ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 27 ยาระดับต่ำที่มหัศจรรย์
โชคยังดี แม้ว่ารูปลักษณ์ของนางจะเปลี่ยนไปเป็นรูปลักษณ์ของอาถิง แต่นางไม่ได้กลายเป็นบุรุษเช่นอาถิงไปจริง ๆ
นางทนรับกับหน้าอกแบนราบได้ แต่นางทนรับไม่ไหวหากมีสิ่งนั้นอยู่ตรงหว่างขา…
อาถิงมุมปากกระตุก “หญิงโง่! เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ นี่แค่เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้กลายเป็นบุรุษเท่านั้น”
มู่เฉียนซีเปลี่ยนไปสวมใส่เสื้อผ้าบุรุษที่นางเตรียมไว้ จากนั้นก็หาหมวกผ้ามาคลุมศีรษะอย่างแน่นหนา
อาถิงไม่ยอม “หญิงโง่! ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใบหน้าของบุรุษหน้าตางามเลิศที่สุดในปฐพีเช่นข้าจะปรากฏสู่โลกภายนอกได้ เจ้ายังจะซ่อนไว้อีก”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกบ้าง “บุรุษหน้าตางามเลิศที่สุดในปฐพี ? เจ้าช่างหลงตัวเองดีแท้! แน่ใจรึว่าเจ้าเป็นอันดับหนึ่ง ?”
“เหอะ! ชายประสาทผู้นั้นอย่างมากก็อยู่ในอันดับสอง อันดับหนึ่งแน่นอนว่าคือข้าผู้นี้”
“เหตุใดข้าจึงคิดว่าท่านอาเล็กของข้าดีกว่าเจ้าล่ะ”
“นั่นเพราะเจ้าลำเอียง”
ในท้ายที่สุด ไม่ว่าอาถิงจะประท้วงอย่างไร มู่เฉียนซีก็ปิดบังใบหน้าไว้
ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีการฝึกบำเพ็ญภูต ความแตกต่างของสีผมและสีตาของผู้ฝึกก็มีไม่มาก แต่ก็ยังมีอยู่ เช่นซวนหยวนจิ่วเยี่ยที่มีดวงตาคู่สีฟ้าใสประดุจน้ำแข็ง
สำหรับอาถิง รูปลักษณ์ภายนอกเขาแตกต่างจากมนุษย์เกินไป หากเดินออกไปข้างนอกด้วยรูปลักษณ์นี้ย่อมไม่พ้นเกิดความวุ่นวายไปทั่วแคว้นจื่อเยี่ย ดังนั้นนางจึงเลือกออกไปในรูปแบบที่เรียบง่ายดีกว่า
…
บ้านประมูลอันดับหนึ่ง เป็นพื้นที่ธุรกิจแรกของเซี่ยโจวและเป็นตลาดการประมูลที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นจื่อเยี่ย
ผู้คนที่มาบางทีก็ดูประหลาด แต่งกายปกปิดมิดชิด แต่เสี่ยวเอ๋อร์ของบ้านประมูลเห็นผู้คนมากหน้าหลายตามาหมดแล้ว เพียงเห็นมู่เฉียนซีเข้ามาก็ให้การต้อนรับตามปกติ “คุณชาย มีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้ไหมขอรับ ?”
มู่เฉียนซีตอบเสียงทุ้มทว่าไพเราะ “ข้าต้องการนำสิ่งของมาเข้าประมูล”
จิตวิญญาณของทั้งสองเชื่อมโยงกันทำให้มู่เฉียนซีดูเหมือนอาถิง แต่น้ำเสียงถูกดัดแปลงโดยตัวมู่เฉียนซีเอง
น้ำเสียงไพเราะน่าฟังถูกเปล่งออกมา
เสี่ยวเอ๋อร์ผงะไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เชิญข้างใน”
ภายในห้องเก็บสมบัติของบ้านประมูลอันดับหนึ่ง มีชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบถึงห้าสิบนั่งอยู่
“ท่านหมออวิ๋น แขกคนนี้ต้องการนำของเข้าประมูล โปรดตรวจสอบให้หน่อยขอรับ”
ชายวัยกลางคนรูปร่างหน้าตาธรรมดา แววตามีพลังมองมาที่มู่เฉียนซี “ไม่ทราบว่าท่านนำสิ่งใดมาประมูล ?”
มู่เฉียนซีหยิบขวดยาออกมาจากช่องว่างของแหวนมังกรวารี “ข้าต้องการนำยาระดับต่ำมาประมูล”
หมออวิ๋นหัวเราะ “เกรงว่าท่านคงมาผิดสถานที่แล้ว บ้านประมูลของพวกเราไม่รับยาระดับต่ำ อย่างน้อยที่สุดต้องเป็นยาระดับหนึ่ง”
ยาระดับต่ำคือการนำสมุนไพรหลากชนิดมารวมกัน ไม่มีวิธีการปรุงยุ่งยากใด ๆ
“ถ้าหากข้าบอกว่ายาระดับต่ำนี้เทียบเท่ากับยาระดับสองล่ะ… บ้านประมูลของพวกท่านยังจะปฏิเสธอยู่หรือไม่ ?” มู่เฉียนซีกล่าว ยืดอกผายไหล่ผึ่ง
“คุณชาย ข้าทำอาชีพนี้มาเกือบสามสิบปีแล้ว ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามียาระดับต่ำที่คุณภาพเทียบเท่ากับยาระดับสองได้”
มู่เฉียนซีเอ่ยเสียงเย็น “ทั้งแคว้นจื่อเยี่ย ไม่ได้มีแค่โรงประมูลนี้เพียงแห่งเดียว หากท่านไม่เชื่อ ข้าจะไปลองที่อื่นดู แต่หากพลาดโอกาสนี้ไปก็จะไม่มีโอกาสแบบนี้ให้ท่านอีก เมื่อถึงตอนนั้น ท่านจะรู้ว่าโรงประมูลนี้สูญเสียอะไรไป”
‘คนผู้นี้พูดจาน่าเชื่อถือไม่เบา ไม่เหมือนพูดจาโอ้อวดเลย’ ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจหมออวิ๋น
เขาเป็นหมอตรวจดูของในบ้านประมูลอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อเยี่ย หมออวิ๋นย่อมดูคนเป็น คนผู้นี้คงไม่ว่างมากถึงขนาดนำยาเหย้าจี้เพื่อมาทำให้การประมูลวุ่นวาย
หมออวิ๋นขบคิดคิ้วแทบผูกกัน แต่แล้วก็เอ่ยขึ้นมา “เข้ามา เสี่ยวเอ๋อร์ รีบไปเชิญท่านหมอไป๋มา”
หมอไป๋ที่เพิ่งติดตามนายน้อยมายังแคว้นจื่อเยี่ย เขาคือนักปรุงยาระดับกลาง เกี่ยวกับด้านตัวยาเขามีความเข้าใจมากกว่าใคร ๆ
“คุณชาย ท่านช่วยรอสักครู่”
ผู้ชายคนนี้ดูลึกลับยิ่ง หมออวิ๋นจึงให้เกียรติมู่เฉียนซี
เวลานี้ชายชราในชุดขาวเดินลงมา “เสี่ยวอวิ๋น เจ้าไปเชิญข้ามา… หรือว่ามีสิ่งของที่เจ้าไม่สามารถตรวจสอบได้ ชายชรากำลังเดินหมากช่วงสำคัญกับนายน้อย หากไร้ซึ่งเรื่องใหญ่ ข้าจะเอาเรื่องเอาความกับเจ้า”
หมออวิ๋นพูดเสียงแผ่วเบา “คุณชายท่านนี้ต้องการนำยาระดับต่ำมาเข้าประมูล”
“นำยาระดับต่ำมาประมูลที่บ้านประมูลอันดับหนึ่งของข้ารึ ? คุณชายท่านนี้คงไม่ได้ล้อเล่น” หมอไป๋หันมองมู่เฉียนซี แววตาเคลือบแคลงสงสัย
“แต่… ท่านหมอไป๋ คุณชายท่านนี้บอกว่ายาระดับต่ำที่นำมาเทียบเท่ากับยาระดับสอง”
“เป็นไปไม่ได้!” หมอไป๋ปฏิเสธทันควัน
มู่เฉียนซีมองหน้าเขา กล่าวอย่างสงบนิ่ง “ท่านผู้เฒ่า ยุทธภพนี้กว้างใหญ่นัก แม้ท่านจะอายุมากกว่าครึ่งร้อยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่ท่านไม่รู้จักมิได้หมายความว่ามันจะไม่มีอยู่จริง”
หมอไป๋เลิกคิ้ว “เจ้าเด็กน้อย ช่างกล้านักถึงพูดกับข้าด้วยวาจาเช่นนี้ ดี! ในเมื่อเจ้าบอกว่ายาระดับต่ำของเจ้าเทียบเท่ากับยาระดับสอง เช่นนั้นเจ้าจงนำออกมาให้ชายชราได้ยลโฉมสักหน่อยเป็นไร”
“ได้!” มู่เฉียนซียื่นขวดยาให้กับหมอไป๋
หมอไป๋เปิดขวดยา ทันทีที่ได้กลิ่นยาก็ถึงกับตัวแข็งทื่อตาค้าง สีหน้าเหลือเชื่อทาบทาทั่วใบหน้า ดวงตาเขาหรี่ลงเล็กน้อย ค่อย ๆ พูดออกไปว่า “กลิ่นและสรรพคุณของยานี้สามารถบดขยี้เม็ดยาระดับสองได้ทั้ง ๆ ที่เป็นยาระดับต่ำ! โอ… ทำได้อย่างไรกัน ?!”
“ยาระดับต่ำนี้มีสรรพคุณของยาดังที่กล่าวจริง ๆ อีกทั้งคุณสมบัติของสมุนไพรยังครบถ้วน น่าทึ่งมาก! แปลกแท้”
ใบหน้ามีอายุปรากฏความตื่นเต้นเหลือล้น เสมือนว่าเขาได้ค้นพบดินแดนใหม่
ดวงตาของหมออวิ๋นเบิกกว้าง หรือว่าที่คุณชายท่านนี้พูดมาเป็นเรื่องจริง ?
หมอไป๋ตรวจสอบไปสักพัก กล่าวกับมู่เฉียนซี “เด็กน้อย… ข้าต้องขออภัยเจ้าอย่างมาก เป็นข้าเองที่ไร้ความรู้ความเข้าใจ สำหรับชายชราที่เพียงปรุงยาได้นิดหน่อยเป็นแค่มุมเล็ก ๆ ของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น”
หมออวิ๋นตกใจ ท่านหมอไป๋เป็นใคร ? ท่านคือนักปรุงยาระดับกลางเชียวนะ
เขาเป็นนักปรุงยาที่มีชื่อเสียง แม้แต่ฮ่องเต้แห่งแคว้นจื่อเยี่ยยังต้องให้ความเกรงใจ แต่นี่เขากลับมาขอโทษเด็กที่ไม่รู้จักที่มาที่ไป
มู่เฉียนซียิ้มอ่อน “ท่านผู้เฒ่า อย่างนั้นยาระดับต่ำของข้าสามารถวางประมูลที่โรงประมูลของท่านได้หรือไม่ ?”
“เทียบได้กับเม็ดยาระดับสอง หากนำมาประมูลที่โรงประมูลของเราจะต้องขายออกไปได้ในราคาสูง” หมออวิ๋นพูด ความตื่นเต้นฉายชัดไม่อาจปกปิด
ต้องทราบก่อนว่าการประมูลในแคว้นจื่อเยี่ย หนึ่งปีจะมียาระดับสองเข้าประมูลเพียงสิบเม็ด เนื่องจากในแคว้นจื่อเยี่ยมีนักปรุงยาเพียงคนเดียวที่สามารถปรุงยาระดับสองได้
“แต่ว่า…” หมออวิ๋นหยุดพูดไปชั่วครู่ “สายตาและประสบการณ์ของข้าไม่กว้างไกล ไม่ทราบว่ายานี้มีผลอย่างไร ต้องรู้ถึงฤทธิ์ยาเท่านั้นจึงจะสามารถโฆษณาขายได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “เม็ดยานี้ช่วยเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะได้สามถึงห้าเท่า”
“นี่มัน… เป็นไปได้เยี่ยงไร ?” หมออวิ๋นตะลึง ถึงเป็นเม็ดยาระดับสามอย่างมากก็เพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะได้เพียงแค่สองเท่า
“แน่นอนว่ามันจำกัดสำหรับผู้ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปรมาจารย์ หากระดับปรมาจารย์ขึ้นไปแล้ว โดยพื้นฐานจะไม่มีผลใด ๆ”
ต่อให้จำกัดระดับ ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าตกใจ หากเม็ดยานี้มีผลลัพธ์เช่นนั้นจริงคงทำให้ทั้งเมืองหลวงสั่นไหวเป็นแน่แท้ ตระกูลใหญ่กว่าสิบตระกูลคงแห่แย่งกันซื้อเพื่อให้รุ่นเยาว์ของตระกูลพวกเขาได้บ่มเพาะ
มู่เฉียนซีกล่าวต่อ “หากท่านหมออวิ๋นไม่เชื่อ ท่านสามารถให้ผู้ฝึกพลังวิญญาณสักคนมาทดลองได้”
“ได้”
หมออวิ๋นยังคงประหลาดใจกับเม็ดยานี้ เขาเชื่อสนิทใจว่ายาเม็ดนี้จะสร้างปาฏิหาริย์อันน่าจดจำ และเขาต้องการเป็นสักขีพยาน
.