ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 71 ช่วยเขาสวมเสื้อ
“พูดมาเถอะ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างใจเย็น
องครักษ์เงารายงานอย่างรวดเร็ว “แม้ท่านผู้นําตระกูลมู่จะเอาทรัพย์สินกลับคืนมาแล้ว แต่ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งหลายล้วนไม่สนใจกิจการเหล่านั้น พวกเขาเอาเรื่องที่ท่านยึดอํานาจทั้งหมดกลับมาเป็นข้ออ้าง ตอนนี้ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลมู่ตกอยู่ในสถานการณ์ติดขัดขอรับ”
มุมปากของมู่เชียนซีโค้งขึ้นเล็กน้อย
“ในที่สุดก็เดินมาถึงจุดนี้แล้วสินะ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะร่วมมือกันโดยมิได้นัดหมายและอยากให้บทเรียนข้า เห็นทีข้าไม่กลับไปคุมจวนสกุลมู่คงไม่ได้”
มู่เฉียนซีไปหาจิ่วเยี่ยด้วยตัวนางเอง อยากจะบอกเขาว่านางจะต้องไปแล้ว
ระหว่างทางพบพ่อบ้านไป๋ นางเอ่ยถามหาจิ่วเยี่ย
พ่อบ้านไป๋กล่าว “คุณหนูมู่ต้องไปหานายท่าน นายท่านกำลังอยู่ในห้อง ท่านเข้าไปตอนนี้ได้เลย”
มู่เฉียนซีพยักหน้า ผลักประตูเปิดออก เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในก็อดไม่ได้ที่จะนับถือพ่อบ้านไป๋ เขาไม่ควรแซ่ไป๋ น่าจะแซ่เฮยถึงจะถูก นางถูกเขาหลอกตลอด!
เพราะเมื่อมู่เฉียนซีผลักประตูเปิดออก นางเห็นองค์ชายชิวหลัวที่เย็นชาและงดงามกําลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ดูภายนอกราวกับว่าเขาไม่ได้ใส่อะไรนอกจากกางเกงชั้นใน
ความสมบูรณ์แบบของร่างกายอันเต็มไปด้วยพลังที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านางเต็มไปด้วยสิ่งน่าดึงดูดใจ
เหตุใดนางถึงโชคดีเพียงนี้ ? เมื่อเจอเข้ากับฉากเช่นนี้ มู่เฉียนซีรู้สึกเหมือนฝูงสัตว์อสูรเทพลอยผ่านหัวของนาง
ชายรูปงามหันมาแล้ว มู่เฉียนซีรีบกล่าว “อ๊ะ! คือ… ข้าไม่เห็นอะไรเลย เจ้าค่อย ๆ ใส่เถอะ เดี๋ยวข้าค่อยมาใหม่”
“มีเรื่องอะไรหรือ ?” เสียงที่ดูไม่รีบร้อนเอ่ยถาม จิ่วเยี่ยเดินออกมาแล้ว
ในที่มืดไม่มีเสื้อผ้าใด ๆ ห่อหุ้มร่างสูงยาวของเขาแม้แต่น้อย ความงามที่ดูไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปราวกับจะสามารถทําให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีได้
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกรงใจ “มีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลมู่เล็กน้อย ข้าต้องกลับไปจัดการ ขอบคุณสําหรับการต้อนรับของเจ้าในหลายวันมานี้”
ดวงตาสีฟ้าเย็นเยือกทว่างดงามคู่นั้นมองมาที่นาง มองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นแขนข้างหนึ่งพลันโอบเอวนางไว้
เสียงนุ่มกระซิบถามข้างหูมู่เฉียนซี “ข้าอยู่กับเจ้ามาหลายวัน เจ้าจะจากไปง่าย ๆ เช่นนี้หรือ ?”
มู่เฉียนซีถาม “แล้วท่านต้องการอะไร ? ตอนนี้ตระกูลข้าคงไม่มีสิ่งใดที่ท่านพอใจ”
“ช่วยข้าสวมเสื้อ”
จิ่วเยี่ยยื่นชุดผ้าไหมสีดําในมือ ส่งให้มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีจ้องมองเสื้อคลุมตรงหน้า คิ้วงามขมวดมุ่น “ขะ… ข้ายังไม่เคยสวมเสื้อให้ใครมาก่อนเลย แม้แต่ท่านอาเล็กก็ไม่เคย”
“ครั้งแรก ดีมาก” จิ่วเยี่ยเอ่ยคํา คำพูดเขาช่างพิลึกยากจะเข้าใจ เขาใช้อำนาจเอาเสื้อยัดใส่ในมือมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีรู้ดีถึงนิสัยของจิ่วเยี่ยผู้นี้ ถ้าหากไม่สวมเสื้อให้ เห็นทีวันนี้นางคงจะเดินออกจากประตูใหญ่จวนเยี่ยอ๋องและกลับตระกูลมู่ไม่ได้แน่
มู่เฉียนซีหยิบเสื้อขึ้นมาสวมให้จิ่วเยี่ยอย่างไม่คล่องแคล่ว พยายามจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ครั้งแรกของนางที่สวมเสื้อให้คนอื่น ผลออกมาก็ไม่ได้แย่
นางมองจิ่วเยี่ยและคิดกับตัวเองว่า ‘เจ้าก้อนน้ำแข็งแบบที่ไม่สวมใส่เสื้อผ้าทําให้คนทำผิดได้ แต่เมื่อสวมใส่เสื้อผ้า รูปลักษณ์ที่เย็นชาทว่างดงามของเขายิ่งทำให้คนควบคุมตัวเองไม่ได้…
เจ้านี่ช่างเป็นภัยร้ายกาจจริง ๆ’
มู่เฉียนซีถามขึ้น “จิ่วเยี่ย ข้าสวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นข้าไปได้แล้วสิ”
ขณะที่มู่เฉียนซีกําลังจะหันหลังและวิ่งหนีไป นางถูกแขนคู่นั้นของจิ่วเยี่ยพาเข้ามาในอ้อมกอดที่แข็งแกร่งอีกครั้ง เขากล่าวเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าจะพาเจ้ากลับไปเอง”
เขาเป็นคนพาเข้ามา แน่นอนว่าเขาก็ควรเป็นคนพาออกไป
เมื่อตอนที่มาถึงจวนเยี่ยอ๋อง จิ่วเยี่ยนั้นรวดเร็วมาก ทว่าตอนส่งนางกลับจวนสกุลมู่ เขาทำยึกยัก แทบจะช้ากว่าเต่าเสียอีก
ทิวทัศน์บนท้องถนน เหมือนเป็นภาพที่ถูกชะลอให้ช้าลง มู่เฉียนซีหาวอย่างเบื่อหน่าย
เมื่อมาถึงจวนสกุลมู่ในที่สุด จิ่วเยี่ยถึงค่อยปล่อยให้มู่เฉียนซีลง เขากล่าว “ไปได้ หากเจ้าต้องการมาที่จวนเยี่ยอ๋อง ข้ายินดีต้อนรับเสมอ”
ยังไม่ทันรอมู่เฉียนซีตอบ ร่างสีดำพลันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
เขาคงคิดในใจว่า มู่เฉียนซีคงจะยินดีตอบรับที่จะไปอยู่จวนเยี่ยอ๋องเป็นประจำ นางคงมิปฏิเสธ
เมื่อเข้าจวนตระกูลมู่ มู่เฉียนซีพยายามตอบโต้รับมือกับสถานการณ์ของตระกูลมู่ แผนการของตาแก่พวกนั้น คิดจะล้มนาง ฝันไปเถอะ!
“ปิดกิจการทั้งหมด หยุดทำงาน!”
เมื่อข่าวนี้ถูกปล่อยออกมา ทุกผู้คนล้วนตกใจ
“ท่านผู้นำตระกูลบ้าไปแล้ว นางต้องการให้ตระกูลมู่จบสิ้นหรือไร ?”
“แม้ว่านางจะหยุดกิจการ แต่นางก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินไปตลอดชีวิตเพราะสินสอดทองหมั้นของนาง ดังนั้นนางจึงไม่คิดอะไรมาก”
“จบแล้ว ตระกูลมู่ต้องจบสิ้นเมื่ออยู่ในมือนาง”
ผู้เฒ่าตระกูลมู่ทุกคนบ่นพึมพํา ตอนแรกพวกเขาต้องการที่จะเห็นมู่เฉียนซีรับมือกับวิกฤติของตระกูลมู่
คิดไม่ถึงว่านางจะหยุดกิจการไปทั้งหมดอย่างเด็ดขาด เรื่องใหญ่สิ้นสุดลง ปัญหาต่าง ๆ ก็พลอยจบลงไปด้วย การกระทําเช่นนี้เกินความคาดหมายของพวกเขา
นอกจากการหยุดกิจการ มู่เฉียนซียังไล่พ่อบ้านที่ไม่ทุ่มเทและเจ้าของร้านทั้งหมดออก
เหล่าผู้อาวุโสตะลึงลาน …ท่านผู้นำก่อความวุ่นวายเช่นนี้ ดูเหมือนว่าตึกใหญ่ตระกูลมู่คงถึงคราวล่มสลาย
มู่เฉียนซีหลายวันมานี้ใครมาก็ไม่ได้พบ แม้ข้างนอกจะลุกเป็นไฟ นางก็ไม่ได้สนใจสิ่งใดเลย หลังจากปิดกิจการไปเจ็ดวัน นางไปหาเยวี่ยเจ๋อ
มู่เฉียนซี “นี่เป็นแผนใหม่สําหรับการวางแผนกิจการของตระกูลมู่ มันปรับปรุงเพิ่มจากแผนเดิมของพ่อข้านิดหน่อย ในขณะเดียวกันก็เพิ่มกิจการที่ข้าได้รับจากตระกูลโอวหยางเข้าไปด้วย
บางคนบนนั้นเป็นคนที่พ่อข้าไว้ใจ พวกเจ้าจัดการเรื่องต่อไปให้สำเร็จเถอะ ถ้าทําไม่ได้ก็ให้องครักษ์เงาลงมือทันทีก็ดี”
ในเวลาเจ็ดวัน นางปิดกิจการของตระกูลมู่ทั้งหมด ไม่ได้ละทิ้งทุกอย่างในตระกูลมู่ แต่แผนการนี้จะทําให้ทรัพย์สินของตระกูลมู่ฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤตอีกครั้ง
นางใช้เวลาหลายวันที่ผ่านมาเขียนแผนการนี้
มู่เฉียนซีถามขึ้น “เยวี่ยเจ๋อ ไม่มีปัญหาใช่ไหม ?”
“พี่ใหญ่วางใจเถอะ”
“ไม่มีเรื่องอะไรไม่ต้องมารบกวนข้านะ ต่อไปข้าจะได้ปรุงยาอย่างสบายใจ” มู่เฉียนซีหัวเราะ
การปรุงยาเป็นงานหลักของนาง การขายโอสถหาเงินก็เพียงเพื่อให้ได้สมุนไพรวิญญาณมาเพิ่มเท่านั้นเอง
มู่เฉียนซีหมกตัวปรุงยาอยู่แต่ที่หอหมอปิศาจเป็นเวลาหนึ่งเดือน ไม่ว่าข้างนอกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ไม่ส่งผลกระทบต่อนาง
ในเวลาเดียวกัน ชีวิตของคนทั้งแคว้นจื่อเยี่ยกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะถนนคนเดินเจ็ดดาว สิ่งใดที่เป็นงานฝีมือละเอียดอ่อนล้วนมีทุกอย่าง ผ้ามันวาวคุณภาพดี กระโปรงผ้าแพร แป้งปัดแก้ม ชาความงาม ทุกอย่างที่ต้องมีที่นี่มีหมด เปรียบดั่งสวรรค์ของผู้หญิง
กิจการโรงเหล้าเจริญรุ่งเรือง การบริการของโรงเตี๊ยมที่ดูแลได้อย่างทั่วถึง โรงน้ำชาอันเต็มไปด้วยกลิ่นหอม
แต่ที่รุ่งเรื่องที่สุดคือ… หอหมอปีศาจ
ได้ยินมาว่าหัวหน้าตึกหอหมอปีศาจเคยประมูลขายสมุนไพรวิญญาณประหลาดที่บ้านประมูลอันดับหนึ่ง ภายในนั้นมียาวิเศษ และยังมียาระดับสอง
นอกจากยาเหล่านี้แล้ว ยังมียาลึกลับอีกหลากหลายชนิด ยาบางชนิดมีประสิทธิภาพดีกว่ายาระดับสอง คนที่เคยซื้อยาเหล่านั้นในการประมูลครั้งแรกก็รู้ดีถึงผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์
ราคายาของหอหมอปีศาจไม่สูงนัก ทั้งยังมีกิจกรรมจับรางวัล กิจกรรมซื้อครบตามราคาที่กำหนดไว้แล้วรับของรางวัลก็มี ทุกวันหอหมอปีศาจผู้คนล้นหลาม
เยวี่ยเจ๋อมองถนนคนเดินเจ็ดดาวที่คึกคักอย่างหาที่เปรียบมิได้ ความภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกผุดในใจเขา ทั้งหมดนี้เป็นความเจริญรุ่งเรืองที่พี่ใหญ่ของเขาวางแผนไว้
ตระกูลมู่กําลังจะมาถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง
บางทีความเจริญรุ่งเรืองที่สร้างขึ้นโดยพี่ใหญ่ ในอนาคตอาจเป็นยุคของนางและกลายเป็นตํานาน
เวลานี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน กล่าวว่า “แย่แล้วขอรับคุณชายเยวี่ย แย่แล้ว!”
.