ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 939 การซุ่มโจมตีในเมืองเฮยตู
ฟึบ ฟึบ ฟึบ!
ทันทีที่มู่เฉียนซีเดินเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ นั้น อาวุธลับที่ซ่อนอยู่ก็พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง
ทั้งมีดเล่มเล็กและเข็มเล็กสีดำสนิท เพียงแวบเดียวมู่เฉียนซีก็มองออกแล้วว่าพวกมันนั้นเคลือบไปด้วยพิษ
หากเดินทางบนถนนใหญ่ก็จะเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน หากเดินทางบนตรอกซอยเล็ก ๆ ก็จะมีอันตรายถึงชีวิต
ดวงตาของมู่เฉียนซีฉายแววอำมหิตออกมา เล่นสกปรกอย่างนั้นสินะ?
มู่เฉียนซีจึงรีบพุ่งออกไปจากตรอกเล็ก ๆ แห่งนี้ ในตอนที่นางพุ่งออกไปนี่เอง เนื่องด้วยความรวดเร็วของนางยังไม่รวดเร็วพอ แขนของนางจึงถูกมีดเล่มเล็กที่คมกริบบาดเอา
มู่เฉียนซีสะดุดล้มลงในทันใด แต่ทว่านางก็ยังฝืนลุกขึ้นเดินต่อไป
เส้นทางต่อจากนี้ไร้ซึ่งอาวุธลับ มู่เฉียนซีหยุดพักอยู่ที่มุมกำแพงด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก
จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามา หนึ่งคน…สองคน…
มากันไม่น้อยเลย!
เสียงที่หนึ่งดังขึ้น “สาวน้อยผู้นี้น่าจะโดนพิษเสียจนสติเลือนรางแล้ว จัดการกับเจ้าหนูที่มาใหม่นี่ไม่เปลืองแรงเลยแม้แต่น้อย!”
“บางทีถ้าหากว่านางอยู่ที่ถนนใหญ่ นางอาจจะสามารถดิ้นรนไปได้อีกสักพัก แต่เมื่อนางมาเดินในตรอกเล็ก ๆ เช่นนี้แล้ว นับว่าช่างรนหาที่ตายเสียจริงเชียว!” อีกเสียงเอ่ยเสริม
“พี่ใหญ่ ต้องบอกเลยว่าเด็กสาวผู้นี้งดงามยิ่งนัก! ที่เมืองเฮยตูของพวกเราไม่มีสาวงามเช่นนี้มาเยือนเป็นเวลานานมากแล้ว ถ้าหากว่าต้องพิษตายไปเสียก่อน ก็น่าเสียดายยิ่งนัก!”
“ดังนั้นแล้ว! ก่อนที่นางจะตายไป พวกเรา…”
พวกเขารู้สึกว่าไม่ควรถอนพิษให้แก่นางด้วยเพียงเพราะใคร่ในความงดงาม เพราะทันทีที่ถอนพิษให้แล้วอาจจะทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตรายก็เป็นได้
อยู่ในเมืองเฮยตูนั้นจะไม่ระมัดระวังได้อย่างไร?
ฟึบ ฟึบ ฟึบ!
ทันใดนั้นเงาแสงสีเงินหลายเงาได้สาดแสงขึ้นมา!
ซึบ!
ที่คอของคนเหล่านี้ได้มีเข็มยาปักเข้าไปหลายเข็ม
มู่เฉียนซีที่เดิมทีได้นั่งยองลุกไม่ขึ้นอยู่ที่มุมกำแพง บัดนี้กลับค่อย ๆ ลุกยืนขึ้นมาอย่างช้า ๆ พวกเขามองมู่เฉียนซีด้วยสายตาที่ตกตะลึงปากอ้าตาค้างแล้วกล่าว “เจ้า…เจ้ามิได้ต้องพิษ?”
มู่เฉียนซีจัดการกับปากแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนางอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็กล่าวว่า “ด้วยพิษคุณภาพต่ำเหล่านี้ของพวกเจ้า ก็ยังหวังที่จะวางพิษให้ข้าร่วงไปอีกรึ? ช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
บาดแผลได้ถูกจัดการเสร็จสิ้นในเวลาไม่นาน และเลือดก็มิได้ไหลออกมาอีกต่อไป
เมื่อเห็นความเย็นชาบนใบหน้าของสาวน้อย พวกเขารู้แล้วว่าได้ถูกผู้อื่นลอบเล่นงาน
มู่เฉียนซีสะบัดมือแล้วเก็บเข็มยาเหล่านั้นกลับมา ส่วนพวกเขาเหล่านั้นก็ตัวอ่อนล้มลงไปกับพื้นราวกับไร้แล้วซึ่งกระดูก
พวกเขาตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก บ้าจริง นี่มันพิษอะไรกัน?
มู่เฉียนซีกล่าว “หากต้องการมีชีวิตรอด เช่นนั้นก็จงบอกกฎของเมืองเฮยตูแก่ข้า!”
เสี่ยวไป๋มิได้กล่าวกับนางเอาไว้ เกรงว่าคงต้องการให้นางได้รู้ด้วยตัวเอง
แต่ก็ไม่รู้ว่าในตอนนี้เขาเป็นเช่นไรบ้าง?
ถ้ามิได้เข้ามาในเมืองเฮยตู เขามีความมั่นใจที่จะสามารถออกจากทะเลทรายดำได้หรือไม่?
เมื่อได้ยินคำถามนี้ของมู่เฉียนซี พวกเขากล่าว “คิดที่จะให้พวกเราตอบคำถามนี้ มิสู้เจ้าฆ่าพวกเราไปเสีย!”
เดิมทีพวกเขาล้วนแต่ไม่กล้าลงมือกับนางซึ่งเป็นผู้มาใหม่ และมาตอนนี้ก็กลับยังมีท่าทางที่ไม่กลัวตาย มู่เฉียนซีจึงรู้สึกแปลกประหลาดใจอยู่บ้าง
ดวงตาของนางเปล่งประกายออกมาพลางกล่าวว่า “หรือว่าถ้าหากพวกเจ้าตอบคำถามของข้าแล้วพวกเจ้าจะต้องตาย? มิตอบก็ต้องตายเช่นกัน เช่นนั้นแล้วพวกเจ้าจึงเลือกที่จะตายไปเสีย เพื่อที่จะไม่ให้เป็นการง่ายดายแก่ข้าใช่หรือไม่?”
พวกเขามิได้ตอบอะไร เกรงว่าคงจะยอมรับเสียแล้ว
มู่เฉียนซียิ้มเยาะ “แต่พวกเจ้าคงไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ว่าการอยู่อย่างไม่สู้ตายไปนั้นมันน่ากลัวเสียยิ่งกว่า!”
ฉับพลันมู่เฉียนซีก็ได้สะบัดมือ จากนั้นเข็มยาอีกหลายเข็มก็ได้พุ่งออกไปอีกครั้ง
ก่อนที่พวกเขาจะตายอย่างเจ็บปวดทรมานนั้น ไม่รู้เลยว่าพวกเขาไปมีความกล้ามาจากไหนและได้ทำการปลิดชีพตนเองเสียเช่นนี้!
มู่เฉียนซีบ่นกับตัวเองเบา ๆ “เสียแผนจริง ๆ คนเหล่านี้ของเมืองเฮยตูนั้นไม่เหมือนกับคนปกติทั่วไปสักนิด”
ไม่สามารถถามอะไรได้จากคนเหล่านี้ แต่นางก็ไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถถามได้จากคนอื่น ๆ …
ทั้งเมืองเฮยตูนั้นเป็นสนามรบแห่งการฆ่าฟัน ทุกเวลาล้วนแต่มีผู้เข้าจู่โจมนางและต้องการให้นางตาย
แน่นอนว่านางเองก็มิได้ผ่อนคลาย นางคอยระแวดระวังความเคลื่อนไหวจากรอบด้านอยู่ตลอดเวลา
ที่โชคดีก็คือความแข็งแกร่งของคนที่นี่ มากที่สุดก็ล้วนแต่เป็นระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เก้าเท่านั้น ดังนั้นขอแค่เพียงนางระมัดระวังให้มากพอและมีการตอบสนองที่รวดเร็ว เช่นนั้นก็พอที่จะทำให้นางไม่ตายตกอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว
แน่นอนว่าเมื่อเผชิญกับการจู่โจมหลากหลายชนิด มู่เฉียนซีเองก็ได้รับบาดเจ็บเข้าเสียแล้ว
โชคดีที่นางพกยาเม็ดมามากพอ ไม่ว่าจะบาดเจ็บหรือเป็นการสิ้นเปลืองพลังวิญาณกับพลังกาย นางล้วนแต่สามารถทำให้ร่างกายของตนเองฟื้นฟูขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วที่สุด!
ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะมียาเม็ดที่เอาไว้ใช้ฟื้นฟูอย่างไม่มีหมดสิ้น ผู้ที่พ่ายแพ้ให้แก่นางนั้นก็มากขึ้นเรื่อย ๆ มีคนเริ่มถกเถียงกันอยู่ในความมืดขึ้นมา
“หรือว่าเด็กสาวผู้นี้จะเป็นคนที่กองกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสามส่งมา ยาเม็ดนั่นก็กินอย่างไม่รู้หมด จะจัดการนางช่างยากเย็นนัก!”
“นางมีความตื่นตัวเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังวิปริตไม่กลัวพิษอีกด้วย”
“พลังวิญญาณและสัมผัสในการรับรู้เองก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่มีจุดอ่อนเลยแม้แต่น้อย”
“เหลือเวลาไม่มากแล้ว ถึงต่อให้ไร้ซึ่งจุดอ่อนแต่พวกเราก็จะยอมแพ้ไม่ได้ ฆ่านาง!”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าคนเมืองเฮยตูนี้ เป็นเมืองที่คนปิดปากแน่นที่สุด
นางก็แค่เพียงอยากที่จะหาข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น แต่กลับไม่มีผู้ใดบอกกับนางเลย พวกเขายินยอมที่จะตาย
ซึบ ซึบ ซึบ!
กลิ่นอายจำนวนมากได้พุ่งมาทางนี้ หนึ่งคน…สิบคน…ยี่สิบคน…
ครั้งนี้มีคนมาจำนวนไม่น้อยเลย มันเป็นการปฏิบัติการของกองกำลังใหญ่อย่างสมบูรณ์
รอจนเมื่อพวกเขามาถึงกันครบทุกคน มู่เฉียนซีก็ได้กวาดสายตามองพวกเขาแล้วกล่าว “สามสิบกว่าคน พวกเจ้าคิดที่จะมาหาที่ตายด้วยกันหรือ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ใช้กำลังคนมากมายเช่นนี้ จะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน!
“สาวน้อย พวกเรามาเพื่อส่งเจ้า!” แสงจากดาบได้สาดส่องลงมา
ชิ้ง! มู่เฉียนซีชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา
“พวกเจ้ารนหาที่ตาย! มังกรเพลิงสังหาร!”
ทั้งเรื่องปริมาณและพลังความสามารถ พวกเขานั้นกุมความได้เปรียบโดยสมบูรณ์
มู่เฉียนซีตกอยู่กลางวงล้อมโจมตี ซึ่งมันทำให้รู้สึกไม่ค่อยดีนัก!
ในตอนที่นางเตรียมจะเรียกตัวช่วยของนางออกมานี้เองก็ได้พบว่าอู๋ตี้และเสี่ยวหงไม่สามารถที่จะออกมาได้เลย
มู่เฉียนซีตะลึงค้าง “เกิดอะไรขึ้น?”
“นายท่าน สถานที่แห่งนี้มีการผนึกห้ามที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พวกเราไม่สามารถออกไปได้!” เสี่ยวหงและอู๋ตี้เองก็ร้อนใจเข้าแล้ว
“นี่มันสถานที่บ้าอะไรกัน?”
คนที่มีพลังความสามารถขั้นสูงสุดในที่นี้ก็มีเพียงจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เก้าเท่านั้น อีกทั้งยังไม่สามารถที่จะอัญเชิญสัตว์พันธสัญญาได้อีก มันแปลกประหลาดอย่างแน่นอน!
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไร!”
ฟึบ ฟึบ ฟึบ! เมื่อเผชิญกับการโจมตีจากคนจำนวนมากเช่นนี้ แน่นอนว่ามู่เฉียนซีจึงใช้ความสามารถทั้งหมดที่มี
พิษนานาชนิดได้ถูกปล่อยออกมาอย่างไม่ตระหนี่แม้แต่น้อย จากนั้นนางก็กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทักษะโยวหลัว!”
ฟึบ ฟึบ! เมื่อทักษะนี้ได้พุ่งลงไป ผู้ที่ถูกทักษะโยวหลัวเข้าไป แน่นอนว่ายากที่จะหนีรอดความตายไปได้
“บัวแดงพิฆาต!” แล้วกระบวนท่ากระบี่อีกกระบวนก็ได้ตามมา ดอกบัวเพลิงสีแดงได้ห้อมล้อมพวกเขาเอาไว้
ร่างสีม่วงได้พุ่งออกไป มู่เฉียนซีฝ่าวงล้อมนี้ออกไปได้
ในตอนนี้ นางอยู่ในที่มืดส่วนพวกเขาอยู่ในที่สว่าง นางจะไม่ยอมให้พวกเขาหลายสิบคนรุมโจมตีอย่างโง่งมหรอก!
คนเหล่านั้นกล่าวขึ้นด้วยความตะลึง “ถึงขั้นสุดแล้ว!”
“นางได้มาถึงขั้นสุดแล้ว!”
“จะต้องฆ่านางให้ได้ก่อนหน้านั้น! รีบตามไป ตามเด็กสาวนั่นไปโดยที่ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งสิ้น!”
“เร็วเข้า!”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าผู้ที่ต้องการจะฆ่านางนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งพวกเขายังรีบร้อนเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีได้ใช้สัมผัสแห่งพลังวิญญาณและอ้อมไปหลบอยู่ในที่ที่ไม่มีคน
แต่ทันใดนั้นในมุมหนึ่งก็พลันปรากฏคนผู้หนึ่งขึ้น และเขาได้ตบนางกระเด็นออกมาในฝ่ามือเดียว
ลำแสงสีฟ้าลำแสงหนึ่งห่อหุ้มตัวมู่เฉียนซีเอาไว้ นางกระเด็นลอยออกไปทั้งตัว
พลังของสุ่ยจิงอิ๋งได้ปกป้องมู่เฉียนซีเอาไว้ไม่ให้นางเป็นอะไร ส่วนผู้ที่อยู่ในความมืดนั้นเป็นคนประหลาดที่มีความสูงแค่เพียงหนึ่งมี่ เขาเดินออกมาแล้วกล่าว “เจ้ากลับมีอาวุธวิญญาณชนิดป้องกันอยู่ ดูเหมือนว่าข้าจะดูเบาเจ้าไปแล้ว”
“หัวหน้าปู่ โชคดีที่ท่านออกโรง! ถ้าหากมิใช่เพราะว่าท่านฝึกเคล็ดวิชาลับพิเศษ ด้วยพลังแห่งการรับรู้ของเด็กสาวผู้นี้ วันนี้พวกเราคงปล่อยให้มันหนีไปได้แน่แล้ว” คนอื่น ๆ ที่ไล่ตามมานั้นก็ได้เข้าไปพูดคุยกับชายร่างเล็กผู้นี้