ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 392 จักรพรรดิเซี่ยกับจิ่วเยี่ย
“ก็ได้ ๆ ข้ายอมรับเจ้าก็ได้” มู่เฉียนซีได้แต่ส่ายหน้าทว่านางก็รับคำ ถึงแม้ว่าเจ้าหม้อจะปากเสียไปสักหน่อย อย่างไรมันก็เป็นสมบัติอันล้ำค่า
แสงสีขาวสว่างล้อมรอบทั้งสองเอาไว้
“ทำพันธสัญญาสำเร็จแล้ว”
คนอื่น ๆ ที่มองดูอยู่ต่างก็ตกใจหน้าดำคร่ำเครียดไปตาม ๆ กัน ผู้อาวุโสที่สามกล่าวขึ้น “สตรีอายุน้อยผู้นั้นทำพันธสัญญากับหม้อเทพนิรันดร์สำเร็จแล้ว”
ผู้อาวุโสรอง “ไม่เป็นไร ต่อให้นางทำพันธสัญญาสำเร็จ แต่หากนางตายไป หม้อเทพนิรันดร์ก็สามารถทำพันธสัญญาใหม่ได้”
“อืม จริงดังที่เจ้าว่า”
อวิ๋นฮุ่ยกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “แม่นางผู้นั้น… ทำพันธสัญญากับหม้อเทพนิรันดร์สำเร็จแล้ว ข้าเกลียดชังนางยิ่งนัก”
สายตาของคนเหล่านี้ที่จ้องมองมู่เฉียนซี ราวกับจะกลืนกินนางก็มิปาน
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เจ้าหม้อน้อย เจ้า…”
หม้อเทพนิรันดร์ไม่พอใจเล็กน้อย “ข้ามิได้ชื่อเจ้าหม้อน้อย ข้ามีชื่อของข้า แม่นางผู้เป็นที่รักของข้า… ต่อไปนี้เจ้าจงเรียกข้าว่า…นายท่านนิรันดร์”
“นิรันดร์น้อย”
“นิรันดร์น้อยรึ ? เหตุใดเจ้าจึงเรียกข้าเช่นนี้ เรียกข้าดี ๆ หน่อย ข้าเป็นถึงสมบัติล้ำค่าเชียวนะ” หม้อเทพนิรันดร์รู้สึกว่าการโต้เถียงกับสตรีผู้นี้เป็นเรื่องที่เขามิอาจสู้ได้
“แม่นางมู่!”
“หม้อเทพนิรันดร์!”
มีเสียงเรียกดังขึ้นมา มู่เฉียนซีหันไปมองคนเหล่านั้นที่ยืนอยู่ด้านนอกก่อนจะกล่าวกับหม้อเทพนิรันดร์ว่า “คนที่ยืนอยู่ด้านนอกเหล่านั้นต้องการต่อสู้กับข้า เวลานี้ข้าผู้เป็นนายของเจ้า เป็นเพียงแค่ราชาแห่งภูตระดับหนึ่งเท่านั้น เจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไรกับคนเหล่านั้น ?”
“ข้าไม่ใช่อาวุธวิญญาณในการต่อสู้ เจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าพวกนั้นได้รึ ?!”
มู่เฉียนซีตกใจเล็กน้อย “ตอนที่ข้าทำพันธสัญญากับหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ มันช่วยข้ารับมือกับศัตรูได้ ”
“ข้าก็คือข้า เสี่ยวปาก็คือเสี่ยวปา เราไม่เหมือนกัน”
มู่เฉียนซี “เจ้าอย่าลืมว่าเราได้ทำพันธสัญญากันแล้ว หากข้าตาย เจ้าก็ไม่รอด”
“เฮ้อ… ไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่ขอตายวันเดียวกันก็ยังดี ได้ตายไปพร้อมกันกับแม่นางผู้เป็นที่รัก ตายไปข้าก็ไม่คิดเสียดายชีวิต”
หม้อเทพนิรันดร์เริ่มไม่จริงจังอีกแล้ว
“อ้อ ข้าลืมบอกเจ้าไป เจ้าทำพันธสัญญากับข้าแล้ว ศาลาหยกแห่งนี้ก็จะพังทลายลง เห็นทีเจ้าคงต้องอธิษฐานขอพรเพิ่มแล้ว”
เมื่อพวกเขาพบว่าพลังที่สกัดกั้นอยู่หายไป พวกเขาก็พากันพรวดเข้ามาที่มู่เฉียนซีและเข้ามาห้อมล้อมนางเอาไว้
ผู้อาวุโสรองแห่งหุบเขาหมอเทวดายิ้มกริ่ม เขากล่าว “แม่สาวน้อย ข้าทั้งสองเป็นผู้อาวุโสแห่งหุบเขาหมอเทวดา สำนักพวกข้าเป็นสำนักนิกายระดับสอง เจ้าอายุน้อยเพียงนี้แต่กลับมีพลังวิญญาณในระดับที่แข็งแกร่งน่าทึ่ง มาเข้าร่วมกับหุบเขาหมอเทวดากับพวกข้าเถอะ มาเป็นศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาและกลับไปยังหุบเขาหมอเทวดากับพวกข้า”
“หุบเขาหมอเทวดาของพวกข้านั้น เซี่ยโจวไม่อาจเทียบได้แม้แต่น้อย”
หากตามไปที่หุบเขาเทวดากับตาเฒ่าอาวุโสจริง ๆ เกรงว่าจะเป็นเนื้อไปเข้าปากเสือ มู่เฉียนซีนั้นหาใช่สตรีโง่งม นางไม่มีทางหลงกลแน่นอน
เจ้าสำนักอวิ๋น “ผู้อาวุโสรอง สาวน้อยผู้นี้เป็นคนของเซี่ยโจว หากเจ้าชิงตัวนางไปดื้อ ๆ เช่นนี้ ข้าเกรงว่ามันจะดูไม่ดี กลับไปสำนักอวิ๋นเยียนกับข้าจะดีกว่า ข้ารับรองความปลอดภัยของเจ้า อีกทั้งรับรองว่าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”
มู่เฉียนซี “เอ่อ… ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าควรไปกับผู้ใด สำนักนิกายระดับสองแข็งแกร่งมากก็จริง แต่นั่นห่างไกลบ้านเมืองที่ข้าจากมาเกินไป ส่วนสำนักนิกายระดับหนึ่งอาจจะดูอ่อนแอกว่าไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยก็นับว่าอยู่ในแผ่นดินเซี่ยโจว”
“หุบเขาหมอเทวดาของพวกข้าย่อม…” ผู้อาวุโสยังกล่าวไม่ทันจบคำ เจ้าสำนักอวิ๋นก็กล่าวแทรกขึ้นมา
“ขอเพียงเจ้ากลับไปสำนักอวิ๋นเยียนกับข้า ข้าให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักและดูแลเจ้าเปรียบเสมือนบุตรสาวแท้ ๆ ของข้าคนหนึ่ง”
คำกล่าวนี้ทำให้อวิ๋นฮุ่ยโกรธจนแทบคลั่ง นางสารเลวผู้นั้นมีสิทธิ์อันใด ? นางมีสิทธิ์อะไรกัน ?
มู่เฉียนซี “ขอเพียงพวกเจ้าพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดที่สามารถปกป้องและดูแลความปลอดภัยของข้าได้ พวกเจ้าทั้งสองฝ่ายคงต้องประลองฝีมือกันแล้วว่าใครเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด”
มู่เฉียนซีกำลังยั่วยุพวกเขา แต่พวกเขาไม่ใช่พวกสมองกลวงที่จะเชื่อคำกล่าวเพียงสองสามคำของสตรีอายุน้อยผู้นี้
ผู้อาวุโสรองแห่งหุบเขาหมอเทวดากล่าว “สาวน้อย ในเมื่อเจ้าไม่ชอบไม้อ่อน แต่ชอบไม้แข็ง อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
คนของหุบเขาหมอเทวดาเป็นคนเริ่มลงมือก่อน สำนักอวิ๋นเยียนกำลังจะเข้าไปจับตัวมู่เฉียนซี ถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะเกิดความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กัน แต่สุดท้ายคู่ต่อสู้ของพวกเขาคือมู่เฉียนซี
เวลานี้มู่เฉียนซีกำลังเผชิญหน้าอยู่กับศัตรูที่ล้อมรอบด้าน ในขณะที่นางกำลังจะกินยาวิญญาณเพิ่มพลังความแข็งแกร่งเม็ดสุดท้ายเพื่อหลบหนีออกไป ทันใดนั้นบรรยากาศรอบ ๆ พลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกลง
เกล็ดเหมันตกาลร่วงโรยลงมาจากท้องนภา ผู้ที่มีพลังวิญญาณค่อนข้างอ่อนแอต่างก็หนาวเย็น ร่างแข็งทื่อเป็นตุ๊กตาหิมะไปเพราะความเย็นยะเยือกนั้น หวงฝูอวี้ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่ง เดิมทีเขาคิดจะออกตัวลงมือช่วยมู่เฉียนซี แต่เขาไม่คิดเลยว่าเวลานี้จะมีคนผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นมา
หวงฝูอวี้ “เป็นเขา ไม่นึกเลยว่าเขาจะปรากฏตัวออกมา”
“นี่… นี่คือจักรพรรดิเซี่ยในตำนานใช่หรือไม่ ?!”
จักรพรรดิเซี่ยเป็นยอดฝีมือจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าผู้ลึกลับในแผ่นดินเซี่ยโจว เป็นราชวงศ์ที่แข็งแกร่งอย่างมาก อีกทั้งเขายังเป็นคนที่น่ากลัวมากเช่นกัน
“รีบไป!”
เสียงของเขาเย็นชา เขากล่าวออกมาสองคำโดยที่ไม่แม้แต่จะมองใบหน้าของมู่เฉียนซี นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาลงมือ
ผู้อาวุโสที่สามแห่งหุบเขาหมอเทวดากล่าวขึ้น “ฮึ่ม! เพียงแค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า กล้าดีอย่างไรมาทำตัวหยิ่งผยองโอหังถึงเพียงนี้ เจ้าอย่าคิดว่าตนมีพลังธาตุน้ำแข็งแล้วจะคิดว่าเป็นผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า จักรพรรดิแห่งภูตก็คือจักรพรรดิแห่งภูต!”
— ตูม! —
คนของหุบเขาหมอเทวดาเริ่มลงมือโจมตีแล้ว อย่างไรเสียชายผู้นี้ก็เป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่งเท่านั้น
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ ออกมา!” มู่เฉียนซีเรียกสัตว์พันธสัญญาของนางออกมา โดยเฉพาะสัตว์พันธสัญญาอย่างเสี่ยวหง มันทำให้ไป๋เหรินถึงกับตกใจสะดุ้งโหยง
ไป๋เหรินผงะไปครู่หนึ่ง ปากก็กล่าว “สัตว์พันธสัญญาตัวนี้เป็นสัตว์พันธสัญญาของมู่ซีมิใช่รึ ?”
เขาจ้องมองมู่เฉียนซี “หรือว่าเจ้าคือมู่ซี จะ… เจ้า… เจ้าปั่นหัวข้าเช่นนั้นรึ ?!”
“แผนที่นั่นก็เป็นเจ้าที่ขโมยไป เจ้าจึงหาที่อยู่ของหม้อเทพนิรันดร์เจอ แล้วยังทำพันธสัญญากับหม้อเทพนิรันดร์ได้อีก”
ตัวตนที่แท้จริงของมู่เฉียนซีถูกเปิดเผยแล้ว เมื่อคนของหุบเขาหมอเทวดารู้เข้า พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนแทบคลุ้มคลั่ง พวกเขาเป็นถึงผู้อาวุโสและศิษย์สายตรงของสำนักนิกายระดับสอง แต่กลับโดนสตรีอายุน้อยผู้นี้ปั่นหัวได้ นางไม่เพียงแต่ขโมยแผนที่ไป มิหนำซ้ำยังได้หม้อเทพนิรันดร์ไปครอบครอง
“ไม่อาจอภัยให้ได้!” ผู้อาวุโสที่สามกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ กอปรกับกองกำลังของสำนักอวิ๋นเยียน
หวงฝูอวี้และคนของเขาตะโกนขึ้น “แม่นางมู่รีบหนีเร็วเข้า!”
ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากบดบังใบหน้าผู้นั้นก็กล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า “รีบหนี!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
อู๋ตี๋เสี่ยวหง สองสัตว์พันธสัญญาไม่สามารถรับมือกับศัตรูที่มากมายเช่นนี้ได้ ใครใช้ให้คนของหุบเขาหมอเทวดาสองคนนั้นมีพลังวิญญาณเป็นถึงมหาจักรพรรดิกันเล่า
พลังวิญญาณมหาจักรพรรดินั้นไม่ง่ายเลยที่จะรับมือ
— ปัง! —
ยาพิษและเข็มพิษถูกนำออกไปใช้จนหมด นั่นเพราะว่าไม่มีวิธีอื่นแล้ว
ยาวิญญาณเพิ่มพลังความแข็งแกร่งชั่วคราวสามารถช่วยให้นางมีโอกาสหนีไปได้ ทว่าคนผู้นั้นกำลังถูกกลุ่มจักรพรรดิแห่งภูตกับมหาจักรพรรดิแห่งภูตอีกสองคนรุมล้อม เกรงว่าจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเป็นแน่แท้
ทันใดนั้น กลิ่นอายเย็นยะเยือกกว่าของชายผู้สวมหน้ากากลอยเข้ามา ภายใต้การควบคุมของพลังอันแข็งแกร่งนั้น ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบกลายเป็นโครงกระดูกขาวไปในทันที
สมรภูมิรบที่ดุเดือดเมื่อครู่ เวลานี้เสมือนกลายเป็นนรก
หวงฝูอวี้และพวกเห็นเช่นนี้ต่างก็ตกอกตกใจจนร่างสั่นสะท้าน
‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่!’ พวกเขาครุ่นคิด ‘นี่มันพลังอะไรกัน ?’
ไม่นานนักพวกเขาก็ได้เห็นบุรุษผู้หนึ่งที่ดูเหมือนภูตผีปีศาจปรากฏกายอยู่ข้าง ๆ มู่เฉียนซี ในใต้หล้านี้เกรงว่าเขาจะเป็นชายหนุ่มที่งดงาม หมดจดและสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว
อีกทั้งกลิ่นอายความเย็นชาของเขานั้น ดู ๆ แล้วก็นับเป็นที่สุด และเขาก็งดงามเป็นที่สุดเช่นกัน
— ตูม! —
ชายชุดขาวที่ต่อสู้อยู่ตรงหน้าหันไปมองชายชุดดำผู้นั้น พลันตกใจกลัวจนหัวหด
เขาเกือบถูกฆ่าสังหารเสียแล้วสิ!
.