ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 970 ปลอบใจอย่างสุดความสามารถ
ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะทำให้ราชาจิ่วเยี่ยสงบลงมาได้ มู่เฉียนซีจึงได้เริ่มกล่าวเกี่ยวกับสิ่งที่ได้รับมาในครั้งนี้
“ข้าได้กุญแจเทพเผ่ามังกรมาแล้ว ขอแค่เพียงหาที่ที่เผ่ามังกรอาศัยอยู่พบ พวกเราก็จะสามารถได้มาซึ่งเศษส่วนหนึ่งของคัมภีร์หมื่นคำสาป”
นี่เป็นการได้มาที่น่าตะลึงยิ่งนัก มู่เฉียนซีดีใจเป็นอย่างมาก
ถ้าหากว่าส่วนนั้นของคัมภีร์หมื่นคำสาปจากเผ่ามังกรมีวิธีการแก้คำสาปของจิ่วเยี่ยอยู่ละก็ เช่นนั้นก็จะสามารถแก้คำสาปที่อยู่ติดตัวของจิ่วเยี่ยได้
เรื่องดี ๆ เช่นนี้ แต่ใบหน้าของจิ่วเยี่ยกลับไร้ซึ่งการแสดงออกมาแม้แต่น้อย
“ซีต้องจำเอาไว้ว่าไม่มีอะไรที่จะสำคัญไปมากกว่าซี ถ้าหากว่าซียังกล้าที่จะเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ต่อไป ข้าคงปล่อยเจ้าไปไม่ได้”
เขากล่าวอย่างหนักแน่น ใบหน้าที่งดงามนั้นได้กลายเป็นเป็นแข็งกระด้างและเย็นชา
“เรื่องการค้นหาเผ่ามังกรนั้นให้ข้าจัดการเอง”
มู่เฉียนซีรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ฝ่าผ่านอันตรายมาเป็นร้อยพันมันไม่ง่ายเลยที่จะหาสิ่งของที่สำคัญเช่นนี้ได้ แต่กลับมาถูกดุว่าเป็นการใหญ่ ซ้ำจิ่วเยี่ยยังไม่ยินดีอีก
จิ่วเยี่ยจูบลงไปที่ริมฝีปากของมู่เฉียนซีเบา ๆ และมองดูใบหน้านั้นที่กำลังน้อยใจของนาง เขาเองก็ไม่สามารถที่จะใจแข็งต่อไปได้อีก
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง “ข้าเป็นห่วงซี ปวดใจเพราะซี เช่นนั้นแล้วจงอย่าได้ไปเสี่ยงอันตราย”
เรื่องในครั้งนี้มันเกินกว่ากำลังของนางไปมากมายนัก มันช่างอันตรายเป็นอย่างมากจริง ๆ
มู่เฉียนซีคว้าข้อแขนของเขาเอาไว้แล้วกัดเข้าไปคำหนึ่งจากนั้นก็กล่าว “เจ้าดุข้า!”
รสชาติหวานระคนคาวได้ส่งเข้าไปในปากของนาง
คิ้วของจิ่วเยี่ยนั้นไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย มู่เฉียนซีจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “ข้าอยากจะให้เจ้าดีใจ แต่นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะดุข้า…”
จูบของเขาประทับลงไปบนริมฝีปากที่มีเลือดสีสดติดอยู่ เขาสัมผัสมันเบาๆ “ข้าผิดไปแล้ว ต่อจากนี้ไปไม่ดุซีแล้ว”
เพียงแค่เงื้องอนเพียงเล็กน้อย เขาก็ปลดอาวุธยอมแพ้นางเสียแล้ว
“ซีอยากจะลงโทษข้าเช่นไรก็ได้ จะกัดต่อไปอีกก็ย่อมได้”
จิ่วเยี่ยแผ่เปิดร่างกายให้มู่เฉียนซีกัด เส้นผมที่ดำขลับเหมือนดั่งน้ำหมึกนั้นได้แผ่ออก ยิ่งทำให้ผิวสีขาวที่เหมือนดั่งหยกขาวนั้นยิ่งขาวใสขึ้นไปกว่าเดิมเสียอีก
มู่เฉียนซีกระโจนเข้าไปแล้วกัดเข้าไปอีก ถึงต่อให้จิ่วเยี่ยนั้นจะตามใจให้มู่เฉียนซีก่อเรื่องวุ่นวายตามใจอยาก แต่มีจุดจุดหนึ่งที่เขายังคงยืนกราน
“ครั้งหน้า หากพบเรื่องเช่นนี้อีกจะต้องให้ข้ามาถึงตั้งแต่แรก ห้ามแบกรับเอาไว้เพียงผู้เดียว”
มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าว “ข้ารู้แล้ว”
“ข้ารู้ว่าซีโกรธข้า ข้าจะปลอบใจซีให้สุดความสามารถ” ทันใดนั้นจิ่วเยี่ยก็พลันรุกเข้ามาใกล้
จูบนั้นประทับลงไปบนผิวหนังที่ขาวใส นั่นยิ่งทำให้มู่เฉียนซีกำลังจะพ่ายแพ้
นางได้ร้องตะโกนออกมา “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าปลอบประโลมเช่นนี้ เจ้า…เจ้าอยู่ให้ห่างจากข้าหน่อย”
จิ่วเยี่ยเลิกคิ้วขึ้นแล้วกล่าว “หรือการที่ข้าใช้ร่างกายปลอบประโลมซี ซียังไม่พอใจ?”
มู่เฉียนซีกลอกลูกตาในทันที “พอใจ? พอใจก็เป็นเรื่องแปลกแล้ว! ใครกันที่ใช้ให้เจ้าหน้าไม่อายเช่นนี้จิ่วเยี่ย”
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร!
“ขอแค่เพียงให้ซีได้รู้สึกถึงหัวใจของข้า ว่าหัวใจของข้ายังเต้นอยู่ก็พอแล้ว”
เดิมทีมู่เฉียนซีเพียงแค่น้อยเนื้อต่ำใจบ้างเล็กน้อย แต่มาตอนนี้ได้ถูกจิ่วเยี่ยทรมานเสียจนแทบจะระเบิดปะทุออกมาดั่งภูเขาไฟเสียแล้ว
“ตอนนี้เจ้าจงรีบไสหัวกลับไปยังสถานที่ของเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”
จิ่วเยี่ยกล่าวตอบ “มีแหวนที่ซีหลอมให้ข้า ตอนนี้ข้ายังสามารถยับยั้งมันเอาไว้ได้อยู่ ข้าจะไม่จากไปโดยเร็วแน่”
ส่วนกู้ไป๋อีที่กำลังพักฟื้นอยู่อย่างสงบ ทุก ๆ วันมู่เฉียนซีนั้นก็จะไปเยี่ยมดูเขา
แต่ทว่าทุกครั้งหลังจากมู่เฉียนซีกลับมาจากการไปเยี่ยมดูกู้ไป๋อี ราชาจิ่วเยี่ยก็ไม่ค่อยจะพอใจนัก
“ชายผู้นั้นไม่ตายหรอก ซีดูข้าก็พอแล้ว”
ปรากฏว่าถึงเวลากลางคืนตอนเข้านอนก็อย่าได้คิดว่าจะสงบสุข
ผลของหยกเย็นศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เลว สถานการณ์ของจิ่วเยี่ยในการพบกันครั้งนี้ดีกว่าครั้งก่อนหน้าอย่างมาก
เมื่อมีมู่เฉียนซีคอยรักษา กู้ไป๋อีก็ฟื้นตัวได้รวดเร็วเป็นอย่างมาก
เมืองเฮยตูไร้ซึ่งฝ่าบาทผู้ปกครองเมืองแล้วแต่มันก็ยังคงเป็นเมืองเฮยตูอยู่เช่นเดิม เพราะว่ายังคงมีราชทินนามหานและราชทินนามโยวคอยดูแลอยู่
แต่พวกเขาทั้งสองคนกำลังจะจากไปแล้ว ราชทินนามเฮยก็เป็นกังวลอยู่บ้าง
“นายท่าน ถ้าหากว่าพวกท่านจากไป ข้า…ข้าเกรงว่าคงจะ…คงจะไม่สามารถควบคุมคนพวกนั้นเอาไว้ได้”
ทั้งเมืองเฮยตูนั้นก็เหลือตำแหน่งราชทินนามแค่เพียงนางคนเดียวเท่านั้นแล้ว
จิ่วเยี่ยโบกสะบัดมือ โครงกระดูกสีแดงนับสิบร่างก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของราชทินนามเฮย
“อย่ามารบกวนซี!”
น้ำเสียงอันเย็นชาของจิ่วเยี่ยทำให้ราชทินนามเฮยตกใจกลัว
มู่เฉียนซีกล่าว “มนุษย์โครงกระดูกเหล่านี้แข็งแกร่งพอที่จะให้เจ้าสามารถคุมสถานการณ์ได้อยู่ เจ้าเฝ้าเมืองเฮยตูเอาไว้ ป้องกันมิให้ข่าวเล็ดลอดออกไปข้างนอก เข้าใจหรือไม่?”
ราชทินนามเฮยพยักหน้ากล่าว “รับทราบ!”
หลังจากจัดการเสร็จสิ้น มู่เฉียนซีก็ได้จากไป
กู้ไป๋อีอัญเชิญอีกาดำตัวน้อยออกมา แต่ทว่าจิ่วเยี่ยนั้นอดไม่ได้ที่จะให้มู่เฉียนซีต้องหลั่งโลหิต เขาได้กอดตัวมู่เฉียนซีเอาไว้แล้วพุ่งขึ้นไปกลางอากาศออกไปจากเมืองเฮยตูและเหลือเอาไว้เพียงกู้ไป๋อีตัวคนเดียว
อีกาดำน้อยเองก็ตะลึงงัน “ท่านราชทินนามหาน พวกเราจะไปกันหรือไม่?”
กู้ไป๋อีกล่าว “ไป! ต้องไปให้ไว!”
“ขอรับ ท่านราชทินนามหาน”
เมื่อออกมาจากเมืองเฮยตู จิ่วเยี่ยและมู่เฉียนซีก็ปรากฏตัวขึ้นที่กลางทะเลทรายดำ
มู่เฉียนซีมองเห็นมังกรปีกทมิฬหยิ่งผยองที่ไปส่งพวกเขาในตอนนั้น เมื่อมันได้เห็นบุรุษผู้ที่เป็นเหมือนดั่งเทพมาร มันก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่น่ากลัวนั้น และมันเกือบที่จะร่วงลงมากจากกลางอากาศ
มันค่อย ๆ บินลดระดับลงมา และคดตัวอยู่บนพื้นอย่างนอบน้อมรอให้พวกเขาขึ้นไป
ไฉนเลยจะมีอาการที่ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา และอาการดูถูกดูแคลนผู้อื่นเหมือนดั่งตอนนั้น
มันเปิดปากเอ่ยขึ้น “ขอแสดงความยินดีต่อทั้งสองท่านที่ผ่านการทดสอบของเมืองเฮยตู ข้าจะส่งพวกท่านไปจากทะเลทรายดำในทันที”
จิ่วเยี่ยได้อุ้มมู่เฉียนซีขึ้นไปบนหลังของมังกรปีกทมิฬ มันบินขึ้นไปกลางอากาศอย่างระมัดระวัง ส่วนจิ่วเยี่ยนั้นก็กอดมู่เฉียนซีเอาไว้โดยมิได้ปล่อยมือ
เมื่อกู้ไป๋อีออกมาได้ พวกเขาก็ได้บินไปเสียแล้ว และเห็นแค่เพียงจุดสีดำเล็กจุดหนึ่งบนฟ้าเท่านั้น
อีกาดำน้อยกล่าว “มังกรปีกทมิฬไปก่อนเสียแล้ว ท่านราชทินนามหานทำได้เพียงรอให้มันกลับมารับท่านอีกครั้ง ความรวดเร็วของมันนั้นเร็วนัก ไม่นานนักหรอก ขอให้ท่านรอสักหน่อย”
อีกาดำน้อยมีทัศนคติที่ดี อย่างไรเสียเจ้าแห่งเมืองเฮยตูในตอนนี้ก็มิใช่หลงฉือแล้ว หากแต่เป็นราชทินนามโยวที่เพิ่งจากไป
ในตอนนี้เถ้าแก่ของหอดำกล่าว “ท่านพ่อครัวใหญ่ มีผู้รอดชีวิตออกมากจากเมืองเฮยตู!”
ชายชราผู้หนึ่งเดินออกมาจากห้องครัวและกล่าวว่า “ข้าจะไปพบพวกเขา!”
เมื่อคืนมู่เฉียนซีถูกทรมานโดยจิ่วเยี่ยจึงมีสภาพค่อนข้างอนาถเล็กน้อย อีกทั้งความเร็วในการโบยบินของมังกรปีกทมิฬนั้นเชื่องช้าเป็นอย่างมาก มู่เฉียนซีจึงได้พิงอ้อมอกของจิ่วเยี่ยหลับไปเช่นนี้
จิ่วเยี่ยได้ให้มังกรปีกทมิฬบินให้ช้าลงกว่าเดิม
จากนั้นไม่นานนักพวกเขาก็ได้ลงมายังพื้นที่แห่งนั้นในหอดำ เมื่อรู้ว่าพวกเขามาถึงแล้ว เถ้าแก่จึงได้เปิดประตูแล้วกล่าว “ยิน…”
ไม่ทันที่คำพูดของเขาจะได้ออกจากปาก ดวงตาสีฟ้าอันเยือกเย็นของจิ่วเยี่ยก็ได้มองไปทางเขา ทำให้เขากล่าวอะไรไม่ออก
เถ้าแก่นั้นรู้สึกตกใจเล็กน้อย เขาควบคุมหอดำมานานพบเจอผู้ที่แข็งแกร่งมาก็ไม่น้อย แต่ผู้ที่อันตรายเช่นนี้เขานั้นไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ในตอนนี้เอง ชายผู้มีอายุในชุดคลุมยาวสีขาวก็ได้เข้ามา
เส้นผมของเขานั้นได้กลายเป็นสีขาวไปแล้วกว่าครึ่ง
อายุของเขานั้นไม่มากไม่น้อย แต่ก็สามารถที่จะมองออกได้ว่าหน้าตาของเขาในตอนที่เป็นรุ่นหนุ่มนั้นไม่เลวเลย
เขาเดินเข้ามา บาทานั้นมิได้เหยียบย่างอยู่บนพื้น ชุดสีขาวที่เขาสวมใส่ปลิวไสวลอยลมอย่างแผ่วเบาราวกับเทพเทวาก็มิปาน
คนผู้นี้มิธรรมดา สีหน้าของจิ่วเยี่ยเย็นชาในทันที
สายตาของเขามองไปยังมู่เฉียนซีที่อยู่ในอ้อมอก ในสายตาของเขาส่องประกายวาบออกมา “เจ้าหนุ่ม ส่งตัวเด็กสาวในอ้อมกอดผู้นั้นมาให้ข้า”
กล้าที่จะมาเอาตัวผู้ที่เป็นแก้วตาดวงใจของจิ่วเยี่ย เช่นนั้นเป็นการที่ทำให้จิ่วเยี่ยโกรธเกรี้ยวอย่างแน่นอน
เขาจะไม่ส่งตัวให้อย่างแน่นอน!
“อีกทั้งคนผู้นั้นจะต้อง ตาย!
.
.