ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 389 กล้าก็เข้ามา
การที่ได้เจอกับเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วคงไม่ใช่เรื่องดี หวงฝูอวี้หันไปขยิบตากับมู่เฉียนซีเพื่อบอกเป็นนัยว่าให้นางรีบหนีไป
นางไม่ใช่คนของหอการค้าอันดับหนึ่ง พวกเขาจึงไม่ต้องการดึงนางเข้ามาเกี่ยวข้องกับความแค้นระหว่างหอการค้าอันดับหนึ่งกับสำนักอวิ๋นเยียนในครั้งนี้ พวกเขานั้นไม่ต้องการดึงมู่เฉียนซีเข้ามาเกี่ยวข้อง ทว่าพวกเขาไม่รู้เลยว่ามู่เฉียนซีมีความคับแค้นส่วนตัวกับสำนักอวิ๋นเยียน
ทันใดนั้นเอง สตรีในชุดสีเขียวกระโดดออกมา กล่าวด้วยใบหน้าถมึงทึง “มู่เฉียนซี ในที่สุดข้าก็เจอเจ้าจนได้ เจ้ามันสมควรตาย!”
ในที่สุดอวิ๋นฮุ่ยก็ได้มารวมตัวกับกลุ่มของท่านพ่อของนางอีกครั้ง เวลานี้นางหาตัวมู่เฉียนซีพบแล้ว ครั้งนี้นางจะต้องแก้แค้นมู่เฉียนซีให้ได้
“ท่านพ่อ เป็นมัน มันเกือบจะฆ่าข้าตาย ท่านพ่อต้องแก้แค้นให้ข้านะเจ้าคะ” อวิ๋นฮุ่ยกล่าววิงวอนเจ้าสำนักอวิ๋น
ในตอนนี้เอง สายตาของเจ้าสำนักอวิ๋นเลื่อนไปมองมู่เฉียนซีอย่างนิ่งสงบ เขาปริปากกล่าวอย่างเชื่องช้า “ชะชะช้า! หลานสาวของมู่อวู่ซวง อายุสิบหกปีทว่าเป็นถึงราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง ความสามารถเจ้าไม่เลว เจ้าสนใจเข้าร่วมกับสำนักอวิ๋นเยียนของข้าหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซียิ้มเย้ยหยัน “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าท่านอาของข้าเป็นใคร แล้วข้าจะเข้าร่วมกับสำนักอวิ๋นเยียนของเจ้าได้อย่างไรกันเล่า ?”
เจ้าสำนักอวิ๋นกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าโอหังไม่ต่างอะไรกับมู่อวู่ซวงแม้แต่น้อย ต่างกันก็เพียงแค่เจ้าไม่ได้โชคดีเหมือนอย่างอาของเจ้า เพราะฉะนั้นวันนี้เจ้าต้องตายอยู่ที่นี่!”
ทันใดนั้นหวงฝูอวี้กล่าวแทรกอย่างเย็นชาว่า “กล้าแตะต้องแม่นางมู่ก็ลองดู เจ้าสำนักอวิ๋น!”
ประกายแสงเย็นวาบผ่านดวงตาของเจ้าสำนักอวิ๋น “เหอะ! ข้าไม่เพียงแต่จะจัดการกับนาง แม้แต่คนของหอการค้าอันดับหนึ่งอย่างพวกเจ้า ข้าก็จะจัดการ ตนเองยังปกป้องไม่ได้ คิดจะปกป้องผู้อื่น ฝันกลางวันอยู่รึ ?!”
“เจ้าอย่าคิดว่าหอการค้าอันดับหนึ่งของข้าจะยอมให้เจ้ารังแกเอาได้ง่าย ๆ!” หวงฝูอวี้ตะคอก ทันใดนั้นจิตสังหารของทั้งสองฝ่ายแผ่ซ่านออกมา จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ลงมือต่อสู้กัน
ฝ่ายของสำนักอวิ๋นเยียนมีเจ้าสำนักอวิ๋นกับผู้อาวุโสของสำนักอีกสองคนที่เป็นยอดฝีมือจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า ทางฝ่ายของหอการค้าอันดับหนึ่งไม่มีผู้ใดที่เป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย
มู่เฉียนซี “พวกเจ้าไสหัวไปให้หมด อย่ามาทำให้ข้าเสียเวลา!”
ถึงแม้ว่านางจะอยากคิดบัญชีกับสำนักอวิ๋นเยียนมากเพียงใด ตอนนี้สิ่งสำคัญและเร่งรีบที่สุดนั่นก็คือหม้อเทพนิรันดร์ ต่อให้หม้อเทพนิรันดร์จะไม่ยอมรับคนของหุบเขาหมอเทวดาเป็นนาย แต่หากพวกนั้นได้หม้อเทพนิรันดร์ไป นางจะทำอย่างไร ?
เจ้าสำนักอวิ๋น “โธ่เอ๋ยเด็กน้อย ความตายมาเยือนอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ ๆ เจ้ายังกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับข้าอีกรึ ? เจ้าคงจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อจริง ๆ แล้วกระมัง”
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ ออกมา!” มู่เฉียนซีรู้ว่าศึกครั้งนี้คงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นนางจึงทุ่มเทอย่างสุดกำลังในการต่อสู้
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานหนึ่งเดียวในใต้หล้า มาแล้ว!” หลังจากที่อู๋ตี้ออกมาพร้อมกับคำกล่าวประจำตัวของมัน มันก็แปลงร่างใหญ่มหึมาทันที
— ตุบ! ตุบ! —
มันใช้ร่างใหญ่มหึมาของมันกวาดไปที่คนเหล่านั้นอย่างดุเดือด
“เพลิงเผาสวรรค์!” เปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งออกมา เสี่ยวหงเริ่มโจมตีด้วยพลังแข็งแกร่งที่สุดของมัน มันกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องนายท่านของข้า มันต้องตาย!”
คนของหอการค้าอันดับหนึ่งเห็นเช่นนี้ต่างก็ผงะกันไป “อา… ที่แท้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามที่ช่วยพวกเราเอาไว้คือสัตว์พันธสัญญาของแม่นางมู่นี่เอง ข้าแปลกใจและคิดอยู่แล้วเชียวว่าสถานที่เช่นนี้จะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามโผล่มาได้อย่างไร”
“สู้!” หวงฝูอวี้ตะโกนด้วยความฮึกเหิม
แม่นางมู่ได้ช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้หลายครั้งหลายครา เช่นนั้นแล้วครั้งนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ต้องช่วยแม่นางมู่ให้ได้
“สู้!” จากนั้นคนของหอการค้าอันกับหนึ่งก็ตะโกนเสียงดังด้วยความฮึกเหิมในการต่อสู้
เจ้าสำนักอวิ๋นกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “สาวน้อย เจ้าอย่าคิดว่าเจ้ามีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามสองตัวแล้วจะเอาชนะข้าได้ อย่างไรเสียวันนี้เจ้าก็ต้องตาย!”
เจ้าสำนักอวิ๋นให้ผู้อาวุโสสองคนไปรับมือกับเสี่ยวหงและอู๋ตี้ ส่วนเขานั้นจะเป็นคนจัดการกับมู่เฉียนซีด้วยตนเอง เขาไม่ได้รู้สึกไม่ดีแม้แต่น้อยที่ตนเองเป็นถึงเจ้าสำนักสำนักนิกายระดับหนึ่งแล้วมาต่อสู้กับเด็กสาวอ่อนวัยผู้ที่เพิ่งจะบรรลุภาวะการเติบโตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้ เด็กสาวผู้นี้เป็นผู้ที่ดื้อรั้น มีพรสวรรค์อันน่าทึ่งไม่เหมือนคนรุ่นเดียวกัน หากนางไม่ยอมมาอยู่รับใช้เขา นางก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่บนผืนพสุธานี้อีกต่อไป
การต่อสู้ครั้งนี้อวิ๋นฮุ่ยไม่ได้เข้าร่วมต่อสู้แต่อย่างใด องครักษ์ของนางสองคนปกป้องนางอยู่และคอยกันให้นางถอยหนี แต่เมื่อนางเห็นท่านพ่อของตนต่อสู้กับมู่เฉียนซี นางก็รู้สึกสะใจ
สัตว์พันธสัญญาของนางทั้งสองกำลังชุลมุนอยู่กับผู้อาวุโสที่เป็นจักรพรรดิแห่งภูต เวลานี้ท่านพ่อกำลังต่อสู้กับนางอยู่ ถึงอย่างไรวันนี้นางก็ต้องตาย นางนั้นมั่นใจเต็มสิบส่วน
“บัดซบเอ๊ย!” หวงฝูอวี้โกรธมากเมื่อเห็นเจ้าสำนักอวิ๋นกำลังต่อสู้กับมู่เฉียนซีอย่างดุเดือดไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้น
“เจ้าสำนักอวิ๋น เจ้าเป็นถึงเจ้าสำนักของสำนักนิกายระดับหนึ่ง ข้านึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าจะรังแกแม้กระทั่งสตรีอายุน้อยตัวเล็ก ๆ ได้!”
“แล้วอย่างไรเล่า ?” เจ้าสำนักอวิ๋นไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
หวงฝูอวี้อยากจะเข้าไปช่วยมู่เฉียนซี แต่เขากลับโดนคนของสำนักอวิ๋นเยียนเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อน แต่ต่อให้เขาเข้าไป เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าสำนักอวิ๋น
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าเช่นนี้ มู่เฉียนซีคิดจะหนีก็ไม่อาจหนีไปได้ นางจึงตัดสินใจเอาเม็ดยาวิญญาณที่ได้มาจากหม้อเทพปาฮวางชิงมู่เม็ดที่สองออกมากิน
หลังจากที่นางกินยาวิญญาณนั้นไป พลังวิญญาณก็พุ่งสูงขึ้นถึงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า เวลานี้นางมีพลังวิญญาณเพียงพอที่จะต่อสู้กับเจ้าสำนักอวิ๋นแล้ว
เจ้าสำนักอวิ๋นเห็นเช่นนี้ก็ตกอกตกใจเป็นอย่างมาก “เจ้าใช้ยาวิญญาณบังคับให้พลังวิญญาณพุ่งสูงขึ้นขั้นสูงสุดเช่นนี้รนหาที่ตายชัด ๆ”
ยาวิญญาณที่บังคับพลังวิญญาณให้เพิ่มสูงขึ้นหลายระดับเช่นนี้ ผลของมันที่ตามมานั้นร้ายแรงอย่างมหันต์ ต่อให้ตอนนี้พลังวิญญาณจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่สุดท้ายก็จะทำลายเส้นปราณพลังวิญญาณอย่างร้ายแรง
นี่เป็นสิ่งต้องห้าม ด้วยเพราะผลที่ตามมานั้นอันตรายอย่างมาก หวงฝูอวี้เห็นเช่นนี้ก็โกรธจนใบหน้าหม่นคล้ำ หากความแข็งแกร่งของแม่นางมู่ถูกทำลายลง นั่นเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เขาสงสารนางจริง ๆ
แต่นั่นก็เป็นเพราะนางไม่มีกำลังที่จะสู้ได้ จึงต้องยอมทำเช่นนี้
— ตูม! —
ทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือดจนมู่เฉียนซีถอยหลังไปหลายสิบก้าว ทว่าเนื่องจากตอนนี้นางมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง นางจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกมาจากฝัก มือขวากวัดแกว่งกระบี่อย่างดุเดือด
“มังกรเพลิงพิฆาต!” เปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งออกมาจากปลายกระบี่
สีหน้าของเจ้าสำนักอวิ๋นในเวลานี้ยังคงสงบนิ่งอยู่ เขากวัดแกว่งกระบี่เงินในมือเพื่อสกัดกั้นการโจมตีนั้น “มังกรคู่ผงาด!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
เจ้าสำนักอวิ๋นสมกับที่เป็นเจ้าสำนักระดับหนึ่งโดยแท้ เขาสามารถสกัดกั้นการโจมตีนี้ได้อย่างง่ายดาย
ร่างสีม่วงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับภูตผีปีศาจ จากนั้นพลังอันท่วมท้นก็รวมกันที่ฝ่ามือของนาง นางตะโกน “ทักษะตี้ซวน!”
นี่คือไพ่เด็ดใบสุดท้ายของนาง หากกระบวนท่านี้ไม่สามารถทำให้เจ้าสำนักอวิ๋นได้รับบาดเจ็บได้ เช่นนั้นการต่อสู้ในหลังจากนี้ก็คงจะยากลำบากมากขึ้นแล้ว
— ตูม! ตูม! ตูม! —
พื้นดินใต้เท้าของเจ้าสำนักอวิ๋นจมบุ๋มลงไปเล็กน้อย และในตอนนี้มุมปากของเจ้าสำนักก็มีเลือดสีแดงสดไหลออกมาแล้ว
กระบวนท่านี้ทั้งรุนแรงและโหดร้ายยิ่งนัก ทำให้เจ้าสำนักอวิ๋นผู้ที่มีพลังอันแข็งแกร่งได้รับบาดเจ็บได้ ส่วนคนอื่น ๆ เมื่อเห็นเช่นนี้ต่างก็ตกใจไม่ต่างกัน
“เกิดอะไรขึ้น ? เจ้าสำนักได้รับบาดเจ็บ ไม่น่าเชื่อ”
“นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวผู้นั้นจะทำให้เจ้าสำนักได้รับบาดเจ็บได้”
มันยากเกินกว่าที่จะจินตนาการ เด็กสาวอายุเพียงแค่สิบหกปีสามารถทำร้ายเจ้าสำนักของพวกเขาบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้ พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดนี้จะเป็นความจริง
ในเมื่อเจ้าสำนักอวิ๋นได้รับบาดเจ็บแล้ว ความพยายามที่โจมตีอย่างต่อเนื่องของมู่เฉียนซีย่อมไม่ยอมลดละอย่างแน่นอน เข็มพิษนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่เจ้าสำนักอวิ๋น จากนั้นพิษก็เข้าสู้ร่างกายของเขาอย่างดุเดือด
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
“บัดซบ! มันมีพิษ” เจ้าสำนักอวิ๋นที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสในตอนนี้ยังไม่ทันได้ตั้งตัวแต่อย่างใด กลับถูกโจมตีด้วยพิษมากมายอย่างต่อเนื่อง
อวิ๋นฮุ่ยตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “มู่เฉียนซี เจ้ามันไร้ยางอายอย่างที่สุด กินยาวิญญาณเพิ่มความแข็งแกร่งแล้วยังไม่พอ ยังกล้ามาใช้พิษโจมตีท่านพ่อของข้าอีก แท้จริงแล้วเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านพ่อข้าเสียด้วยซ้ำ เจ้า…”
มู่เฉียนซี “ข้าจะรับมือกับพ่อของเจ้าอย่างไรนั่นก็เรื่องของข้า หากเจ้าคิดว่าห้ามข้าได้ เช่นนั้นเจ้าก็เข้ามาสิ”
.