ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 68 ความบริสุทธิ์ของคุณชายเยวี่ย
— ปัง! ปัง! ปัง! —
โอวหยางเหว่ยกระแทกร่างบนเตียงราวกับปรารถนาที่จะทุบกระดูกตัวเองให้แตก สุดท้ายโอวหยางจูก็ต้องยอม
“ได้ ก็ได้! ข้ารับปากเจ้า”
“มีใครอยู่ด้านนอกเข้ามานี่หน่อย รีบไปนำสมุนไพรวิญญาณระดับหนึ่งและสมุนไพรวิญญาณระดับสองออกมาทั้งหมดเร็วเข้า!” โอวหยางจูสั่งเสียงกร้าว
เมื่อได้เห็นสมุนไพรวิญญาณที่น่าพึงพอใจเหล่านั้น มู่เฉียนซีพลันยิ้มร่า
นางหยิบยาลูกกลอนเม็ดสีดำออกมาเม็ดหนึ่ง เดินไปข้างขอบเตียง กล่าวขึ้น “ข้ามู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่ ขอมอบยาฟื้นฟูว่านหลิงเม็ดนี้ให้ท่าน เอ้า รับไป รีบป้อนเข้าปากนางสิ”
“ได้”
โอวหยางจูรีบป้อนเม็ดยาเข้าปากบุตรสาว โอวหยางเหว่ยกลืนลงคอไปทันที
ในที่สุดโอวหยางเหว่ยก็หยุดกระแทกร่างบนเตียง โอวหยางจูมองดูบุตรสาวอย่างประหม่า ในขณะเดียวกันนั้น โอวหยางจื่อกล่าวอย่างตระหนก
“ท่านพ่อ ดูนั่น!”
ผิวหนังเน่าเปื่อยบางส่วนของโอวหยางเหว่ยสลายหายกลายเป็นผิวขาวนวลสง่าในชั่วพริบตาเดียว โอวหยางจูตกตะลึง มองด้วยสีหน้าแววตาประหลาดใจ
“วิเศษ! วิเศษดีแท้! ยาลูกกลอนเม็ดนี้ได้ผลดีจริง ๆ”
สมแล้วที่มู่เฟิงอวิ๋นเป็นบุคคลอันเป็นที่กล่าวขานกันในตำนาน สิ่งที่เขาทิ้งไว้ล้วนแต่น่าทึ่ง
มู่เฉียนซีปรบมือ กล่าวอย่างปีติยินดี “ฮิ ๆ ท่านผู้นำโอวหยาง ในเมื่อคุณหนูใหญ่โอวหยางไม่เป็นอะไรแล้ว เช่นนั้นข้าก็กลับจวนได้แล้วสินะ”
โอวหยางจื่อขัดในทันใด “ช้าก่อน! เหว่ยเหว่ยยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย จะรู้ได้เช่นไรว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ?”
“อือ…”
เกิดเสียงคราง โอวหยางเหว่ยฟื้นขึ้นมา เปลือกตายังลืมไม่เต็มตื่น กะพริบตาปริบ ๆ ปรับภาพ นางเห็นร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่ใกล้ ๆ จึงกล่าวขึ้น “ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง…”
นางไล่เรียกคนที่อยู่ใกล้ ๆ ทีละคน ทว่าเมื่อมาถึงมู่เฉียนซี…
“อ๊า! มู่เฉียนซี”
โอวหยางเหว่ยฟื้นตื่นเต็มตาท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย นางเห็นร่างของมู่เฉียนซียืนอยู่ข้าง ๆ ก็ตกตะลึงพรึงเพริด มู่เฉียนซีเป็นคนที่ทำให้นางต้องบาดเจ็บปางตายเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านผู้นำโอวหยาง หากท่านไม่วางใจ ท่านเชิญหมอยาประจำจวนมาตรวจนางดูก็ได้”
โอวหยางจูไม่รอช้า รีบเชิญหมอยาประจำจวนมาตรวจร่างกายบุตรสาวทันที หมอยากล่าวกับโอวหยางจูว่าร่างกายของโอวหยางเหว่ยในตอนนี้แข็งแรงดีมาก ไม่มีปัญหาใด ๆ เลย
ยาของมู่เฉียนซีวิเศษนัก เห็นผลในชั่วพริบตา!
โอวหยางจูหันมองมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าซับซ้อน กล่าวกับนาง “ผู้นำตระกูลมู่ วันนี้เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว นี่ก็ดึกมากแล้ว หากไม่ถือสานอนพักที่นี่สักคืนเถิด”
เขาไม่ต้องการให้นางจากไปพร้อมทรัพย์สมบัติล้ำค่าเหล่านั้น ถึงอย่างไรตอนนี้เหว่ยเหว่ยก็หายดีดังเดิม ความหวังอันน้อยนิดผุดในใจ เขาต้องหาทางเอาสมบัติเหล่านั้นกลับคืนมาให้ได้!
มู่เฉียนซี “ดึกแล้ว หากข้ายังกลับไม่ถึงจวน เกรงว่าท่านอาจะมาตามข้าที่จวนโอวหยางเอาได้ ท่านอาเดินเหินไม่สะดวก ข้าไม่อยากทำให้ท่านอาต้องลำบาก เพราะฉะนั้นข้าต้องกลับจวนเพื่อไม่ให้ท่านอาต้องลำบากมาที่นี่”
ได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซี โอวหยางจูรู้สึกประหนึ่งนั่งอยู่บนเรือที่กำลังจะจมดิ่งลงสู่ก้นทะเล
‘นางคิดว่ามีราชายอดยุทธ์ระดับเก้าอย่างมู่อวู่ซวงคอยคุ้มกะลาหัวอยู่ นางจะไม่ต้องเกรงกลัวต่อสิ่งใดเลยเช่นนั้นรึ ?’
‘รู้ไว้ซะเจ้าเด็กโอหังมู่เฉียนซี เหนือฟ้ายังมีฟ้า!’
เยวี่ยเจ๋อกล่าวขึ้น “ท่านผู้นำโอวหยาง เยวี่ยเจ๋อเองก็ต้องขอตัวกลับจวนเช่นกัน ขืนกลับช้าไปกว่านี้ เกรงว่าท่านพ่อจะส่งทหารในจวนสามพันนายมาเยือนจวนตระกูลโอวหยางเป็นแน่แท้”
เส้นเลือดที่ขมับของโอวหยางจูกระตุกอย่างรุนแรง ‘บัดซบ! ข้าลืมเจ้าเยวี่ยเจ๋อนี่ไปได้อย่างไรกัน ?’
‘เยวี่ยเจ๋อเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเยวี่ยดี ๆ ไม่ชอบ มาเป็นน้องชายของสตรีอย่างมู่เฉียนซี เหอะ! มาอีหรอบนี้คงไม่พ้นเชื่อฟังสตรีโอหังนี่ไปเสียทุกอย่าง’
ทหารของจวนตระกูลเยวี่ยอยู่ภายใต้การควบคุมของแม่ทัพเยวี่ยโดยตรง ฝีมือการรบของทหารเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่ง หากหทารบุกเข้ามาในจวนตระกูลโอวหยาง มีหวังตระกูลโอวหยางไม่พ้นสิ้นชื่อกล่าวขาน เหลือเพียงแต่ซากให้ได้พบเห็น
โอวหยางจูกล่าวพร้อมแย้มรอยยิ้ม
“หากเป็นเช่นนั้นทั้งสองก็รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”
แม้จะไม่สบายใจ แม้ในใจกำลังกระอักเลือดคำโต ทว่าอย่างไรตนก็มิอาจรั้งทั้งสองเอาไว้ได้ อีกทั้งสมบัติเหล่านั้นก็มิอาจเอาคืนกลับมาได้เช่นกัน กับมู่อวู่ซวงพวกเขาอาจจะยับยั้งได้ ทว่าทหารสามพันนายของจวนตระกูลเยวี่ยยากที่จะรับมือ
ขืนดึงดันต่อไป พวกเขาอาจถูกทำลายลงอย่างน่าสังเวช
“ท่านผู้นำตระกูลโอวหยาง ท่านอยู่ดูแลบุตรสาวของท่านเถอะไม่ต้องส่งพวกเราแล้ว พวกเรารู้ทาง” มู่เฉียนซีกล่าวหยอกเย้า โบกมือและเดินออกไปพร้อมเยวี่ยเจ๋อ
มู่เฉียนซีกับเยวี่ยเจ๋อเดินลับตาไปยังไม่ทันไกล เสียงตลกขบขันก็ดังขึ้นให้พวกเขาได้ยิน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ เยวี่ยเจ๋อ ครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าทำเงินได้มากมายจริง ๆ เจ้าจะได้รับรางวัลอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแล้วเจ้าอยากได้สตรีผู้ใดในหอคณิกาเจ้าเลือกได้เลย ไม่อั้น!”
“พี่ใหญ่พอได้แล้วหน่า” เยวี่ยเจ๋อกล่าวอย่างเอือมระอา
“ฮิ ๆ เราไปเทียนเว่ยโหลวกันเถอะ เจ้าอยากกินอะไรก็เลือกตามใจเจ้าเลย”
“อ้อ อีกอย่าง…”
โอวหยางจูและบุตรชายล้วนแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ แม้ว่ามู่เฉียนซีจะเดินจากไปไกลแล้ว ทว่าเสียงของนางยังดังก้องอยู่ในหูของพวกเขา
สามพ่อลูกยังคงสาปแช่งนางอยู่ในใจ
‘มู่เฉียนซี เจ้ามันไม่ได้ตายดีแน่! ตระกูลโอวหยางกับเจ้าไม่จบกันแค่นี้ มันต้องตายกันไปข้าง เจ้าอย่าดีใจไป!’
ระหว่างทางกลับจวน มู่เฉียนซีถามเยวี่ยเจ๋อ
“นี่เยวี่ยเจ๋อ เจ้ารู้สึกเหมือนเจ้าลงเรือลำเดียวกับโจรหรือไม่ ? หากไม่ได้นามทหารสามพันนายของจวนตระกูลเยวี่ย ข้าคงไม่ได้ออกมาจากจวนตระกูลโอวหยางง่าย ๆ เช่นนี้แน่”
“พี่ใหญ่เอาตระกูลเยวี่ยมาเข้ามาเกี่ยวข้องเช่นนี้ จะต้องเสียใจภายหลังนะ” เยวี่ยเจ๋อมองใบหน้างามของมู่เฉียนซีด้วยแววตาลึกซึ้ง “คนในตระกูลเยวี่ยของข้ารักษาวาจาสัตย์ คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ ข้าจะยึดมั่นต่อไป ไม่ว่าจะอันตรายแค่ไหนก็ตาม ข้าจะยืนหยัดในคำพูดของข้า”
“อ้อ อีกอย่าง ท่านพี่ของข้าเก่งจะตาย คนดวงกุดคือคนที่มาหาเรื่องท่านพี่ข้าต่างหากล่ะ” เยวี่ยเจ๋อยิ้มไร้เดียงสา
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “เยวี่ยเจ๋อ เจ้านี่นับวันยิ่งน่ารักจริง ๆ งั้นวันนี้เจ้าไม่ต้องกลับจวนแล้ว กลับจวนตระกูลมู่กับข้า! เราไปหาอะไรสนุก ๆ ทำกันเถอะ”
ได้ยินวาจานาง เยวี่ยเจ๋อหัวใจตกลงไปที่ตาตุ่ม เขาพึมพำในใจ ‘พี่ใหญ่พูดมาตรง ๆ เลยดีกว่าว่าจะให้ทำอะไร อย่าพูดให้ข้าเข้าใจผิดเช่นนี้สิ!’
ทว่ามู่เฉียนซีไม่ยอมบอกเขา นางคิดจะปล่อยให้เขางุนงงอยู่เช่นนั้นต่อไปสนุกกว่า
…
ดึกมากแล้วเยวี่ยเจ๋อยังไม่กลับจวน เยวี่ยซู่รีบแจ้นไปแจ้งข่าวกับท่านแม่ทัพเยวี่ยผู้เป็นบิดาในห้องตำราด้วยความตื่นตระหนกทันที
“ท่านพ่อ! ท่านพ่อแย่แล้ว! แย่แล้วขอรับท่านพ่อ! คืนนี้ท่านพี่ไม่กลับจวน เห็นทีคืนนี้ท่านพี่จะสูญเสียความบริสุทธิ์แล้วขอรับ”
— ปัง! —
ผู้นำตระกูลเยวี่ยปาตำราเกี่ยวกับกองทัพอย่างแรง
“ซู่เอ๋อร์ เจ้าพูดอะไรของเจ้า ?”
“คือว่าท่านพี่… เอ่อ…”
“สมองเจ้ามันเลอะเลือนไปแล้วหรือไร วัน ๆ เอาแต่คิดเรื่องไม่เข้าท่า เจ้าลืมไปแล้วรึว่าข้อกำหนดที่ผู้นำตระกูลมู่กล่าวไว้ในวันนั้นมีอะไรบ้าง ?”
เยวี่ยซู่ก้มหน้า “ประการแรก บุรุษผู้นั้นจะต้องไม่แตะต้องสตรีมาก่อน อ้าว! ข้อนี้ท่านพี่ก็มีคุณสมบัติหนิท่านพ่อ ตั้งแต่เล็กจนโตข้าไม่ยักเคยเห็นท่านพี่สัมผัสมือสตรีนางใดเลยด้วยซ้ำ”
“แต่เอ๊ะ! ประการสุดท้ายบุรุษผู้นั้นจะต้องแข็งแกร่งกว่านาง การประลองครั้งที่แล้วดูเหมือนว่าท่านพี่สู้นางไม่ได้ ข้อนี้ท่านพี่ไม่ผ่าน” เยวี่ยซู่ผิดหวังเล็กน้อย
มู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่ทั้งแกร่งกล้าสามารถ รูปลักษณ์หน้าตาก็งดงามไร้ที่ติ อีกทั้งยังร่ำรวยมหาศาล มีเงินทองล้นฟ้า หากตระกูลเยวี่ยได้มีสะใภ้เช่นนี้คงเยี่ยมยอด!
“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว รู้แล้วก็ออกไปได้” แม่ทัพเยวี่ยกล่าวเรียบ ๆ
เยวี่ยซู่ออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่แม่ทัพเยวี่ยผู้เป็นบิดาได้แต่ถอนหายใจเอือมระอา
หลังจากที่เยวี่ยเจ๋อย่างเท้าเข้าไปในจวนตระกูลโอวหยางกับท่านผู้นำตระกูลมู่ ดูเหมือนว่าตระกูลเยวี่ยนั้นจะเลือกข้างแล้ว
หากเป็นเมื่อก่อน แม่ทัพเยวี่ยคิดเพียงแค่อยากเป็นทหาร อยากเป็นแม่ทัพที่ดีผู้หนึ่ง ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องซับซ้อนเหล่านี้
ทว่าตอนนี้… หากเขายังหัวแข็งยืนหยัดในความคิดตนเองต่อไป ตระกูลเยวี่ยของเขา อนาคตบุตรชายเขาคงไม่ก้าวไกล …เยวี่ยเจ๋อ! หวังเพียงเจ้าไม่ติดกับดักก็เพียงพอแล้ว
มู่เฉียนซีเป็นถึงสตรีผู้แกร่งกล้าในใต้หล้า สูงส่งงดงามดั่งหงส์ขาว เกรงว่าบุตรชายที่โง่เง่าของเขานั้น…
ขอแค่เห็นบุตรหลานอยู่รอดปลอดภัย เขาก็ไม่คิดอะไรมากแล้ว หากผู้นำตระกูลมู่คิดจะสนับสนุนบุตรชายของเขาจริง ๆ ก็ถือเป็นเรื่องน่าปีติยินดี
……
“อ๊ะ!”
“อือ…”
“อืม…”
เสียงอู้อี้แปลกพิกลดังมาจากลานของจวนตระกูลมู่ เสียงนี้ทำให้ผู้คนจินตนาการไปไกลและรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
ในใจพวกเขาพลันคิด
ในที่สุดท่านผู้นำตระกูลก็ยื่นกรงเล็บให้กับคุณชายเยวี่ยเจ๋อคนนั้น บางที… ในไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาอาจจะมีนายท่านน้อย ๆ ก็ได้
.