ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 64 โกรธจนกระอักเลือดสามระลอก
“ฮ่องเต้เป็นคนขี้งก สวนสมุนไพรวิญญาณแห่งนี้ถูกซ่อนอยู่ในค่ายกล คาดว่าสมุนไพรวิญญาณอันล้ำค่าทั้งหมดต้องถูกซ่อนไว้ในค่ายกลเป็นแน่” อาถิงบ่นพึมพำ เบะปากเหยียดหยาม
“ค่ายกลรึ ?” มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้น “เจ้าสามารถทำลายเพื่อเปิดค่ายกลนั้นได้หรือไม่ล่ะ ?”
“มันก็ได้ แต่ข้าขออะไรเจ้าสักหนึ่งอย่าง เจ้าจะให้ข้าไหม ?” อาถิงย้อนถาม
คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าบ้านี่จะกล้าต่อรองกับนาง มู่เฉียนซีแสดงท่าทีไม่แยแสก่อนจะกล่าวออกมา “ขออะไรก็รีบ ๆ ว่ามา เสียเวลาข้าจริง ๆ!”
“เจ้าต้องรับปากข้าว่าถ้าหากเจ้ายังบุกเบิกพลังถึงระดับที่สองไม่ได้ เจ้าห้ามบุกรุกพื้นที่ของข้า ห้ามบังคับให้ข้าเอาทะเลสาบภูตวารีเป็นที่เก็บสมุนไพรวิญญาณของเจ้าอีก”
“เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อครู่นี้ข้ารับปากเจ้าไปแล้วไม่ใช่รึ ?”
“ก็ข้าไม่เชื่อเจ้า! เจ้ามันเจ้าเล่ห์เพทุบายแค่ไหนทำไมข้าจะไม่รู้”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย “ก็ได้ ข้ารับปากเจ้า! ถึงอย่างไรพื้นที่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
“อย่างนี้ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย ”
— ตูม! —
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น พลันมู่เฉียนซีรับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณของอาถิงที่พรั่งพรูออกมา
ทันใดนั้น หมอกควันอันหนาทึบปรากฏขึ้นครู่หนึ่ง ก่อนจะสลายหายไปเผยให้เห็นสวนสมุนไพรวิญญาณอีกแห่งปรากฏขึ้นตรงหน้า
สวนสมุนไพรวิญญาณที่ถูกซ่อนอยู่ในค่ายกลนี้มีขนาดเล็กกว่าสวนเมื่อครู่นี้ แต่ไม่รู้ว่ามูลค่าของมันจะสูงกว่ากี่เท่า
“คาดไม่ถึงเลยว่าสมุนไพรวิญญาณระดับหนึ่ง สมุนไพรวิญญาณระดับสอง และสมุนไพรวิญญาณระดับสามมีเพียงอย่างละชนิดเท่านั้น”
“หึ! ไง พอใจเจ้าหรือยังล่ะ ? ที่ที่ยากจนลับตาคนเช่นนี้ เจ้ายังจะต้องการอะไรอีก ” อาถิงกล่าวอย่างเกียจคร้าน
มู่เฉียนซีกระจายพลังเพื่อเก็บสมุนไพรวิญญาณทั้งหมด พริบตาเดียวสวนสมุนไพรหลวงของราชวงศ์แคว้นจื่อเยี่ยก็เหลือเพียงความว่างเปล่า
มู่เฉียนซีเดินออกมาจากสวนสมุนไพรอย่างเบิกบานใจ นางกล่าวกับเยวี่ยเจ๋อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เยวี่ยเจ๋อ กลับกันเถอะ”
“ขอรับพี่ใหญ่”
ทันทีที่มู่เฉียนซีเดินออกไป ขันทีเกาเหลือบมองไปในสวน ปากก็ลอบพึมพำ “นางเข้าไปแค่ประเดี๋ยวเดียวเอง หึ ๆ สงสัยจะเก็บสมุนไพรวิญญาณไปได้ไม่เยอะ”
ออกมาจากวังแล้ว มู่เฉียนซีแยกทางกับเยวี่ยเจ๋อ
“เยวี่ยเจ๋อ เจ้ากลับจวนไปก่อนเถอะ”
เยวี่ยเจ๋อได้ยินนางกล่าวก็ผงะไปครู่หนึ่ง ถามอย่างห่วงใย “พี่ใหญ่กลับไปคนเดียวได้หรือ ? ”
การที่นางเปิดเผยรายการสินสอดทองหมั้นต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนั้น ย่อมเป็นที่จับตามอง อาจจะมีคนปองร้ายนางได้โดยง่าย
“เจ้าเชื่อใจผู้นำตระกูลอย่างข้าหน่อยสิ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่มู่เฉียนซีแยกทางกับเยวี่ยเจ๋อและอยู่ไกลออกมาจากวังหลวง นางก็สัมผัสไอสังหารรอบ ๆ ตัวได้ทันที
ก็อย่างที่ว่า ความร่ำรวยมั่งคั่งของผู้นำตระกูลมู่อย่างนาง เป็นที่สะดุดตาสะดุดใจของผู้ที่โลภมาก แต่คิดจะลงมือสังหารผู้นำตระกูลมู่เช่นนี้ คิดดีแล้วหรือ ? มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นกระมัง
— ปัง! ปัง! ปัง! —
ยังไม่ทันได้ลงมือกับมู่เฉียนซี ใครบางคนก็โดนองครักษ์เงากลุ่มหนึ่งลงมือปลิดชีพเสียแล้ว
องครักษ์เงาเหล่านี้ไม่ใช่องครักษ์เงาของตระกูลมู่ ทว่าเป็นองครักษ์ทหารของราชวงศ์!
สมบัติที่ออกมาจากราชวงศ์ใช่ว่าใครจะมาปล้นไปได้ง่าย ๆ ในเมื่อกษัตริย์ซวนหยวนจือยังไม่ได้ ผู้ใดก็อย่าหวังจะเอามันไปครอบครอง
ในวันนี้เขาจำใจคืนสินสอดทองหมั้นให้กับมู่เฉียนซี อีกทั้งยังไม่ลงมือสังหารนางเพราะอันที่จริง ลึก ๆ ในใจเขาก็ต้องการหลีกเลี่ยงการปะทะกับมู่อวู่ซวง
หากวันนี้มู่เฉียนซีเกิดมีอันเป็นไปในระหว่างทางกลับจวน มีหวังมู่อวู่ซวงคงจะบ้าคลั่งพุ่งตรงมาเอาเรื่องถึงที่วัง อย่างไรวันนี้ มู่เฉียนซีจะต้องกลับไปถึงจวนอย่างปลอดภัยทุกประการ
ด้วยการปกป้องคุ้มครองจากฮ่องเต้ ใครหน้าไหนก็มิอาจมาปล้นชิงสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ของมู่เฉียนซีได้
เป็นเช่นนี้แล้วมู่เฉียนซีจึงกลับถึงจวนอย่างปลอดภัย และเตรียมตัวที่จะพักผ่อน
“ฝ่าบาท ท่านผู้นำตระกูลมู่กลับถึงจวนอย่างปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์เงาเข้ามารายงานอย่างเงียบ ๆ
“ดี! ตราบใดที่ตระกูลมู่ยังอาศัยอยู่ในแคว้นจื่อเยี่ย สมบัติที่นางเอาไปจากข้าสุดท้ายข้าก็เอามันกลับมาได้อยู่ดี” ซวนหยวนจือกล่าวเสียงเย็นชา
“องค์รัชทายาทเข้าเฝ้าฮ่องเต้! ”
ซวนหยวนจือหันไปมองซวนหยวนหลี่ซางที่กำลังเดินเข้ามา ซวนหยวนหลี่ซางเป็นโอรสที่มักจะไม่ค่อยพูดจาอะไรมากความ อีกทั้งยังเป็นโอรสที่ฮ่องเต้รักอย่างมาก
“ซางเอ๋อร์ เจ้าคงอยากจะถามข้าใช่ไหมว่าเหตุใดข้าถึงอนุญาตให้นางไปเก็บสมุนไพรวิญญาณได้ตามใจเช่นนั้น” ซวนหยวนจือกล่าวถามช้า ๆ
ซวนหยวนหลี่ซางปั้นหน้าขรึม กล่าวตอบรับ “พ่ะย่ะค่ะ”
“ในสวนสมุนไพรหลวงมีสมุนไพรที่มีค่ามาก ส่วนสมุนไพรวิญญาณอันมีค่านั้นถูกซ่อนไว้ในค่ายกลทั้งหมด สมุนไพรที่นางเห็นล้วนมีเพียงสมุนไพรธรรมดา ๆ นางจะเอาไปได้สักเท่าไหร่กันเชียว”
ทันใดนั้นเอง เสียงเอะอะโวยวายดังมาแต่ไกล…
“ฝ่าบาท แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะแย่แล้ว!” ขันทีเกาพุ่งพรวดเข้ามาอย่างตระหนกตกตื่น
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าถึงได้รีบร้อนเช่นนี้ ?!” ซวนหยวนจือกล่าวถาม ใบหน้านิ่วคิ้วขมวดมุ่น
“ฝ่าบาท ท่านผู้นำตระกูลมู่ นางนำสมุนไพรวิญญาณออกไปจากสวนสมุนไพรวิญญาณหมดไม่เหลือแม้แต่ต้นเดียวเลยพ่ะย่ะค่ะ รวมไปถึง… เอ่อ… รวมไปถึงสมุนไพรวิญญาณระดับสูง ๆ ที่ซ่อนอยู่ในค่ายกลด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้า… เจ้าว่าอย่างไรนะ ?” ซวนหยวนจือไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วดูราวกับร่างกำลังกะพริบออกไป
ซวนหยวนหลี่ซางประหลาดใจ ‘พลังของเสด็จพ่อมิใช่ธรรมดาหรอกหรือ ? เป็นเพียงแค่จอมยุทธ์ ทว่ากลิ่นอายที่กระจายออกมาเมื่อครู่นี้คือราชายอดยุทธ์ผู้แข็งแกร่งชัด ๆ’
ไม่คิดมาก่อนว่าเสด็จพ่อจะซ่อนระดับพลังไว้อย่างลึกลับเช่นนี้ การที่ทำให้เสด็จพ่อเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แอบซ่อนมานานนับทศวรรษเช่นนี้ได้ ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
ซวนหยวนจือมองไปที่สวนสมุนไพรหลวง พลันตะลึงอึ้งงัน
“อ๊าก! นางมู่เฉียนซีสตรีผู้นั้นทำลายค่ายกลอันแข็งแกร่งได้อย่างไร ? อีกทั้งยังเก็บสมุนไพรวิญญาณไปทั้งหมดเพียงชั่วพริบตาเดียว มันเป็นไปได้อย่างไร ?!”
“สมควรตาย นางสมควรตาย! นางใช้เวทมนตร์ปีศาจอะไรกัน ?! ”
ใบหน้าของซวนหยวนจือดำคล้ำยิ่งกว่าก้นหม้อ สำหรับเขา เทศกาลจื่อหยวนในปีนี้เป็นปีที่อัปยศที่สุดที่เคยมีมา
สมบัติอันล้ำค่าที่มีอยู่ในท้องพระคลังก็ถูกนำออกมาด้วยความจำใจ ซ้ำร้ายราชสำนักยังต้องสูญเสียสมุนไพรวิญญาณไปทั้งสวน
น่าอัปยศอดสูยิ่งนัก!
สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้เป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่าในการเติบโตของราชวงศ์ซวนหยวน แต่บัดนี้… บัดนี้…”
“พรวด!”
ความโกรธในใจของซวนหยวนจือปะทุถึงขีดสุด เขากระอักเลือดคำโต
‘มู่เฉียนซีนังปีศาจ! รนหาที่ตายแล้ว! ครานี้สร้างความเสียหายให้กับราชวงศ์ซวนหยวนใหญ่หลวงนัก ข้ารึอุตส่าห์ใจดีส่งองครักษ์ไปคุ้มครองเจ้าให้กลับจวนอย่างปลอดภัย แต่เจ้ากลับทำกับข้าเยี่ยงนี้ เจ้าสมควรตายยิ่งนัก มู่เฉียนซี เจ้าสมควรตาย! ’
“อ๊าก! มู่เฉียนซี ข้าจะฆ่าล้างตระกูลเจ้าเก้าชั่วโคตร! ” ซวนหยวนจือโกรธจนดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าเครียดคล้ำ
“พรวด!”
ซวนหยวนจือกระอักเลือดออกมาอีกระลอก เขารู้สึกประหนึ่งดวงตามืดบอดมองเห็นเพียงสีดำ พลันสองขาอ่อนแรงลง
“ฝ่าบาท!”
“เสด็จพ่อ!”
ขันทีเกาและซวนหยวนหลี่ซางตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ
“พรวด!”
ไฟโกรธในใจของซวนหยวนจือระเบิดจนกระอักเลือดออกมาอีกเป็นระลอกที่สาม
ในค่ำคืนแห่งเทศกาลจื่อหยวน ซวนหยวนจือเผชิญกับเรื่องราวมิได้ดั่งใจมาทั้งวันจนกระอักเลือดคำโตไปสามระลอก ก่อนจะเป็นลมล้มพับไปในที่สุด
…
ณ จวนตระกูลมู่
มู่อวู่ซวงเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อย มองไปทางพระราชวัง ประกายเย็นเยือกปรากฏขึ้นในดวงตา ความคิดผุดขึ้นในใจ
‘ราชายอดยุทธ์ระดับเก้า ในที่สุดซวนหยวนจือก็เผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมา’
มุมปากของมู่อวู่ซวงกระตุกเล็กน้อย ‘ดูเหมือนว่าวันนี้ซีเอ๋อร์จะกระทำเรื่องที่น่าสนใจในวังไม่น้อย ถึงทำให้ซวนหยวนจือโกรธมากถึงเพียงนี้’
ฮ่องเต้ทรงพระประชวรอย่างหนัก ราชสำนักตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และผู้ที่ตกที่นั่งลำบากก็เป็นตระกูลโอวหยาง…
คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลโอวหยางได้รับบาดเจ็บภายนอกอย่างสาหัส จู่ ๆ นางก็ล้มป่วยอย่างกะทันหันอีกครั้ง
ผิวหนังเริ่มเน่าเปื่อยและแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำ แม้แต่หัวหน้านักปรุงยาอันดับหนึ่งของราชสำนักก็หาสาเหตุไม่ได้
ตระกูลโอวหยางเร่งประกาศหาหมอยาหรือนักปรุงยาที่มีความสามารถเพื่อมารักษาอาการของคุณหนูใหญ่ หากผู้ใดสามารถรักษาให้คุณหนูใหญ่หายจะได้รับรางวัลตอบแทนใหญ่หลวง
มู่เฉียนซีได้รู้ข่าวว่าตระกูลโอวหยางประกาศตามหานักปรุงยามือดีมีฝีมือไปรักษาโอวหยางเหว่ยก็เป็นเวลาสามวันให้หลังมาแล้ว สามวันที่ผ่านมานี้นางนำสมุนไพรวิญญาณมากมายที่ได้จากสวนสมุนไพรหลวงมาปรุงยา
นางได้ปรุงยาชนิดใหม่ขึ้นมากมาย และสรรพคุณของยาแต่ละชนิดก็ประเสริฐอย่างยิ่ง
ที่สำคัญ นางได้ปรุงยาฟื้นฟูให้กับท่านอาเล็กจนอาการของอาเล็กดีวันดีคืน
การที่นางต้องคิดบัญชีกับเหล่าบรรดาราชวงศ์ก็เป็นเพราะพวกเขาหาเรื่องเอาเปรียบนางก่อน มิเช่นนั้นแล้วนางคงไม่ต้องเสียเวลาไปคิดบัญชีกลับคืนหรอก
ตระกูลโอวหยางก็เช่นกัน
มู่เฉียนกล่าว “ไปส่งข่าวให้ข้าที่จวนโอวหยางหน่อย บอกว่าก่อนที่ท่านพ่อของข้าจะจากไป ท่านได้มอบยาฟื้นฟูว่านหลิงให้แก่ข้า สรรพคุณของยานี้ใช้รักษาโรคแปลก ๆ ได้นานัปการ ข้าผู้นำตระกูลมู่สามารถใช้เม็ดยานี้รักษาอาการป่วยของโอวหยางเหว่ยได้ เพียงแต่ตระกูลโอวหยางต้องมีน้ำใจไมตรีให้แก่ข้าเล็กน้อย”
.