ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 317 เจอหมาบ้าอีกครา
นักฆ่าระดับอัจฉริยะที่หออสูรทมิฬทุ่มเทเวลาอบรมบ่มเพาะมานานกว่าสิบปี หากมีคนฉกคนของเขาไปดื้อ ๆ เช่นนี้ อย่างไรเสียผู้นำหออสูรทมิฬก็ไม่มีวันยอมรับ
มู่เฉียนซีมองใบหน้าเสี่ยวชีก่อนจะกล่าวว่า “รอให้ออกไปจากเทือกเขาชีชงนี้ก่อน ข้าจะปรุงยาปิดบังใบหน้าให้เจ้า”
ถึงแม้ว่าตัวยานั้นจะไม่สามารถปกปิดตัวตนจากคนทุกคนได้ ทว่าก็ยังพอสามารถปกปิดตัวตนจากคนระดับธรรมดาของหออสูรทมิฬได้
“นายท่าน ใบหน้าที่แท้จริงของข้านั้น มีเพียงผู้นำหออสูรทมิฬผู้เดียวเท่านั้นที่เคยเห็น” เสี่ยวชีกล่าวเสียงแผ่ว
“เจ้าปิดบังใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าไว้แล้วเช่นนั้นรึ ?” มู่เฉียนซีถามอย่างตกใจ น้อยครั้งที่นางจะมองพลาดไป
“หน้ากากนี้ข้าสวมมันมาหลายปีแล้ว ต้องเป็นยาวิเศษและเป็นวิชาที่วิเศษเท่านั้นถึงจะนำเอาหน้ากากนี้ออกได้ แต่ยาวิเศษที่ข้าว่ามันอยู่ที่ผู้นำหออสูรทมิฬ” เสี่ยวชีกล่าว
มู่เฉียนซียื่นมือไปแตะใบหน้าของเสี่ยวชี หากไม่ได้ยินจากปากเขา เกรงว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นว่าบนใบหน้าเขาสวมหน้ากากอยู่
ช่างแนบเนียนยิ่งนัก!
มู่เฉียนซีนำเอาอุปกรณ์ออกมา และได้เอาตัวอย่างหน้ากากของเขาออกมาเล็กน้อย นางยิ้มมุมปากพลางกล่าว “ในเมื่อยังมีตัวยาอยู่ อย่างไรข้าก็ทำมันออกมาได้”
มู่เฉียนซีมีความเชี่ยวชาญด้านยามาก เพียงเวลาไม่นานนางก็สามารถปรุงยานี้ออกมาได้โดยง่าย
เสี่ยวชีใช้ยาที่นางปรุงออกมามาใช้ล้างหน้า ในที่สุดเขาก็สามารถถอดหน้ากากนั้นออกมาได้
เมื่อมู่เฉียนซีเห็นใบหน้าของเสี่ยวชีนางถึงกับตกตะลึง ใบหน้างดงามราวกับบุปผาเบ่งบาน ดูอ่อนโยนและนุ่มนวลอย่างไร้ที่ติ
อะไรกันนี่ ?! เขาเป็นนักฆ่าเป็นมือสังหารความสามารถเย้ยฟ้าท้าสวรรค์ แต่มีใบหน้าที่งดงามเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นบุรุษ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดผู้นำหออสูรทมิฬถึงได้เลือกที่จะปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของเขาไว้
เสี่ยวชีเอามือลูบใบหน้าตนเองก่อนจะกล่าวถาม “นายท่าน หน้าตาข้าอัปลักษณ์มากเลยใช่หรือไม่ ?”
ขนคิ้วเป็นระเบียบราววาดโดยน้ำหมึก ริมฝีปากงดงามราวดอกเหมย ผิวพรรณขาวดุจดั่งหยกขาว ผู้ใดพบเห็นเข้าจะไม่ตะลึงได้อย่างไรกัน
“จะอัปลักษณ์ได้อย่างไรเล่า ?! เจ้าดูดีอย่างมาก” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง
หลังจากรอยยิ้มนั้น ลมเย็นยะเยือกพลันพัดกระโชกมา เสี่ยวชีในฐานะนักฆ่า เขารู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวมุ่งเป้ามาหาเขา
จิ่วเยี่ยปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี ทำเอานางผงะไป “จิ่วเยี่ย เป็นอะไรไปรึ ?”
ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นจ้องมู่เฉียนซีเขม็งราวกับว่าจะกลืนกินวิญญาณของนางไปก็มิปาน เขากล่าวขึ้นอย่างเชื่องช้า “คนผู้นี้หากรั้งไว้อยู่ข้างกายเจ้า จะเป็นปัญหาเอาได้”
มู่เฉียนซี “จิ่วเยี่ย เจ้าวางใจได้ หลังจากที่ออกไปจากเทือกเขาชีชง ข้ามีบางอย่างจะให้เขาจัดการ”
“หลังออกไปจากเทือกเขาชีชงรึ ?” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม สุดท้ายร่างของเขาก็อันตรธานไปทันที
มู่เฉียนซีกล่าวกับเสี่ยวชี “เราไปกันเถอะ”
ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีกับเสี่ยวชีจะมีพลังวิญญาณเป็นเพียงปรมาจารย์ภูต ทว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองนั้นมิอาจดูแคลนได้ นับตั้งแต่เข้ามาในเทือกเขาชีชงก็ได้ประสบกับอันตรายมาตลอดทาง ทว่าก็ไม่เป็นอะไรเลย
สถานที่ในแผนที่นั้น พวกเขาทั้งสองต้องการตามหาให้เจอในเทือกเขาชีชงอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ ช่างเป็นเรื่องเพ้อฝันยิ่งนัก ต่อให้มีแผนที่อยู่ในมือก็ตามที มันก็ยังคงเป็นเรื่องเพ้อฝันอย่างแท้จริง
มู่เฉียนซีกำลังจะข้ามผ่านเทือกเขาชีชงไปยังตอนกลางของเซี่ยโจว นางตั้งใจว่าจะค่อย ๆ คิดหาวิธีกันอีกที
เป้าหมายที่สำคัญในเวลานี้คือ… หม้อเทพนิรันดร์
ขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะข้ามผ่านเทือกเขาชีชงไปนั้น นางไม่คิดเลยว่าโลกจะกลมเช่นนี้ นางได้เจอกับศัตรูคู่อาฆาตกลุ่มหนึ่ง พวกเขาคือกลุ่มที่มีสตรีปากร้ายในชุดสีชมพูผู้นั้น
เมื่อเห็นมู่เฉียนซี สตรีปากร้ายกล่าวเสียงแหลมขึ้นมาในทันใด “พวกเจ้า! ในที่สุดข้าก็ตามหาพวกเจ้าจนเจอ”
“หืม!” สตรีชุดชมพูผงะไปเมื่อเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของเสี่ยวชี เขาเปลี่ยนไปจนดูดีไม่น้อย นางแสดงสีหน้าประหลาดใจ
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าสตรีผู้นี้ช่างน่ารำคาญใจเสียจริง นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เสี่ยวชี เราไปกันเถอะ”
สตรีชุดชมพูโกรธเป็นอย่างมาก “เจ้า ข้ากำลังพูดอยู่กับเจ้า! คราก่อนคนของเจ้าทำให้ข้าตกใจ เจ้าไม่คิดจะชดเชยให้ข้าสักหน่อยเลยรึ ? หม้อยานั่นของเจ้าเหมาะสมกับข้าพอดิบพอดี เอามันมาประเดี๋ยวนี้เลย!”
มู่เฉียนซีกล่าวติดตลก “เหอะ ๆ คุณหนู… หน้าตาเจ้าอัปลักษณ์ยิ่งนัก ทำเอาข้าตกใจไม่น้อย แล้วสำหรับเรื่องนี้เจ้าจะชดเชยให้ข้าอย่างไรล่ะ ?”
เป็นคุณหนูใหญ่ผู้นี้ที่จงใจหาเรื่องอย่างไร้เหตุผลสิ้นดี มู่เฉียนซีรู้สึกแสนจะรำคาญ นางรำคาญมากเสียจนต้องการจะวางยาพิษให้สตรีปากร้ายเป็นใบ้แล้วไล่ไปเสียให้พ้น ๆ หน้า
ใบหน้าของสตรีชุดชมพูพลันเปลี่ยนไป “เจ้า… เจ้ากล้าดีอย่างไรมากล่าววาจากล่าวหาว่าข้าใบหน้าอัปลักษณ์ ? เจ้านั่นแหละ เจ้า…”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเบื่อหน่ายพลางส่ายศีรษะ “สตรีอัปลักษณ์เอ๋ย… เจ้าอย่าบอกข้านะว่าเจ้าไม่รู้ข้อบกพร่องของตัวเองว่าเป็นเช่นไร ?”
สตรีชุดชมพูตะโกนสั่งดังลั่น “จับตัวสองคนนี้เอาไว้! หม้อยาของเขาเป็นของข้าแล้ว ถึงเจ้าจะมีหม้อยา แต่ก็ไม่สามารถเป็นนักปรุงยาได้ เสียเวลาเปล่า”
องครักษ์ข้างกายของสตรีชุดชมพู เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเสี่ยวชีก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรแล้วคำสั่งของคุณหนูใหญ่ก็ไม่อาจไปขัดเคืองได้ พวกเขาจำใจต้องทำ
ศิษย์พี่ที่อยู่ข้างกายสตรีชุดชมพูรู้สึกลำบากใจทำสิ่งใดไม่ถูก เขาพยายามกล่าววาจาโน้มน้าวศิษย์น้อง “ศิษย์น้อง ช่างมันเถอะ รอออกไปจากที่นี่ เจ้าก็ค่อยให้ท่านอาจารย์หาหม้อยาใหม่ที่เหมาะสมกับเจ้า เรื่องก็จบสิ้นแล้ว”
“ไม่ได้ ข้าต้องการหม้อยาที่อยู่กับเขาผู้นั้น”
“มังกรวารีพิฆาต!” มู่เฉียนซีขี้คร้านจะรอ นางชิงโจมตี
เสือที่ไม่แสดงอำนาจ ก็ไม่ต่างอะไรกับแมวโง่เง่า!
สำหรับคุณหนูใหญ่ที่ทำตัวกำเริบเสิบสานและอวดดีเช่นนี้ มู่เฉียนซีเบื่อนัก เหอะ! คิดว่ามีองครักษ์ระดับจักรพรรดิคอยคุ้มกันอยู่อย่างลับ ๆ แล้วนางจะเกรงกลัวมากนักรึ ?
— ตูม! —
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน เวลานี้ความจำของเสี่ยวชีกลับมาแล้ว และพลังความแข็งแกร่งของเขาเกิดพัฒนาพุ่งสูงขึ้นจนกลายเป็นราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง!
ร่างของเขาล่องหนหายไปในอากาศ หายไปต่อหน้าทุกผู้คนในที่นั้น จากนั้นหนึ่งในองครักษ์ก็ตายไปอย่างแปลกประหลาด
— ตูม! —
แสงประกายวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี เสี่ยวชีเป็นนักฆ่าอย่างแท้จริง เขาจัดการได้อย่างสะอาดเรียบร้อย ถ้าหากเขามียาสักพิษเล็กน้อยละก็… เขาจะสามารถจัดการกับหลาย ๆ คนได้อย่างง่ายดายโดยที่ศัตรูไม่มีทางรู้ตัวเลย
เสี่ยวชีมีพลังแข็งแกร่งเช่นนี้ มู่เฉียนซีไม่ยอมด้อยกว่าแน่นอน
“ทักษะตี้ซวน!”
ฝ่ามือข้างหนึ่งตกลงมา ยอดฝีมือระดับราชาผู้หนึ่งไม่สามารถหลบทักษะวิญญาณนี้ได้ เขาโดนมู่เฉียนซีตบพลังถล่มล้มไป มันรุนแรงอย่างยิ่งจนกระดูกทั่วทั้งร่างกายของเขาแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ร่างของเขาอ่อนปวกเปียกจนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้เลย
คนอื่น ๆ พากันสูดลมหายใจด้วยความตะลึงพรึงเพริด ช่างเป็นกระบวนท่าที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง หากพวกเขาโดนกระบวนท่านี้เข้าไป มีหวังต้องจบสิ้นแน่
สตรีชุดชมพูตื่นตระหนก ชายหนุ่มผู้นี้ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่านาง พลังวิญญาณก็เป็นเพียงปรมาจารย์ภูตเท่านั้น ใครเลยจะคิดว่าเขาจะมีเคล็ดวิชาที่ทรงพลังเช่นนี้
นางตะโกน “แค่ปรมาจารย์ภูตงั่ง ๆ เพียงผู้เดียวทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวถึงเพียงนี้ ข้าเก็บพวกเจ้าไว้ข้างกายจะมีประโยชน์อันใดกัน ?!”
“ลงมือประเดี๋ยวนี้!”
ใช่! ไม่ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเก่งกาจเพียงใด เขาก็เป็นเพียงแค่ปรมาจารย์ภูตคนหนึ่งเท่านั้น พวกเขาไม่มีทางเชื่อว่าจะจัดการกับคนผู้นี้ไม่ได้
ร่างสีเทาปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วราวผีสาง กระบี่สองคมของเขานั้น เวลานี้แปดเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงเข้มแล้ว
— ปัง! ปัง! ปัง! —
จากนั้นพวกเขาก็จำต้องยอมรับความจริง นั่นก็คือพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายหนุ่มสองคนนี้แม้แต่น้อย
สตรีชุดชมพูตะโกนขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว “ได้! พวกเจ้าช่างบังอาจยิ่งนักที่กล้าทำร้ายคนของข้า พวกเจ้าจะต้องตายอย่างอนาถข้าขอบอกเอาไว้!”
ศิษย์พี่ชุดขาวผู้นั้น คิดอยากจะเอามือปิดปากศิษย์น้องผู้นี้เสียจริง ๆ นางตะโกนออกไปเช่นนี้มีแต่จะดึงดูดให้นักฆ่าผู้นั้นมาลงมือกับนาง อยากจะร้องไห้ก็ไร้แผ่นดินให้ยืนร้อง
เสี่ยวชีรู้ดีว่าผู้ใดเป็นตัวการสำคัญ ทันใดนั้นเขาปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของคุณหนูใหญ่ชุดชมพู
สีหน้ามู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไป “เสี่ยวชี อันตราย!”
การเดินทางเข้ามาในเทือกเขาชีชงของคุณหนูใหญ่ผู้หยิ่งผยองอวดดีเช่นนี้ จะมีเพียงองครักษ์ยอดฝีมือเหล่านี้ได้อย่างไรกัน เบื้องหลังของนางยังมียอดฝีมือระดับจักรพรรดิอยู่อีกสองคน