ไผ่ของข้า ข้ามอบให้เจ้าถือเป็นการดีที่สุดแล้ว เช่นนี้เจ้าจะได้มีความมั่นใจว่าจะตามหาหม้อเทพนิรันดร์เจอ”
“แล้วเจ้าไม่ต้องการหม้อเทพนิรันดร์รึ ?”
จวินโม่ซี “ตระกูลจวินของข้าได้ปกป้องม้วนไม้ไผ่ม้วนนี้มาหลายชั่วอายุคน และไม่ได้ปรารถนาที่จะครอบครองหม้อเทพนิรันดร์ เพราะในตำนานของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ได้บอกเอาไว้ว่าหากไม่ใช่ผู้ที่ถูกลิขิตมา ต่อให้หาหม้อเทพนิรันดร์เจอ ก็ใช่ว่าจะเอามาครอบครองได้ ถึงแม้ว่าหม้อเทพปาฮวางชิงมู่จะเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่เลียนแบบมา แต่มันก็มีความแตกต่างกันอยู่ดี”
“สำนักระดับสองผู้โหดร้ายอย่างหุบเขาหมอเทวดานั่นคิดจะครอบครองหม้อเทพนิรันดร์ ฝันไปเถอะ! แต่สาวน้อย ข้ามองว่าเจ้าเหมาะสมที่สุด”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง “มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทำพันธสัญญาได้ยากเช่นนี้เลยรึ ?” ในตอนที่นางทำพันธสัญญากับศาลานิรันดร์ ดูเหมือนว่าตอนนั้นเป็นความคิดริเริ่มของอาถิง แหวนมังกรเทพวารี จิ่วเยี่ยก็เป็นคนมอบให้นาง นางก็ทำพันธสัญญาไปตามปกติ ไม่ได้มีเรื่องยุ่งยากอะไร
จวินโม่กล่าวขึ้น “แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ ?! เจ้าคิดว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เป็นผักกาดที่ได้มาง่าย ๆ และคิดจะทำพันธสัญญาก็ทำได้ตามใจเช่นนั้นรึ ? หากบีบบังคับทำพันธสัญญาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากอาวุธวิญญาณ เช่นนั้นต้องตายอย่างไร้หลุมฝังเป็นแน่”
จวินโม่ซีจับมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “สาวน้อย ข้าหิวแล้ว ข้าโดนคนพวกนั้นไล่ตามฆ่าสังหารมายาวนาน นานมากแล้วที่ไม่ได้กินของอร่อย ๆ ลงท้อง”
มู่เฉียนซีชี้ไปที่แอ่งน้ำที่อยู่ตรงหน้า “อยากกินก็ลงไปจับปลาเอาเอง แต่ต้องรีบหน่อย ประเดี๋ยวเราต้องหนีเอาชีวิตรอดกันต่อ”
จวินโม่ซียิ้มพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง “รับพระบัญชา”
“เจ้าท่อนไม้ เจ้าก็ลงมาช่วยข้าจับปลาด้วยสิ” จวินโม่ซีรู้ว่าตัวเขาเองเพียงคนเดียวนั้นคงจะช้าเกินไป จึงเรียกชิงอิ่งลงไปช่วย
ปลาในแอ่งน้ำสดและดูน่าอร่อยอย่างมาก ยังย่างไม่ทันสุก จวินโม่ซีก็น้ำลายสอเสียก่อนแล้ว เขากล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “สาวน้อย เจ้าเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้จริง ๆ”
ในที่สุดความฝันที่เขารอคอยมาแสนนานก็เป็นจริงเสียที จวินโม่ซีฮุบมันและกินมันทั้งตัวอย่างเอร็ดอร่อย แม้แต่ก้างก็ไม่หลงเหลือ
มู่เฉียนซี ชิงอิ่ง เสี่ยวหง และอู๋ตี้เห็นเช่นนี้ก็ไร้คำจะกล่าวกับเจ้าตะกละผู้นี้ พวกเขาไม่คิดอยากจะแย่งเจ้าตะกละนี่กิน
มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้นมา “จวินโม่ซี ในฐานะที่ข้าเดินทางมาไกลราวพันลี้มาช่วยเจ้า เจ้าบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าเจ้าไปทำอะไรให้คนของหุบเขาหมอเทวดานั่นขุ่นเคือง ? เหตุใดพวกนั้นถึงได้ตามฆ่าเจ้าเช่นนี้ ?”
“แค่ก ๆ ๆ!” เมื่อเจอคำถามนี้ของมู่เฉียนซี จวินโม่ซีสำลักทันที
.