ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 552 พบเจอสหายเก่า
นอกจากนี้ยังมีเสียงตื่นตระหนกดังขึ้น “โม่จิ่น โม่จิ่นนี่เจ้าออกมาจากเกาะวิญญาณมรณะแล้ว”
โม่จิ่นพบกับคนรู้จักในเกาะใต้แล้ว ถึงแม้ว่าจะพาเขาหนีออกมาจากเกาะวิญญาณมรณะ แต่เขาก็ไม่ได้บอกถึงสถานะตัวตนของตัวเอง และนางก็ไม่เคยถามเขาแต่อย่างใด ขอเพียงแค่เขาสามารถทำงานได้ดี มีประโยชน์และขูดรีดได้ก็เพียงพอแล้ว
มู่เฉียนซีเหลือบมองบุรุษและสตรีตรงหน้า บุรุษผู้นี้ดูเหมือนจะอายุยี่สิบปีต้น ๆ รูปร่างสูงยาวของเขาถูกห่อหุ้มด้วยชุดคลุมยาวสีม่วงเข้ม ทำให้เขาดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่มาก
อวัยวะบนใบหน้าทั้งห้า โฉมหน้าไม่เหมือนกับโม่จิ่นผู้ที่อยู่ข้างนางเลย แต่เมื่อเทียบกันแล้วโม่จิ่นนั้นดูรูปหล่อและแข็งแกร่งกว่า ส่วนเขาดูงดงามและดูบอบบางไปสักหน่อย
ข้าง ๆ เขาเป็นสตรีสวมอาภรณ์สีแดง ดูน่ารักและมีเสน่ห์นางหนึ่ง ผัดหน้าจัดอย่างประณีต เป็นที่น่าดึงดูดของผู้คนเป็นพิเศษ
มู่เฉียนซีแอบคิดในใจว่า ‘เสียโจวแห่งนี้เต็มไปด้วยความงดงามจริง ๆ’
โม่จิ่นมองไปที่บุรุษชุดม่วง มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างสดใสพลางกล่าวว่า “อาคง ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงข้าบ้างหรือไม่ !”
โม่ซางคงกล่าว “อาจิ่น เจ้ารีบหนีไปเร็วเข้า อย่าให้พวกนั้นเห็นเจ้าได้เด็ดขาด”
“ส่วนเจ้า……” เขาเหลือบมองสตรีข้างกายด้วยความเย็นชา
“ทางที่ดีเจ้าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยจะดีกว่า” ในน้ำเสียงนั้นมีความคุกคามแฝงอยู่
ชิงฮุ้ยกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “นี่ตำหนักโม่อวี่ของพวกเจ้าวางอุบายอันใด ? ผู้ที่ถูกคุมขังอยู่บนเกาะวิญญาณมรณะออกมาได้ยังไงกัน เรื่องนี้ หอชิงลั่วของพวกข้าไม่ยอมเลิกราเป็นแน่”
“ไม่มีใครเชื่อคำเจ้าหรอก!” โม่ซางคงกล่าว
โม่ซางคงมองไปที่โม่จิ่น ในครานั้น เขาเห็นกับตาว่าอาจิ่นถูกส่งตัวไปยังเกาะวิญญาณมรณะ บัดนี้ ได้เห็นเขายืนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า มันเป็นเหมือนดั่งความฝันก็มิปาน
มู่เฉียนซีกล่าว “โม่จิ่น เจอคนรู้จักแล้วก็แนะนำกันสักหน่อยสิ!”
โม่จิ่นกล่าว “เวลาแค่ประเดี๋ยวเดียวคุยไม่ชัดแจ้งหรอก อีกอย่างยืนคุยกันตรงนี้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ข้าว่าเราไปหาโรงน้ำชาสักที่แล้วนั่งคุยกันดีกว่า”
มู่เฉียนซี “ทางด้านนู้นยังมีร้านค้าอีกหลายร้านยังดูไม่หมดเลย ไปด้วยกันก่อนแล้วค่อยไปนั่งคุยกันเถอะ!”
เกาะใต้ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ มีพื้นที่ไม่ถึงหนึ่งในพันส่วนของเสียโจว แต่กลับอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสินค้ามากมาย การค้าขายพัฒนาเป็นอย่างมาก สมุนไพรวิญญาณก็มีมากนับคณา ช่างเป็นสวรรค์แห่งการจับจ่ายยิ่งนัก
โม่จิ่นกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “อาคง ไม่ได้เจอกันนานแล้ว รออีกประเดี๋ยวเราค่อย ๆ นั่งคุยกันเถอะ ตอนนี้ไปเป็นเพื่อนเลือกซื้อของกับแม่นางผู้นี้ก่อน”
ความอยากรู้ของมู่เฉียนซีนั้นไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก หรืออาจจะพูดได้ว่า นอกจากสมุนไพรวิญญาณแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต่างอะไรกับฝุ่นผง
สีหน้าของโม่ซางคงพลันเปลี่ยนไป เขากล่าว “อาจิ่น เจ้าหนีไปตอนนี้ยังทันนะ หากผู้อาวุโสกับคนของหอชิงลั่วรู้เข้า มันจะเกิดเรื่องร้ายแรงเอาได้”
โม่จิ่นกล่าว “ไม่มีความจำเป็นนั้นแล้ว!”
โม่ซางคงสะดุ้งเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว จากนั้นก็เดินตามโม่จิ่นกับมู่เฉียนซีไป
“นี่พวกเจ้า……”
“ข้าจะตามพวกเจ้าไปด้วย เพื่อไม่ให้พวกเจ้าหนีไปได้!” ชิงฮุ้ยก็ได้ตามไปด้วย
และต่อมา การจับจ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายของมู่เฉียนซี กลับทำให้โม่ซางคงและชิงฮุ้ยตกใจจนอ้าปากค้าง
“เอาอันนี้ อันนี้ ข้าเหมาหมด โม่จิ่น จ่ายเงิน!”
“ของพวกนี้ข้าเอาห้าร้อยต้น แล้วก็อันนี้ด้วย!”
“……”
พวกเขาเป็นถึงคุณหนูและนายน้อยแห่งกองกำลังระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่เคยเห็นใครใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายดั่งวารีรินไหลเช่นนี้มาก่อน ใช้จ่ายสุรุ่ยร่ายแล้วยังไม่พอ สิ่งที่ซื้อไปก็ล้วนแต่เป็นสมุนไพรวิญญาณล้ำค่าทั้งสิ้น
โม่จิ่นก็จนปัญญามาก หากแม่นางผู้นี้จับจ่ายใช้เงินเช่นนี้ต่อไป ต่อให้พวกเขาค้นและรีดไถเรือวิญญาณมรณะอีกสักสิบลำก็ไม่เพียงพอให้นางผลาญ
ชิงฮุ้ยก็ตกตะลึงเช่นกัน โม่จิ่นไม่ได้ถูกขังอยู่ในเกาะวิญญาณมรณะ และเขาไปที่แห่งไหนกัน ? เหตุใดถึงได้มั่งคั่งเช่นนี้ได้ ?
นางชี้ไปที่ขวดยาระดับเจ็ดขวดหนึ่งตรงหน้า ก่อนจะกล่าวว่า “พี่จิ่น อีกไม่นานข้าก็จะฝึกตนเป็นราชาแห่งภูตระดับเก้าแล้ว ซื้อยาวิญญาณนั่นให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ ?”
โม่จิ่นเหลือบมองนาง และกล่าวว่า “คุณหนูรองชิง เราสนิทกันมากนักรึไง ?”
สีหน้าของชิงฮุ้ยพลันเปลี่ยนเป็นสีดำยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก ยาวิญญาณเพียงขวดเดียว แม้แต่เศษเงินของสตรีผู้นั้นก็ไม่ถึง
นางคิดว่าโม่จิ่นออกมือได้อย่างใจกว้างเช่นนั้น ต้องตอบตกลงเป็นแน่ นึกไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่าเขาจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
นางกลับไม่รู้ว่าแหวนมิตินั่นไม่ใช่ของเขา แต่เป็นของมู่เฉียนซีต่างหากเล่า แน่นอนว่ามู่เฉียนซีคิดอยากจะใช้จ่ายเช่นไรก็ย่อมได้ โม่จิ่นมิอาจก้าวก่ายได้ เพียงแค่วิ่งเต้นจ่ายเงินให้ก็เท่านั้น สาเหตุก็เพราะว่าแม่นางผู้นี้ไม่ชอบเลขมาก จึงขี้เกียจจ่ายเงิน
โม่ซางคงมองดูหญิงสางชุดม่วงตรงหน้าผู้นี้อย่างพินิจพิเคราะห์ รูปร่างหน้าตาสวยเพริศพริ้งที่สุดอย่างที่เขามิเคยเห็นมาก่อน ไม่สนใจไยดีกับทุกอย่างโดยรอบ มีเพียงแค่สมุนไพรวิญญาณที่ถูกใจเท่านั้น ถึงจะทำให้นางยิ้มอย่างสุขใจขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการผลาญสมบัติของตระกูลเช่นนี้ ก็หาได้ยากนัก
ในที่สุด มู่เฉียนซีก็ได้กวาดทุกอย่างไปพอสมควรแล้ว มีวัตถุดิบเพียงพอ หอหมอปีศาจถึงจะสามารถตั้งหลักอยู่ในเสียโจวได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น
ยิ่งมีสมุนไพรวิญญาณมากมายหลายชนิด นางก็จะยิ่งศึกษาหยูกยาชนิดใหม่ ๆ ได้มากขึ้น ด้วยสภาพร่างกายที่อันตรายของจิ่วเยี่ยนั้น ทำให้นางกังวลมากยิ่งนัก
โม่จิ่นกล่าว “ข้ารู้ว่าในเกาะใต้แห่งนี้มีโรงน้ำชาไหนที่สงบ ตามข้ามา!”
เด็ก ๆ ในโรงน้ำชาต้อนรับพวกเขาอย่างกระตือรือร้น และในขณะที่ชิงฮุ้ยกำลังจะตามพวกเขาเข้าไปในห้องส่วนตัว โม่ซางคงก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณหนูรองชิงควรกลับไปได้แล้ว”
“นายน้อยโม่ นี่เจ้าไล่ข้า!” ชิงฮุ้ยกล่าว
โม่จิ่นกล่าวเย้ยหยันว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ตัวแล้ว ก็รีบไสหัวไปซะสิ!”
“เจ้า……นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าทำกับข้าเช่นนี้!”
“หรือเจ้าจะให้ข้าโยนเจ้าออกไป”
ชิงฮุ้ยกลัวเขาจะลงมือทำเช่นนั้นจริง ๆ นางเดินออกไปด้วยอารมณ์โกรธและหงุดหงิด แสงสลัวแวบผ่านดวงตานาง
โมจิ่น ฝากไว้ก่อนเถอะ! ครั้งนี้จะส่งเจ้าไปที่เกาะวิญญาณมรณะให้จงได้
โม่ซางคงจนปัญญาเล็กน้อย “เจ้ายังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ” ทำตามอำเภอใจ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
โม่จิ่นกล่าว “ไม่หรอก! ข้าอยู่ที่เกาะวิญญาณมรณะ นิสัยเหล่านั้นข้ากำจัดไปมากแล้ว”
มู่เฉียนซี “นั่นมันตอนที่อยู่ในเกาะวิญญาณมรณะ หลังจากออกมาก็กลายเป็นคนเดิม”
“เจ้ารู้ได้ยังไง ?” โม่จิ่นกล่าวถาม
“ก็มื่อครู่นี่ไง!” มู่เฉียนซีกล่าว
โม่ซางคงกล่าวเสียงต่ำว่า “ข้าน้อยนามว่าโม่ซางคง ไม่ทราบว่าข้าน้อยควรเรียกแม่นางว่าอย่างไร”
“ข้าชื่อมู่เฉียนซี!” มู่เฉียนซีตอบกลับเบา ๆ
นางเหลือบมองโม่จิ่น ก่อนจะกล่าวว่า “เล่าเรื่องของเจ้ามาเถอะ ตอนนี้เจ้าเป็นคนของข้าแล้ว ข้าไม่อยากให้หมาแมวที่ไหนมาวิ่งไปมาเพื่อมารบกวนการทำงานของเจ้าได้”
โม่จิ่นกล่าว “ข้าเป็นผู้อาวุโสสามของตำหนักโม่อวี่ กองกำลังระดับหนึ่งแห่งเสียโจว เขาผู้นี้ก็คือนายน้อยแห่งตำหนักโม่อวี่ เป็นเพราะว่าข้ากระทำความหยาบคายต่อคุณหนูใหญ่แห่งหอชิงลั่ว ก็เลยถูกผู้อาวุโสของตำหนักโม่อวี่ และเจ้าแห่งหอชิงลั่วจับตัว”
“พวกเขาคิดว่าการฆ่าข้า มันจะเป็นการเมตตาเกินไป ก็เลยส่งตัวข้าไปยังเกาะวิญญาณมรณะ”
“เจ้าว่าข้าน่าสงสารเกินไปหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีพยักหน้า และกล่าวว่า “ผู้อาวุโสของกองกำลังระดับหนึ่งผู้สง่าผ่าเผย มาเจอเรื่องระยำเช่นนี้ น่าสงสารยิ่งนัก”
ตำหนักโม่อวี่ ก็เทียบเท่ากับสำนักอวิ๋นเยียน เพียงแต่ว่ากองกำลังระดับหนึ่งของเสียโจว คงมีมากกว่าหนึ่งแห่งเป็นแน่
โม่ซางคงกล่าว “อาจิ่นต้องโทษโดยที่มิได้กระทำความผิด”
“ต้องโทษโดยมิได้กระทำความผิด พยานบุคคลมีพร้อม นายน้อยยังบอกว่าต้องโทษโดยมิได้กระทำความผิด ข้าก็แปลกใจยิ่งนัก นายน้อยใช้วิธีการใดตบตา ทำให้พวกเศษเดนเหล่านี้ไม่ถูกส่งตัวไปยังเกาะวิญญาณมรณะ” ทันทีที่คำพูดของโม่ซางคงเปล่งออกมา เสียงชราเสียงหนึ่งก็ดังครอบงำขึ้น