ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 32 หยอกเย้านายน้อยน่าหลาน
น่าหลานอวี้ยิ้ม “คุณชายได้รับผลตอบแทนมาก นั่นเพราะคุณชายมีทรัพย์สมบัติมาก บ้านประมูลอันดับหนึ่งข้าก็ต้องขอขอบคุณคุณชาย ที่ทำให้พวกเราได้เห็นเหย้าจี้อันน่าอัศจรรย์”
น่าหลานอวี้นับเป็นพ่อค้าไร้ที่ติ ใบหน้าทรงเสน่ห์เปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเสมือนถูกออกแบบมาตายตัว
มู่เฉียนซีพูดอย่างตรงไปตรงมามิอ้อมค้อม “นายน้อยน่าหลาน ท่านต้องการพบข้ามีเรื่องอันใดหรือไม่ ?”
“ไม่มีอะไรมาก ข้าเพียงแค่อยากเป็นสหายกับคุณชายเท่านั้น”
“ให้เป็นสหายกับจิ้งจอกอย่างท่าน ท่านแน่ใจนะว่าจะไม่ขายข้าทิ้ง ?” มู่เฉียนซีจ้องเขาเขม็ง แววตาตั้งคำถาม
ใบหน้าน่าหลานอวี้ปรากฏรอยยิ้มแข็ง “คุณชายพูดเล่นไปแล้ว ข้าน่าหลานอวี้ดีกับสหายมาตลอด”
“แน่นอนว่าดีเมื่อมีผลประโยชน์ ข้าไม่สนใจให้คนที่มีรอยยิ้มอันจอมปลอมเป็นสหาย”
หากให้เจอกับรอยยิ้มนี้ นางยอมเจอใบหน้าเย็นชายังดีเสียกว่า
ทันใดนั้น นางนึกถึงใบหน้าอันงดงามทว่าเยือกเย็นประดุจน้ำแข็งขึ้นมา …เจ้าก้อนน้ำแข็งนั่น มาก่อกวนอะไรในหัวสมองของนางกัน ?
มู่เฉียนซีส่ายหน้า ‘ข้าคิดถึงเขาทำไม ? จะทำให้นอนฝันร้ายเปล่า ๆ เลิกคิด ๆ ๆ…’
หมอไป๋ยืนอยู่ข้าง ๆ ต้องตกใจ คุณชายท่านนี้พูดตรงเกินไปแล้ว!
ในที่สุดใบหน้าเปื้อนยิ้มของน่าหลานอวี้ก็ไม่สามารถรักษารอยยิ้มไว้ได้อีกต่อไป สภาวะพลังอันตรายจากกายแผ่ออกมา “คุณชายน้อย เจ้าจงใจทำให้ข้าโกรธ มันไม่เป็นผลดีกับเจ้าเลย”
บุรุษยิ้มจอมปลอมนี่กำลังขู่นางรึ ? ไม่มีทาง!
มู่เฉียนซีเปลี่ยนทิศทาง ลงมือโจมตีไปทางน่าหลานอวี้
“เหอะ! หากอยากทดสอบความสามารถข้า ไม่เห็นต้องทำให้วุ่นวาย”
— ปัง! —
สองคนต่อสู้ประมือกัน น่าหลานอวี้ยิ้มเยือกเย็น “แค่ผู้บำเพ็ญภูตขั้นสี่ อ่อนขนาดนี้ยังจะมาโอหังอีก”
มู่เฉียนซีถอยหลังสองสามก้าวพลางเอามือนวดแขนที่ความชาเข้าเกาะกุม “ผู้บำเพ็ญภูตขั้นสามต่างหาก น่าหลานอวี้ เจ้าแพ้แล้ว”
ทันใดนั้น หมอไป๋หน้าซีด “นายน้อย…”
น่าหลานอวี้ปวดที่ท้อง หยาดเหงื่อผุดพรายทั่วหน้าผาก
มู่เฉียนซีค่อย ๆ เยื้องย่างเข้ามายืนตรงหน้าเขา “รู้ว่าข้ามาขายยาเหย้าจี้ ยังจะให้ข้าเข้าใกล้ตัว ตอนนี้รู้สึกเสียใจบ้างหรือยัง ?”
“เจ้า…” รอยยิ้มในแววตาน่าหลานอวี้เหือดหายไปจากใบหน้า เขาอยากจะฉีกร่างของคนคนนี้นัก
มู่เฉียนซียื่นมือออกมาลูบใบหน้าของเขา “หน้าตาก็ดี แต่ชอบยิ้มน่าเกลียด เสียดายหน้าหล่อ ๆ นัก อา… หรือว่าจะให้ข้าใส่ยาพิษทำให้เจ้าใบหน้าเปลี่ยนเป็นหัววัวหัวม้าหรืออะไรสักอย่างดีล่ะ เป็นหนูทดลองให้ข้าปรุงยาพิสดารหน่อยเป็นไร!”
“อย่ามาแตะต้องข้า!” น่าหลานอวี้สะบัดมือ คลื่นพลังอันตรายพุ่งตรงไปที่ชุดคลุม มู่เฉียนซีรีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้น่าหลานอวี้ได้เห็นรูปลักษณ์ของหนุ่มน้อยอย่างชัดเจน หนุ่มน้อยคนนี้ช่างตัวกระจ้อยร่อยนัก อายุประมาณสิบหกสิบเจ็ด คิ้วเรียวราวภาพวาด ผิวเนียนขาวราวหิมะ รูปหน้าทรงไข่งดงามหมดจดดั่งถูกสร้างมาจากจิตรกรมือหนึ่ง
ผมยาวสีเทาอมเขียวสยายพาดลงมาเคลียไหล่ พลิ้วไหวเงางามดุจแพรไหม ขนตาที่เหมือนกับปีกผีเสื้อยามกระพือ ดวงตาสีเขียวเป็นประกลายดึงดูดจิตใจคน
ดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์และไร้เดียงสากอปรกับริมฝีปากที่คอยเผยอเผยรอยยิ้มร้าย สองลักษณะผสมกลมกลืนกัน กลับทำให้ไม่รู้สึกขัดตาข้องใจ
น่าหลานอวี้ยืนอึ้งตะลึงงันไปแล้ว เขาเคยเห็นคนสวยคนหล่อมานักต่อนัก แน่ใจว่าไม่มีใครสามารถทัดเทียมได้กับคุณชายน้อยคนนี้ ความงามคนอื่นห่างไกลกันมาก
มู่เฉียนซีมองน่าหลานอวี้ “เจ็บไหมเล่า ? ยิ้มให้ข้าสิ แล้วข้าจะให้ยาถอนพิษกับเจ้า”
นางไม่คิดจะเป็นศัตรูกับเขา เพียงแต่แค่ล้อเล่นกันเท่านั้น
“เสียใจด้วย ข้าไม่ขายรอยยิ้มพร่ำเพรื่อ”
“อ้าว! ไม่ขายรอยยิ้ม แล้วทำไมเจ้ายิ้มให้ทุกคนเล่า ?”
เมื่อได้ฟังวาจา น่าหลานอวี้โกรธจนอยากจะกระอักเลือด หน้าสวยทว่าแฝงนิสัยอย่างปีศาจน้อย
“ฮ่า ๆ ๆ” มู่เฉียนซีหัวเราะเบา ๆ “ข้าไม่ล้อเจ้าแล้ว ไม่เล่นกับเจ้าแล้ว”
รอยยิ้มของมู่เฉียนซีทำให้น่าหลานอวี้ถึงกับอึ้งงัน
เสียงหัวเราะสบาย ๆ ลอยไปตามสายลม ใบหน้างดงามหมดจดทำให้สภาพแวดล้อมหมองหม่น
ขนาดหมอไป๋ยังคงตะลึง บุรุษตัวน้อย หน้าตาอย่างนี้แล้วยังหัวเราะอีก เดี๋ยวก็เป็นเรื่องยากจะคลี่คลายหรอก
น่าหลานอวี้รู้สึกว่าตรงเอวเริ่มหายปวด มู่เฉียนซีกล่าวออกไปว่า… “อยากแก้แค้นไหมล่ะ ? เชิญเจ้าตามสบาย”
“ข้าหาใช่คนโง่ ลงมือกับหมอปรุงยาที่ปรุงยาพิษเป็น ข้าอาจตายไม่รู้ตัว ข้าน่าหลานอวี้ไม่ทำอะไรขาดสติยั้งคิด” น่าหลานอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
“เช่นนั้นก็บอกมาว่ามีเรื่องอะไร ?”
“ข้าบอกไปแล้ว ต้องการเป็นสหายกับเจ้า ยาเหย้าจี้ของเจ้ามีประโยชน์ต่อข้า”
“โอ้! ตอนนี้เจ้ากลายเป็นคนน่ารักเชียว” มู่เฉียนซียิ้มหยอกเย้า
“เสแสร้งมาตลอดมันเหนื่อย ข้าอยากสบายบ้าง” ครั้งนี้น่าหลานอวี้ยิ้มด้วยรอยยิ้มอันจริงใจ ไม่เหมือนรอยยิ้มก่อน ๆ ที่ปั้นแต่งขึ้นมา
“วางใจได้ เจ้าสามารถทำเงินได้จากข้า เห็นแก่การประมูลในวันนี้ของพวกนั้นมีประโยชน์กับข้ามาก ข้าจะร่วมงานกับเจ้าต่อไป”
“ดี ข้าหวังว่าจะได้ร่วมงานกับเจ้าอีกครั้ง” น่าหลานอวี้พยักหน้าเต็มใจ
“จริงสิ…” มู่เฉียนซีเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
“คนสติไม่ดีที่นำของมาประมูลเป็นชุด คือผู้ใดรึ ?” มู่เฉียนซีถาม
“อุ๊บ! ฮ่า ๆ ๆ” น่าหลานอวี้หัวเราะพรวด
“เจ้าบอกว่าเขาสติไม่ดี เยี่ยมจริง ยังมีคนกล้าว่าเขาอีกรึนี่ ?”
เขาสังเกตมู่เฉียนซี ตอนแรกคนผู้นั้นบอกเขาว่าจะนำของมาประมูล เขาก็คิดเช่นกันว่าสติคงไม่ดี แต่ไม่กล้าเอ่ยวาจานั้น…
คนผู้นั้นเหตุใดถึงทำตัวแปลก ๆ นำของที่ล้ำค่ายิ่งมาเข้าประมูล มีเจตนาเพื่อสิ่งใดกัน ?
หรือว่าจะเป็นเพราะเขา บุรุษน้อยนิสัยเยี่ยงปีศาจตรงหน้านี้
น่าหลานอวี้เคยได้ยินมาว่าเขาผู้นั้นไม่เคยใกล้ชิดหญิงสาว หรือว่าเป็นเพราะเขาจะชอบ…
เมื่อคิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้มีความสัมพันธ์พิเศษเกินเพื่อนกับคนเย็นชาเย่อหยิ่งผู้นั้น ก็ทำให้น่าหลานอวี้รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
“บอกมาสิ เขาเป็นใคร ข้ารู้สึกสนใจมาก” ที่นางสนใจ อาจเพราะผู้นั้นเหมือนจะมีเงินทองมากกว่าผู้นำตระกูลมู่อย่างนาง
“คนผู้นั้นบอกไว้ว่า…” น่าหลานอวี้นิ่งงันพลางใช้ความคิดอย่างหนัก
“ว่าอย่างไรเล่า ?!” มู่เฉียนซีคาดคั้น ทว่าอีกฝ่ายยังคงเงียบไปสักพัก
.
.
“บอกไว้ว่าห้ามบอก”
“อ้าว!”
“หากบอกไปชีวิตข้ามีอันจบเห่ เจ้าคงไม่หวังว่าหุ้นส่วนธุรกิจจะนอนตายอยู่ข้างถนนพรุ่งนี้” น่าหลานอวี้พูดต่อ เขาพยายามใส่ความน่าสงสารเจือลงในน้ำเสียง
มู่เฉียนซีอึ้ง คนที่สามารถคุกคามนายน้อยของหอการค้าอันดับหนึ่งได้เป็นใครกัน ?
หรือว่า…
นางคิดถึงวันนี้ เมื่อกลางวันเจ้าก้อนน้ำแข็งจิ่วเยี่ย… คงไม่ใช่เจ้านี่หรอกนะ!
“ช่างเถอะ ข้าไม่ล้อเจ้าแล้ว” มู่เฉียนซีสะบัดมือ
“น่าหลานอวี้ พวกเราร่วมมือกัน เจ้าจะเอาอะไรมาแสดงความจริงใจล่ะ ?” มู่เฉียนซีเอ่ยถาม
“แล้วเจ้าอยากได้อะไรที่แสดงถึงความจริงใจล่ะ ?” น่าหลานอวี้ถามกลับ
“ในกระดาษนี้มีรายชื่อสมุนไพรวิญญาณ ช่วยข้าหาได้หรือไม่ ?” มู่เฉียนซีนำใบรายการออกมา ข้างบนเขียนรายชื่อสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดที่จะนำมารักษาดวงตาของอาสามของนาง
พิษของอีกฝ่ายนั้นรุนแรงเกินไป มีตัวยาสมุนไพรวิญญาณหลายอย่างที่แค่อาศัยตระกูลมู่ก็ไม่สามารถสืบหาข่าวมาได้
“ได้ ข้าจะพยายามหามาให้เจ้า” น่าหลานอวี้ให้คำมั่น
“ยังมีอีก เจ้าทราบสถานที่ที่มีช่างทำศาสตราวุธยอดเยี่ยมบ้างไหม ? ข้ารู้เพียงแถวจื่อตู แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้เรื่อง กลัวว่าจะทำในแบบที่ข้าต้องการไม่ได้”
“พอดีข้ารู้จักคนหนึ่ง อยู่ที่นอกเมือง ถ้าเจ้าอยากสร้างอะไร ข้าสามารถพาเจ้าไปได้”
“ถ้าอย่างนั้น สามวันให้หลังตอนบ่าย ข้าจะกลับมาหาเจ้า”
“ได้”
หมอไป๋ตอนนี้ชาทั้งตัว เขาเห็นนายน้อยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
จะให้นายน้อยไปที่ใด อยากให้ท่านทำเครื่องศาสตราวุธด้วยรึ ? ราคาที่ต้องจ่ายไม่น้อยเลย
“เอ้อ… เจ้ารู้ชื่อของข้า น่าหลานอวี้ เจ้าก็ควรบอกข้าบ้างว่าเจ้าชื่ออะไร”
.