ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 281 จุดประกายไฟและดับมัน
จื่อโยวยิ้มอย่างมีเสน่ห์พลางกล่าว “ใช่ ข้าถนัดแก้พิษงูก็จริง แต่เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าจะให้ข้าเป็นคนแก้พิษให้นาง”
หลังจากที่จื่อโยวกล่าวจบ ลมกระโชกอันรุนแรงก็พัดเข้าใส่เขา ลมนั้นมาจากจิ่วเยี่ย จิ่วเยี่ยผู้ซึ่งหงุดหงิดเล็กน้อยในเวลานี้กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ไสหัวไป!”
จื่อโยวหัวเราะ เขายิ้มขี้เล่นก่อนจะกล่าวว่า “เยี่ย เจ้าให้ข้าไสหัวไปเพราะต้องการลงมือเองใช่หรือไม่ ? ฮ่า ๆ ๆ เช่นนั้นก็พยายามเข้า ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้” กล่าวจบร่างที่น่าหลงใหลของจื่อโยวก็กะพริบหายไปจากตรงหน้าจิ่วเยี่ย
พลังอันเย็นยะเยือกที่แผ่มาจากจิ่วเยี่ยเมื่อครู่นี้ทำให้มู่เฉียนซีตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะเห็นใบหน้าเย็นยะเยือกนั้น
“จิ่ว… เยี่ย…” นางค่อย ๆ กล่าวเรียกเขา นางพบว่าเสียงของตนเองแหบแห้ง แต่ร่างกายของนางฟื้นตัวกลับมาบ้างแล้ว
“เจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว” จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงแผ่วเบา
ถึงแม้ว่าร่างกายของมู่เฉียนซีจะอ่อนแอ แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการปรุงยาแก้พิษของนางเลย หลังจากที่นางปรุงยาเสร็จเรียบร้อย และได้ใช้ยานั้นแก้พิษให้ตนเอง ความแข็งแกร่งของนางก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมาอย่างช้า ๆ เพียงแต่ว่า…
มู่เฉียนซีกัดริมฝีปากตัวเองแน่น พิษของอสรพิษสามหัวเข้าไปอยู่ในร่างกายของนางนานเกินไป อย่างอื่นนางสามารถควบคุมได้ แต่ว่า…
พิษนี้มีลักษณะพิเศษที่ไม่สามารถใช้ยาควบคุมได้ ดูเหมือนว่ายาของนางจะไม่ได้ผลกับพิษนี้
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “จิ่วเยี่ย รีบปล่อยข้าเร็วเข้า”
ความเย็นยะเยือกจากร่างกายของเขานั้นไม่อาจบรรเทาความอึดอัดของนางในตอนนี้ได้ มันยิ่งเร่งการกัดกร่อนและการลามของพิษให้มากขึ้น
จิ่วเยี่ยวางร่างของมู่เฉียนซีลงบนพื้น มู่เฉียนซีมองไปที่สระเย็นยะเยือกนั้น ถึงแม้ว่าพิษจะแทรกซึมเข้าไปทุกส่วนในร่างกายของนางแล้ว แต่การลงไปแช่ในสระนี้ก็ใช่ว่าจะได้ผล
ทว่านี่เป็นหนทางเดียว…
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังย่างเท้าก้าวเข้าไปในสระ จิ่วเยี่ยกลับห้ามเอาไว้
“ไม่ได้!”
มู่เฉียนซีมองเขาด้วยแววตาตั้งคำถาม จิ่วเยี่ยจึงกล่าวขึ้น “หากลงไปแช่น้ำ มันมีแต่จะทำให้เจ้าเจ็บปวดมากขึ้น”
มู่เฉียนซี “แต่อย่างน้อยความเย็นจากน้ำก็สามารถยับยั้งฤทธิ์ของพิษเอาไว้ได้ ข้าน่าจะใจเย็นลงหากได้แช่ หรือเจ้ามีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ ?”
“ข้า…” ดวงตาของจิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซีด้วยความลึกซึ้งจริงจังอย่างมาก เขายื่นมืออันเรียวยาวนั้นออกมาและถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกด้วยท่วงท่าที่ดูงดงามพลางกล่าว “ข้าเป็นคู่หมั้นของเจ้า ร่างกายข้าเย็น หากเจ้าต้องการใช้ร่างกายเย็น ๆ นี้ เจ้าย่อมใช้ได้”
เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ของจิ่วเยี่ย ขาของมู่เฉียนซีก็อ่อนแรงแทบจะล้มลงไป นางคิดในใจว่านางถูกพิษถึงขั้นนี้แล้ว จิ่วเยี่ยยังจะเติมเชื้อเพลิงอีกรึ ?!
สายตาคู่นั้นยังคงเย็นชา แต่สองมืออันเรียวยาวไม่ได้หยุดลงเลย
เขาถอดเสื้อผ้าส่วนบนของตนเองออกจนหมด และร่างที่งดงามอย่างสมบูรณ์แบบก็ปรากฏต่อหน้าต่อตามู่เฉียนซี
เมื่อเห็นภาพเรือนร่างอันงดงาม พิษในร่างของมู่เฉียนซีเสมือนถูกกระตุ้น มันกำเริบขึ้น นางรู้สึกมึนงง ไม่เป็นตัวของตัวเอง
— ตูม! —
ต่อมาพฤติกรรมของมู่เฉียนซีนั้นแปลกไป นางไม่ได้ทำตามที่สมองนางบงการเลย
— ตุบ! —
นางพรวดเข้าไปจู่โจมจิ่วเยี่ย กดทับดันร่างของเขาไปข้าง ๆ สระน้ำอันเย็นยะเยือกนั้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เยี่ยอ๋อง ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้ว”
จิ่วเยี่ยเหยียดแขนออกไปเพื่อให้มู่เฉียนซีกอดได้อย่างเต็มที่ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ซี… เอาเลย ทำให้ข้าดูว่าทำเช่นไรถึงเรียกว่าไม่เกรงใจ”
ด้วยความรู้สึกนี้ ทำให้นางเห็นว่าดวงตาสีฟ้าอันแสนเย็นชาคู่นั้นแอบแฝงไปด้วยความยั่วยุ
มู่เฉียนซียื่นมือไปเล่นกับเส้นผมสีดำนุ่มราวเส้นไหมของเขา ยั่วยุนักใช่หรือไม่ ? ได้!
ใครกลัวใครกันแน่!
— แควก! —
เสื้อผ้าทั้งหมดบนร่างของจิ่วเยี่ยถูกมู่เฉียนซีฉีกออกเป็นชิ้น ๆ
ด้วยวิธีการเล้าโลมในแบบของมนุษย์ จิ่วเยี่ยเอานิ้วมือลูบไล้ร่างกายเพรียวบางของมู่เฉียนซีเบา ๆ เสื้อผ้าของนางถูกถอดออกทีละชิ้น ๆ จนเหลือเพียงร่างเปล่าเปลือย
ภายในชั่วพริบตา เส้นผมยาว ๆ สามพันเส้นนั้นก็ยุ่งเหยิงเล็กน้อย ผิวขาวดั่งหยก ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกเสียวซ่านแปลกพิลึก
แสงจันทร์สาดทอลงมา แต่จิ่วเยี่ยรู้สึกว่าใบหน้าที่งดงามของนางนั้นน่าหลงใหลกว่าแสงจันทร์เสียอีก
จิ่วเยี่ยที่คิดว่าตนเองเก่งกาจ ในที่สุดก็ทนไม่ได้ที่ถูกสตรีผู้นี้เป็นฝ่ายควบคุม จากนั้นเขาเริ่มเป็นฝ่ายควบคุมนางบ้าง!
ทว่าในอึดใจต่อมา ความร้อนที่แผดเผาบนร่างของมู่เฉียนซีเริ่มจางหายไป และดวงตาดำสนิทที่ดูเลื่อนลอยก็เริ่มชัดขึ้นมาอีกครั้ง สองมือของนางจับใบหน้าของจิ่วเยี่ยไว้ นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮิ ๆ ๆ ในที่สุดข้ามู่เฉียนซีผู้เป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่ง ก็สามารถแก้พิษอสรพิษสามหัวนั่นได้แล้ว ข้าแก้ได้แล้ว… ข้าหายแล้วดูสิ”
นางค่อย ๆ เอามือออกจากใบหน้าของจิ่วเยี่ย “ยินดีด้วยเยี่ยอ๋อง ยินดีที่รักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ได้”
นิ้วมือวางลง มู่เฉียนซีนอนซบลงบนไหล่ของจิ่วเยี่ยและหลับสนิทไป
เมื่อมองสตรีที่กำลังหลับใหล ดวงตาสีฟ้าของจิ่วเยี่ยคู่นั้นฉายประกายกล้า ก็อยากจะเอาชีวิตของมู่เฉียนซีมาเป็นของตน เขากอดนางไว้แน่นจนแทบจะทำให้ร่างของนางเข้าไปอยู่ในร่างของเขา พลังที่รุนแรงบนร่างของเขานั้นแผ่กระจายออกไปบริเวณรอบ ๆ จนสิ่งมีชีวิตรอบ ๆ ทั้งหมดนั้นต่างก็ตกใจกลัว
จิ่วเยี่ยในตอนนี้นั้นกำลังอยู่ในจุดที่อันตรายที่สุด รอยแดงทั่วทั้งร่างกายของเขา รอยที่เกิดจากการกระทำของนาง… ดูมีเสน่ห์อย่างที่สิ่งใดก็มิอาจเปรียบได้
ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ลงมือทำอะไรนางนอกจากหยิบเอาเสื้อคลุมยาวมาคลุมร่างนางเอาไว้ จากนั้น…
— ตูม! —
เดิมทีเขาเป็นผู้ที่ห้ามไม่ให้มู่เฉียนซีกระโดดลงไปในสระ แต่สุดท้ายกลับเป็นเขาเองที่กระโดดลงไปในสระน้ำเย็นยะเยือกนี้ เขาไม่ได้โดนพิษจากอสรพิษสามหัวแต่อย่างใด และการที่เขาลงไปในสระน้ำ น้ำในสระก็แทบจะไม่ได้มีผลอะไรต่อตัวเขาเลย
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะอันเย้ยหยันดังขึ้น “เหอะ ๆ เยี่ยอ๋องรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ได้ ช่างน่าทึ่ง”
“อันที่จริงเจ้าน่าจะบอกนางไปว่าเจ้าไม่อยากรักษาไว้ บางทีตอนนี้เจ้าอาจจะ… อืม…”
— ขวับ! —
ร่างสีดำสนิทออกมาจากสระ พลันคว้าร่างของจื่อโยวไว้
“จื่อโยว สู้กับข้าสักตั้งมา!”
ณ เวลานี้จื่อโยวรู้สึกเสียใจนักที่กล่าววาจาเช่นนั้นออกไป เขาปรับน้ำเสียงให้นุ่มนวลก่อนจะกล่าว “โอ้นายท่าน หากอยากจะดับไฟร้อนรุ่มในกายก็ไปหาสตรีงามของตนเองสิ ร่างอันบอบบางของข้าไม่อาจทนได้จริง ๆ ปล่อยข้าเถอะ”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ทว่าบุรุษอย่างจิ่วเยี่ยน่ะหรือที่จะยอมฟังคำกล่าวไร้สาระของจื่อโยว พลังรุนแรงของเขาพลุ่งพล่านมากขึ้นเรื่อย ๆ หากหักเอวอันบอบบางของจื่อโยวไม่ได้ มีหรือจิ่วเยี่ยจะยอมหยุด
— ตูม! ตูม! ตูม! —
การที่ถูกจิ่วเยี่ยไล่ล่าถือเป็นความเจ็บปวดใจของจื่อโยวอย่างยิ่ง เขาคร่ำครวญ “มู่เฉียนซีแม่สาวน้อยคนงาม เจ้าเป็นผู้จุดประกายไฟแล้วไม่ดับด้วยตนเอง เจ้าช่างร้ายจริง ๆ”
“ผู้ที่จุดประกายไฟเป็นเจ้า เหตุใดข้าต้องใช้ร่างอันบอบบางของข้าดับไฟที่เจ้าจุดขึ้นมาด้วย ?”
หลังจากที่จิ่วเยี่ยได้จัดการกับจื่อโยวไปอย่างดุเดือดแล้ว ในที่สุดเขาก็สงบลง เขากอดมู่เฉียนซีเอาไว้ ใจก็นึกรอให้นางตื่นขึ้นมาในอ้อมกอด จากนั้นค่อยคิดบัญชีกับนาง
นางเสียพลังวิญญาณไปกับพิษของอสรพิษมากมายนัก อีกทั้งยังลงมืออย่างหนักกับเยี่ยอ๋อง จึงทำให้นางเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างยาวนาน
เมื่อนางตื่นขึ้นมา นางก็รู้ว่าตนเองนั้นไปก่อเรื่องใหญ่เอาไว้เสียแล้ว
ความทรงจำอันเลือนรางบอกนางว่าก่อนที่นางจะหลับใหลไป นางได้ปฏิบัติกับเยี่ยอ๋องอย่างบ้าคลั่งและไร้มนุษยธรรมเพียงใด
นางช่างทะลึ่งจริง ๆ!
ในเวลานั้นจิ่วเยี่ยสงบมาก ด้วยเพราะที่นางทำไปเป็นสาเหตุจากนางอาการมึนงงเพราะโดนพิษของอสรพิษสามหัว ทว่าเวลานี้นางตื่นขึ้นมาแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับนางนั้นยากที่นางจะคาดเดาได้
.