ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 649 นำมาซึ่งอันตราย
หน่วยสำนักปรุงยามีหนอนบ่อนไส้อยู่ พวกเขานั้นรู้ดี แต่กลับคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเป็นรองอาจารย์ใหญ่
เป้าหมายของสำนักปีศาจดำไม่เพียงแต่จะทำลายหน่วยสำนักปรุงยา แต่จะควบคุมหน่วยสำนักปรุงยาอีกด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะโชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้แข็งแกร่งทั้งสองคนนี้ ก็คงจะแย่ไปแล้วจริง ๆ
ราชาแห่งพิษกล่าว “ข้าพูดความจริง หากข้าโกหกแม้แต่คำเดียว คงต้องถูกนายท่านวางยาพิษให้ทรมานเป็นสิบวันหรือครึ่งเดือนอย่างแน่นอน”
อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าว “ดูเหมือนว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ข้าละเลยต่อหน่วยสำนักปรุงยาเกินไปแล้ว คนเหล่านี้ถึงได้ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ตรงนี้ได้”
ผู้อาวุโสทั้งห้ากล่าว “อาจารย์ใหญ่ เป็นเพราะพวกข้าเองที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “พวกท่านอย่ามัวแต่เสียอกเสียใจกันอยู่เลย รีบกลับสำนักศึกษาแล้วจัดการกับตาเฒ่านั่นถึงจะถูก มิเช่นนั้นเขาจะไหวตัวทันแล้วหนีไป มันไม่ใช่เรื่องดีเลย”
ดวงตาของนางมองไปที่อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ และกล่าวว่า “อาการของอาจารย์ใหญ่ก็ดีขึ้นบ้างแล้ว สามารถเดินทางได้ รีบกลับไปยังสำนักศึกษาเถอะ!”
อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าว “สาวน้อย ครั้งนี้ต้องขอบใจเจ้าแล้ว เรื่องที่ผู้อาวุโสทั้งห้าได้รับปากเอาไว้ก็จะทำตามสัญญา ส่วนเรื่องสมุนไพรวิญญาณในสำนักนั้น สามชนิดมันน้อยเกินไป สามสิบชนิดไปเลยดีกว่า!”
หลิงกล่าวขึ้นมาว่า “สามสิบชนิดก็ยังนับว่าน้อยไป ขอเพียงแค่ซีเอ๋อร์ถูกใจ ก็เอาไปมันทั้งหมดนั่นแหละ มีข้าอยู่ กองกำลังระดับสองก็คงไม่กล้าขัดขืน”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย พฤติกรรมของอารองคือโจรชัด ๆ
ผู้อาวุโสทั้งห้าก็ตกใจผงะไปเช่นกัน นี่พวกเขาไม่ใช่ชักศึกเข้าบ้านหรอกกระมัง!
“สามสิบชนิดเลยเหรอ อาจารย์ใหญ่ใจกว้างเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็เคารพในคำสั่งก็แล้วกัน” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว
สำหรับสมุนไพรวิญญาณ ถึงแม้ว่าจะยิ่งได้เยอะก็ยิ่งดี แต่นางก็ไม่อาจให้อารองใช้อำนาจรังแกคนอื่น กวาดล้างของล้ำค่าจากหน่วยสำนักปรุงยาได้
สำนักปีศาจดำรู้ว่ามีผู้แข็งแกร่งที่พวกเขาไม่อาจรับมือได้อยู่ที่นี่ ต่อให้เป็นเจ้าสำนักของพวกเขามาลงมือด้วยตัวเองก็คงจะไร้ประโยชน์ ดังนั้นจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวใด ๆ
พวกเขาเดินทางกลับไปยังเมืองเสียอย่างราบรื่น หลังจากที่มาถึงเมืองเสียแล้ว อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กับเหล่าผู้อาวุโสทั้งห้าก็ได้กลับไปยังสำนักศึกษา ส่วนมู่เฉียนซี หลิง และราชาแห่งพิษก็ได้กลับมาที่หอหมอปีศาจ
ร่างคนชุดขาวผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา และกล่าว “สาวน้อย เจ้ากลับมาแล้ว ข้าคิดถึงเจ้าจะแย่อยู่แล้ว”
เมื่อเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าที่วิ่งเข้ามาหาหลานสาวตัวเองเช่นนี้ หลิงก็กระโดดเตะเขาอย่างไร้ความปรานี
ปัง ปัง ปัง! ร่างของคนชุดขาวกระเด็นชนเข้ากับประตูอย่างรุนแรง
จวินโม่ซีรู้สึกกล้ำกลืนใจเป็นอย่างมาก มองไปที่มู่เฉียนซีราวกับสัตว์เลี้ยงที่กำลังร้องขออาหารก็มิปาน “สาวน้อย ข้าหิวแล้ว”
เจ้าตะกละผู้นี้คิดแต่เรื่องกินโดยที่ไม่เกรงกลัวต่อความตายใด ๆ ทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายแห่งจิตสังหารของหลิงนั้นได้ร้อนแรงขึ้นแล้ว “เจ้าคือเจ้ามู่ซีผู้นั้นใช่หรือไม่ ?”
หลังจากที่เคยได้เจอความเย็นยะเยือกอันหนาวเหน็บราวกับน้ำแข็งหมื่นปีในนรกของจิ่วเยี่ยมาแล้ว จวินโม่ซียังมีกำลังที่จะต้านทานได้อยู่บ้าง ดังนั้นจิตสังหารอันเลือดเย็นของหลิงนี้ สำหรับเขาแล้วไม่ได้มีผลกระทบมากนัก
“มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้า สาวน้อย นี่เจ้าหลอกล่อลักพาตัวยอดฝีมือมาได้อีกคนแล้วงั้นเหรอ ไม่เลวเลย ไม่เลวเลย!”
สีหน้าของหลิงดำคล้ำด้วยความโกรธ สิ่งใดคือหลอกล่อลักพาตัว “ข้าเป็นอารองของซีเอ๋อร์ จำเป็นต้องหลอกล่อลักพาตัวมาอย่างที่เจ้าว่าด้วยเหรอ เจ้าหนุ่ม เจ้ากล้าใส่ร้ายป้ายสีซีเอ๋อร์ รนหาที่ตายซะแล้ว”
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของกระบี่พุ่งเข้ามา จวินโม่ซีรีบหลบหลีก เขากล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “อารอง สาวน้อย เจ้ามีแค่มู่อวู่ซวงที่เป็นท่านอาเล็กคนเดียวไม่ใช่หรอกรึ ?”
“ในเมื่อมีอาเล็ก แล้วจะไม่มีอารองอย่างนั้นเหรอ ?” กระบี่ยักษ์ถูกชักออกมาจากฝัก และกำลังจะฟันไปทางจวินโม่ซี
มู่เฉียนซีรีบเข้าไปขวาง “อารอง ที่นี่คือที่ของข้า หากอารองทำมันพัง ข้าก็ต้องซ่อมแซมขึ้นใหม่”
ชายผู้เลือดเย็นราวกับเทพแห่งสงครามในเมื่อครู่ก็พลันเปลี่ยนเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังในทันที จวินโม่ซีแสยะปากเล็กน้อย ไม่ว่าเจ้านี่จะโหดร้ายแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวน้อยแล้วก็กลายเป็นลูกแกะตัวเล็ก ๆ อยู่ดี
ปลายกระบี่ยักษ์ชี้ไปที่จวินโม่ซี ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ตกลงเจ้าคือมู่ซีใช่หรือไม่”
จวินโม่ซีกล่าว “ข้าไม่ใช่มู่ซีสักหน่อย แต่ข้าก็สนิทกับมู่ซีมาก จะให้ข้าบอกเจ้าไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน ?”
“อยู่ไหน ?” จิตสังหารนั้นยิ่งน่าสะพรึงกลัวมากกว่าเดิม
มู่เฉียนซีกล่าว “จวินโม่ซี หยุดก่อเรื่องได้แล้ว ข้ามีเรื่องจะให้เจ้าช่วย ตามข้ามา!’
“ช่วยข้าตรวจดูอาการของอารองหน่อย” ถึงแม้ว่านางจะได้รับมรดกมาจากหม้อเทพนิรันดร์ แต่ความรู้และความสามารถของนิรันดร์นางก็ยังไม่ได้เรียนรู้ลึกถึงขั้นนั้น
จวินโม่ซีเป็นคนของตระกูลยาโบราณ บางทีเขาอาจจะรู้วิธีบ้าง
ทว่า หลังจากที่จวินโม่ซีได้ตรวจดูร่างกายของหลิงแล้ว สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปในทันที
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “จวินโม่ซี เกิดอะไรขึ้น ?”
“อารองเจ้าโดนคำสาปต้องห้าม มันเป็นคำสาปที่ตระกูลจวินของข้าได้ปิดผนึกเอาไว้นานแล้ว และไม่อาจใช้ได้อีก คนประเภทนี้สามารถช่วยชีวิตคนที่กำลังจะตายให้รอดได้ คนเช่นนี้ไม่มีจิตสำนึกของตัวเอง ไม่มีความรู้สึกและความทรงจำของตัวเอง ได้แต่ทำตามคำสั่งของผู้ที่สาปเท่านั้น” จวินโม่ซีกล่าวเสียงขรึม ขรึมกว่าที่นางได้จินตนาการไว้อีก
จวินโม่ซีกล่าว “แต่สภาพการณ์ของอารองเจ้ามันเป็นกรณีพิเศษ และน่าจะเกี่ยวข้องกับตัวเขาเองมากด้วย แต่เขาก็อันตรายไม่น้อย หากผู้สาปรู้ว่าเจ้าพิเศษต่อเขา ถึงตอนนั้นแล้วไม่ใช่เขาจะฆ่าเจ้า แต่ผู้ที่สาปจะทำลายเขา”
มู่เฉียนซีกล่าว “มีวิธีที่จะแก้คำสาปนี้หรือไม่ ?”
“มี ข้าสามารถแก้คำสาปให้ได้ทุกเมื่อ แต่เขาก็จะกลายเป็นศพ เจ้าเลือกเอาเองก็แล้วกัน”
ชั่วครู่หนึ่งจวินโม่ซีก็ได้เตรียมป้องกันหลิง ถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะดีกับมู่เฉียนซีมากเหมือนกับมู่อวู่ซวง แต่คนผู้นี้ก็ถูกผู้อื่นควบคุมอยู่อย่างสมบูรณ์
“ไม่ได้” มู่เฉียนซีไม่ยอมรับคำแนะนำนี้
“บางทีเจ้าอาจจะมีหนทางก็ได้ แต่ในขณะที่ยังหาทางออกเรื่องนี้ไม่ได้ เจ้าอย่าอยู่ใกล้เขาจะดีกว่า”
หลิงก็รู้สถานการณ์ในตอนนี้ดี ตอนที่เขายังไม่ได้เจอกับซีเอ๋อร์ เขาไม่มีสิ่งใดเลย แต่หลังจากที่เขาได้เจอกับนางแล้ว เขาก็มีคนที่เขาใส่ใจและอยากคอยดูแล
คนที่เขาใส่ใจนั้น เขาไม่มีทางทำให้นางต้องมีอันตรายแน่นอน
เขากล่าวเสียงขรึมว่า “ข้าจะไปจากที่นี่ ข้าจะไปตอนนี้ ก่อนที่ข้าจะได้อิสระกลับคืนมา ข้าจะไม่มีทางมาเจอซีเอ๋อร์เด็ดขาด”
“อารอง! ไม่ได้ ท่านต้องอยู่พักฟื้นร่างกายก่อน ถึงอย่างไรเราก็ได้เจอกันแล้ว อยู่ต่ออีกสักสองสามวันก็ไม่เป็นไร” มู่เฉียนซีกล่าว
“ซีเอ๋อร์!” เขาก็จนปัญญาเช่นกัน เขาโง่เขลาเบาปัญญาอยู่ตั้งนาน กว่าจะได้เจอกับญาติคนที่เขาคิดอยากจะดูแล หากจะแยกจากกันเช่นนี้ เขาก็รู้สึกเสียดายจริง ๆ
“หากอารองไม่ยอมอยู่พักฟื้นร่างกายแต่โดยดี ข้าจะวางยาพิษให้อารองอยู่ที่นี่ ดูสิว่าจะไปยังไง” ไม้อ่อนใช้ไม่ได้ผล มู่เฉียนซีจึงเลือกใช้ไม้แข็ง
“ก็ได้” หลิงรับปากแล้ว
มู่เฉียนซีไม่ได้กลับไปที่สำนักศึกษาเลย ข่าวที่ราชาแห่งพิษได้กลายเป็นหัวหน้านักพิษของหอหมอปีศาจก็ได้แพร่สะพัดออกไปทั่ว ทำให้หอหมอปีศาจมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าสำนักปีศาจดำจะโกรธแค้นมากที่หอหมอปีศาจได้แย่งตัวคนของพวกเขาไป ตอนนี้พวกเขาก็มีคู่ปรับที่แข็งแกร่งอย่างสำนักศึกษาซวนเสียแล้ว ดังนั้นจึงไม่กล้าไปล่วงเกินยอดปรมาจารย์นักปรุงยาทั้งสองของหอหมอปีศาจแน่นอน
มู่เฉียนซีปรับสมดุลร่างกายให้กับอารองโดยใช้สมุนไพรวิญญาณที่ดีที่สุด แต่อาการบาดเจ็บที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายมานานกว่าสิบปีนั้นก็ยังไม่ดีขึ้น
จวินโม่ซีมาหามู่เฉียนซีเป็นการส่วนตัว เขากล่าวขึ้นว่า “ผู้ที่ควบคุมอารองของเจ้ามีตำราต้องห้ามของตระกูลจวินที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ เกรงว่าพวกมันจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำลายล้างตระกูลจวินของข้าด้วย เป้าหมายของพวกมันคือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ ไม่เพียงแต่หม้อเทพนิรันดร์เท่านั้น เพราะฉะนั้นเรื่องที่เจ้ามีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ครอบครองอยู่ เจ้าห้ามบอกอารองของเจ้าเด็ดขาด”
“ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทรยศต่อเจ้า แต่หากเป็นคำสั่งของผู้สาปแล้วล่ะก็ เจ้าต้องถูกเปิดโปงเป็นแน่ เบื้องหลังของเขาอย่างน้อยก็ต้องเป็นสำนักนิกายระดับสาม และด้วยพลังอำนาจของเจ้าในตอนนี้ยังไม่อาจที่จะต่อกรได้”