ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 717 กล้ำกลืนกับความเสียเปรียบ
เหลิ่งหลินกล่าวตำหนิว่า “หุบปาก!”
ขืนก่อเรื่องต่อไปมันไม่เป็นผลดีต่อพวกเขาแน่นอน!
หากพวกเขาบอกไปว่างูเหล่านี้เป็นของพวกเขา นั่นก็หมายความว่าพวกเขาตั้งใจปล่อยงูมาทำร้ายผู้อื่น และพวกเขาอาจจะถูกตัดสิทธิ์การแข่งขันได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยอมกล้ำกลืนกับความเสียเปรียบนี้!
“กลับ!” เหลิ่งหลินกล่าว
มู่เฉียนซีตะโกนกล่าวว่า “นี่ สหายสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อ พวกเจ้าไม่สนใจสักถ้วยจริง ๆ เหรอ รสชาติไม่เลวเลยนะ หากพวกเจ้าคิดว่ามันแพงเกินไปข้าลดให้พวกเจ้าครึ่งราคาก็ได้นะ”
ปัง! เหลิ่งหลิงโกรธจนกำหมัดแล้วไปที่ชกภูเขาปลอมที่อยู่ตรงหน้าจนแตกกระจายก่อนจะหันหลังกลับมามองพวกเขาอย่างเย็นชา
งูของพวกเขามันอร่อยเช่นนั้นเลยรึ รอให้พวกเจ้ากินเสร็จก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเจ้าโดนพิษเข้าไปแล้วพวกเจ้าจะตายเอง!
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” หลังจากที่พวกเขาเดินจากไปด้วยความโกรธเกรี้ยว คนของสำนักศึกษาซวนเสียก็หัวเราะชอบใจขึ้น
“เพิ่งจะค้นพบเดี๋ยวนี้เองว่าสหายมู่เฉียนซี นอกจากจะวิปริตไปหน่อยแล้ว อย่างอื่นก็ทำได้ไม่เลวเลย”
“หากสหายมู่เฉียนซีทำกับพวกข้าเช่นนั้น พวกข้าจะมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่นะ ข้าว่าข้าคงจะโกรธจนกระอักเลือดตายไปตั้งนานแล้วล่ะ”
“โชคดีที่พวกเราไม่ได้ล่วงเกินสหายมู่เฉียนซี!”
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีได้ขุดหลุมพรางพวกเขาจนน่าสังเวชเช่นนี้ พวกเขาก็รู้สึกหวาดผวาอยู่บ้าง
มู่เฉียนซีกล่าว “เนื้อตุ๋นได้ที่แล้ว หากพวกเจ้าเอาแต่พูดมาก ก็อย่าหวังจะได้กินเลย”
พวกเขาส่งเสียงโห่ร้องขึ้นด้วยความดีใจ “สหายมู่เฉียนซี เจ้ายอดเยี่ยมที่สุดแล้ว”
“พวกข้ากินแน่นอน!”
“อย่าแย่ง ๆ!”
ซุปงูหม้อใหญ่ถูกพวกเขากินจนเกลี้ยงหม้อ
ภายในชั่วพริบตาเดียวคนกลุ่มนี้ก็กลายเป็นคนตะกละไปแล้ว
กินงูพิษเข้าไปหม้อใหญ่ แต่พวกเขากลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“พี่ใหญ่เหลิ่ง พวกมันเป็นคนของสำนักศึกษาซวนเสียจริง ๆ เหรอ สำนักศึกษาเล็ก ๆ เช่นนั้น แต่กลับมีความสามารถมากมายนัก!”
“งูเหล่านั้นของพวกเรา หากว่าพวกมันเอาไปตุ๋นซุปกินจริง ๆ แล้วล่ะก็ ต้องโดนพิษตายไปแน่นอน แต่นึกไม่ถึงว่าพวกมันจะไม่เป็นอะไรเลย!”
“เรื่องนี้มันช่างน่าประหลาดเกินไปแล้ว”
งูพิษของพวกเขาถึงแม้ว่าจะมีพิษร้ายแรง แต่เมื่ออยู่ในมือของหมอปีศาจแล้ว แน่นอนว่ามันจะต้องเปลี่ยนเป็นของล้ำค่าได้
นี่มันก็แค่พิษเล็ก ๆ น้อย ๆ มู่เฉียนซีไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใดอยู่แล้ว
“พี่ใหญ่เหลิ่ง วันนี้พวกเราอับอายขายหน้ามาก จะปล่อยให้มันเป็นเช่นนี้จริง ๆ เหรอ เราลงมือกันอีกครั้งดีหรือไม่”
“ลงมือ! จะให้พวกมันเอาไปทำโจ๊กกินรึไง ?”
พวกเขาหุบปากลงแล้ว หากตอนเช้าได้เห็นพวกเขากินโจ๊กจริง ๆ แล้วล่ะก็ พวกเขาคงจะโกรธแค้นจนทนไม่ได้ และลงมือฆ่าพวกเขาจนไม่คำนึงถึงสิ่งใดเป็นแน่
“แล้วพวกเราจะทำเช่นไรดีละ ?”
“อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวใด ๆ ก่อน หากทำผิดกฎในเมืองจิ่วเหลย มีหวังต้องโดนตัดสิทธิ์แน่นอน รอให้ถึงตอนแข่งขันก่อนเถอะ พวกเราต้องมีวิธีแก้แค้นพวกมันแน่ อดใจเอาไว้ก่อน!”
“ก็คงทำได้เพียงแค่นั้นแล้วล่ะ!”
ทว่า เป็นเพราะความคับแค้นที่อยู่ในใจ คนของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อเหล่านี้จึงนอนไม่หลับทั้งคืน
ส่วนทางด้านสำนักศึกษาซวนเสียนั้นกลับนอนหลับสนิทเพราะได้ดื่มซุปบำรุงหม้อใหญ่เข้าไป
เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น หลังจากที่พวกเขาได้กินมื้อเช้าเสร็จก็ได้เจอกับคนขอบตาดำราวกับหมีแพนด้าอย่างสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อ
คนของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อเห็นพวกเขาแล้วก็กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ ในตอนแข่งขันพวกเขาจะต้องแก้แค้นให้จงได้
พวกเขาหันหลังเดินจากไปจากโรงเตี๊ยม เดินทางไปยังตีนเขาจิ่วเหลย
เมื่อมาถึงตีนเขา จินซ่านซ่านและพวกก็มาถึงแล้ว
กลุ่มคนเหล่านั้นช่างดูแพรวพราวมาก ถึงแม้ว่าอยากจะเพิกเฉยต่อพวกเขามากแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น!
“พวกเจ้า นี่พวกเจ้า…นี่พวกเจ้าไม่เป็นอะไร…”
เมื่อเห็นพวกเขายืนอยู่ตรงนี้ด้วยท่าทางที่กระฉับกระเฉง จินซ่านซ่านก็คิดว่าตนเองนั้นจำคนผิดไป
มู่เฉียนซีกล่าว “หวังว่าพวกเจ้าคงจะไม่ลืมที่เราได้เดิมพันกันเอาไว้นะ!”
“เดิมพัน ?” ชั่วครู่หนึ่งจินซ่านซ่านก็รู้สึกหน้ามืดตามัวขึ้นทันที
“พวกเจ้า นี่พวกเจ้าทำได้ยังไงกัน พวกคนแปลกประหลาดของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อเหล่านั้นปล่อยพวกเจ้ามาง่าย ๆ เช่นนี้ได้ยังไง ข้าไม่เชื่อ ให้ตายข้าก็ไม่เชื่อ!” จินซ่านซ่านกล่าว
“ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ข้าเดิมพันชนะ เจ้ายินยอมร่วมเดิมพันแล้วก็ยอมรับผลที่พ่ายแพ้ซะเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าว
“ข้า…”
มู่เฉียนซีกล่าวเตือนว่า “เจ้าจะเบี้ยวก็ได้นะ แต่ว่า เจ้าก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาให้ได้!”
จินซ่านซ่านรับรู้ได้ถึงอันตรายบางอย่าง เขากล่าวว่า “ข้าเป็นคนที่รู้แพ้รู้ชนะ จะเบี้ยวเดิมพันได้ยังไงกันเล่า!”
“เอาไป ๆ ๆ!”
“ข้าให้พวกเจ้าทั้งหมดนั่นแหละ!”
ครั้งนี้จินซ่านซ่านพูดจริงทำจริง ควักเอาหยกวิญญาณทั้งหมดที่ติดตัวทุกคนมามอบให้กับมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าว “ก็นับว่าเป็นคนที่จริงใจใช้ได้!”
ที่ตีนเขาภูเขาจิ่วเหลยมีลานขนาดใหญ่อยู่ลานหนึ่ง
แต่ละสำนักศึกษามีตำแหน่งของตนเองอยู่ รอหลังจากที่ทุกคนมากันพร้อมแล้ว ชายชราท่าทางน่าเกรงขามผู้หนึ่งก็ได้ปรากฏตัวอยู่บนลานประลอง
เขากวาดสายตามองไปที่ทุกคนและกล่าวว่า “ข้าคืออาจารย์ใหญ่เหลย เป็นอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาเหลยโจว การแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักในครั้งนี้จัดขึ้นที่ดินแดนเหลยโจว โดยมีสำนักศึกษาเหลยโจวของพวกเราเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด”
สำนักศึกษาเหลยโจวเป็นสำนักศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนเหลยโจว มิเช่นนั้นก็คงจะไม่แข็งแกร่งพอที่จะจัดการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักนี้ขึ้นมาได้
“การแข่งขันในครั้งนี้จะแบ่งออกเป็นสามส่วน สุดท้ายก็จะคัดเลือกสำนักศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุดกับอัจฉริยะสิบอันดับแรกแห่งแดนใต้ การแข่งขันร้อยสำนักในครั้งนี้เป็นโอกาสที่พวกเจ้าทุกคนจะได้เจิดจรัสแล้ว ดังนั้นหนุ่มสาวทุกคน พยายามให้เต็มที่และเข้าไปสู่เส้นชัยให้ได้เถอะ!”
ทุกคนเกิดความกระตือรือร้นขึ้นมาแล้ว พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้โดดเด่นของสำนักศึกษา แน่นอนว่าจะต้องมีจิตใจที่ทะเยอทะยานเพื่อให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดมา
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าวว่า “รอบแรก ก็คือการขึ้นไปบนยอดเขาจิ่วเหลย”
“ก่อนตะวันตกดิน ผู้ที่ขึ้นไปถึงยอดเขาได้สำเร็จจะได้เข้าแข่งขันในรอบถัดไป ส่วนผู้ที่ขึ้นไปไม่ถึงก่อนตะวันตกดิน ต้องขอโทษด้วย พวกเจ้าจะถูกคัดออก!”
ทุกคนยิ้มพลางกล่าวว่า “ขึ้นเขา เช่นนั้นก็ง่ายมาก!”
“ต่อให้ไม่ได้เป็นผู้บำเพ็ญภูตหรือผู้ฝึกยุทธ์ก็สามารถปีนขึ้นไปได้น่ะสิ!”
“ท่านอาจารย์ใหญ่เหลย ไม่ได้ล้อเล่นกระมัง!”
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “เปิดประตูภูเขา!”
ตูม ปัง ปัง! โดยปกติแล้วภูเขาจิ่วเหลยจะถูกปิดผนึกเอาไว้ ไม่เปิดเผยต่อโลกภายนอก!
เวลานี้เป็นเพราะว่าจัดการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักขึ้น จึงได้เปิดออกมาเป็นกรณีพิเศษ
หลังจากที่ประตูภูเขาถูกเปิดออกโดยสมบูรณ์ ก็เผยให้เห็นบันไดวนขึ้นไป
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าวว่า “บัดนี้ ข้าขอประกาศเริ่มการแข่งขันรอบแรกได้!”
ทันทีที่อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าวจบ คนจำนวนมากก็ขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว
ตำแหน่งของสำนักศึกษาเหลยโจวกับสำนักศึกษาเหยียนโจวอยู่ใกล้กับประตูภูเขามาก ส่วนสำนักศึกษาซวนเสียอยู่ท้ายสุด ดังนั้นจึงช้าเป็นธรรมดา
พวกเขาก็ใจร้อนที่จะพรวดขึ้นไปเช่นกัน มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ต้องรีบ”
“มีเวลาทั้งวัน เพียงแต่ว่าภูเขาจิ่วเหลยนี่ไม่ธรรมดาเป็นแน่ และมันก็ไม่ได้ขึ้นไปง่าย ๆ แน่นอน”
ครั้นแล้วพวกเขาจึงได้ใจเย็นลง รอดูสถานการณ์ไปก่อน!
เปรี๊ยง เปรี๊ยง เปรี๊ยง! ในตอนนี้เอง บนท้องฟ้าก็เกิดสายฟ้าขึ้น
ตูม ตูม ตูม! กลางอากาศก็เกิดสายฟ้าฟาดผ่าลงมา
คนเหล่านั้นที่รีบพรวดขึ้นเขาไปไม่ทันระวังก็ถูกสายฟ้าฟาดและกลิ้งลงมาจากบันได
ถึงแม้จะไม่ได้คร่าชีวิต แต่การที่ถูกสายฟ้าฟาดจนกลิ้งลงบันไดเช่นนี้ ทำให้พวกเขาไร้เรี่ยวแรงที่จะขึ้นเขาต่อได้แล้ว
ซวนอี้กล่าวเสียงขรึมว่า “ที่แท้ก็ไม่ได้ขึ้นไปง่าย ๆ เลย การแข่งขันรอบนี้ช่างมีความท้าทายมากยิ่งนัก”
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเราขึ้นไปเถอะ แล้วต้องระวังสายฟ้าให้ดีด้วยล่ะ”
“สายฟ้านี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก หากต้านทานได้ทันเวลา ก็แค่ทำให้ร่างกายชาไป ไม่กลิ้งลงมาเหมือนคนพวกนั้น แต่หากไม่ระวังก็รอออกจากการแข่งขันได้เลย”
พวกเขาพยักหน้าพลางกล่าวว่า “พวกข้าเข้าใจแล้ว!”
“ลุย!”