ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 108 ตื่นรู้
พลังวิญญาณที่อวี้ฮ่าวหรานโคจรเข้าไปในร่างของเจ้าลูกกวาดมันเริ่มส่งผลให้สติปัญญาของมันเพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ รวมไปถึงภายในร่างกายของมันเองก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
หลังจากผ่านไปราว 5 นาที แววตาของเจ้าลูกกวาดก็ดูสดใสขึ้น และตัวของมันก็ใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย
การเปลี่ยนแปลงนี้หลี่หรงสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
“พี่เขย…ทำไมจู่ ๆ เจ้าลูกกวาดมันถึงดูตัวใหญ่ขึ้นแบบนี้แล้วดวงตาของมัน..มันเหมือนกับว่ามันดูรู้ความมากขึ้นกว่าเดิม!”
หลี่หรงอุทานขึ้นพลางอุ้มเจ้าลูกกวาดมาดูใกล้ ๆ เธอมองสำรวจมันอย่างละเอียดซึ่งเธอก็เห็นว่าตัวของมันน่าจะใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
“เอาล่ะทีนี้พวกเรามาลองสั่งมันอีกรอบกันดีกว่า รอบนี้มันน่าจะพอรู้เรื่องบ้างแล้ว”
อวี้ฮ่าวหรานพูดขึ้นพร้อมกับจับเจ้าลูกกวาดที่กำลังอยู่ในมือหลี่หรงเอามาวางลงตรงหน้า และเริ่มออกคำสั่งกับมันทันที
“ลูกกวาด นอนหงาย!”
“ว้าว!”
ถวนถวนตะโกนร้องด้วยสีหน้าตื่นเต้นเพราะคราวนี้หลังจากที่พ่อของเธอออกคำสั่ง เจ้าลูกกวาดทำตามในทันทีไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้เลย!
“พ่อจ๋า พ่อเก่งที่สุดเลย! ลูกกวาดฟังคำสั่งเราแล้ว!”
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เขาเองก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ เขามั่นใจว่าเจ้าลูกกวาดตอนนี้ฉลาดขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวแน่นอน ดังนั้นเขาจึงสั่งมันต่อ
“ลูกกวาดลุกขึ้นแล้วยืน 2 ขา!”
แน่นอนว่าเป็นอย่างที่อวี้ฮ่าวหรานคาดเอาไว้ เจ้าลูกกวาดทำตามคำสั่งได้อย่างเป็นธรรมชาติราวกับว่ามันเข้าใจภาษามนุษย์ 100%
“ลูกกวาดหมุนตัวเป็นวงกลม!”
“ลูกกวาดขอมือ!”
อวี้ฮ่าวหรานออกคำสั่งไปเรื่อย ๆ ซึ่งเจ้าลูกกวาดก็สามารถทำตามคำสั่งทั้งหมดได้ถูกต้องอย่างไม่มีปัญหาเลย!
“แม่หรงดูสิ เจ้าลูกกวาดมันฉลาดมาก ๆ เลย! มันฉลาดสุด ๆ ไปเลย!”
ถวนถวนตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“พี่เขย พี่ทำได้ยังไง?”
หลี่หรงมองอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าตกตะลึง นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป แค่แตะหัวลูกหมาครู่เดียวก็สามารถทำให้ลูกหมาฉลาดขึ้นทันตาเห็นแบบนี้พี่เขยของเธอมีเวทมนตร์รึไงกัน?
“เอ่อ…อันที่จริงมันฉลาดอยู่แล้ว พี่ก็แค่…แตะหัวมันทำให้มันเชื่อฟังพี่มากขึ้นก็แค่นั้น…”
อวี้ฮ่าวหรานไม่รู้จะอธิบายยังไง หลี่หรงไม่มีวันเข้าใจแน่หากเขาพูดความจริงออกไปดังนั้นเขาจึงแต่งเรื่องขึ้นมา…
“พ่อจ๋า ให้หนู ให้หนูลองสั่งเจ้าลูกกวาดดูบ้าง!”
เมื่อเห็นว่าเจ้าลูกกวาดทำตามที่อวี้ฮ่าวหรานสั่งทุกอย่าง ถวนถวนก็เริ่มแสดงสีหน้ามีความหวังขึ้นมาอีกครั้งแตกต่างจากเมื่อครู่ที่สีหน้าของเด็กน้อยหดหู่อย่างชัดเจน
“ลูกกวาดนั่งลง!”
ครั้งนี้ในทันทีที่ถวนถวนออกคำสั่ง ลูกกวาดนั่งลงตามที่เด็กน้อยบอกทันที
“ฮ่าฮ่า ลูกกวาดฟังคำสั่งหนูแล้ว พ่อสุดยอดที่สุดไปเล้ย!”
จากนั้น ถวนถวนออกคำสั่งอีกหลายอย่างซึ่งเจ้าลูกกวาดก็ตามทำตามที่เด็กน้อยบอกอย่างว่าง่าย ซึ่งมันยิ่งทำให้ถวนถวนร่าเริงสุดขีด
ตอนนี้เด็กน้อยมั่นใจมากว่าเธอจะไม่อายเพื่อน ๆ ของเธอแน่นอนเมื่อเธอพาลูกกวาดออกไปแสดงที่โรงเรียน
หลังจากปล่อยให้ถวนถวนเล่นกับลูกกวาดไปได้พักใหญ่ หลี่หรงก็ดูเวลาซึ่งตอนนี้มันเป็นเวลาเข้านอนของถวนถวนแล้ว
“ถวนถวน พวกเราไปนอนกันดีกว่า” หลี่หรงลูบหัวถวนถวนและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อื้ม!” ถวนถวนพยักหน้าด้วยสีหน้ามีความสุข
เมื่อเห็นว่าหมาของตัวเองเชื่อฟังมากขนาดนี้ ถวนถวนก็อารมณ์ดีจนไม่อิดออดต่อคำพูดของหลี่หรงแม้แต่น้อย
เช้าวันต่อมา อวี้ฮ่าวหรานแต่งตัวเรียบร้อยแล้วและพร้อมที่จะไปส่งถวนถวนไปโรงเรียน
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ออกไป จู่ ๆ ที่ประตูทางเข้าก็มีเสียงเคาะดังขึ้น
ใครกันมาเคาะห้องตั้งแต่เช้า?
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาไม่ได้รู้จักกับคนแถวนี้สักเท่าไหร่ ดังนั้นมันไม่น่าจะมีเพื่อนบ้านคนไหนที่มาเคาะห้องเขาแบบนี้
ด้วยความสงสัยเขาจึงใช้เนตรเทวะมองออกไปที่อีกด้านของประตู ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่าตอนนี้ที่หน้าห้องมีชายฉกรรจ์ร่างกำยำในชุดสูทสีดำ 7-8 คนยืนรออยู่ด้านนอก
อย่างไรก็ตาม สองคนในนั้นเป็นคนที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาซึ่งก็คือโจวเฟยหู่ หัวหน้าแก็งค์พยัคฆ์เวหาที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตไปไม่นานมานี้ และหวังเหยียนลูกน้องของโจวเฟยหู่
“ถวนถวน ลูกไปอยู่กับแม่หรงก่อนนะ”
ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะเป็นคนที่อวี้ฮ่าวหรานรู้จัก แต่จิตใจคนเรามันคาดเดากันยาก ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของถวนถวน เขาจึงให้ลูกสาวของตัวเองอยู่ห่างจากประตูเอาไว้ก่อนดีกว่า
อวี้ฮ่าวหรานค่อย ๆ เปิดประตู
โจวเฟยหู่เผยรอยยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นว่าประตูเปิดออกและคนที่เปิดประตูก็เป็นอวี้ฮ่าวหราน
“ฮ่าฮ่า ที่นี่เป็นที่อยู่ของน้องอวี้จริง ๆ ด้วย! ฉันไม่นึกเลยว่าคนอย่างน้องอวี้จะสมถะขนาดนี้!”
ไม่เหมือนครั้งแรกที่เขาได้เจอกับอวี้ฮ่าวหราน คราวนี้เสียงของเขาไม่อ่อนแรงเหมือนคราวที่แล้ว เสียงหัวเราะและเสียงพูดของเขาดังลั่นไปทั้งชั้นเลยทีเดียว
“มีอะไรกันรึเปล่าทำไมถึงมาหาผมตั้งแต่เช้าแบบนี้?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นด้วยท่าทางระแวดระวังอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทางด้านของโจวเฟยหู่ก็สังเกตเห็นเช่นกันดังนั้นเขาจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“น้องอวี้ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาสร้างปัญหา นายช่วยชีวิตฉันเอาไว้รอบที่แล้ว ดังนั้นการที่ฉันมาวันนี้ฉันมาเพื่อขอบคุณนายก็แค่นั้นเอง”
โจวเฟยหู่เหลือบมองเข้าไปด้านในห้องชั่วครู่หนึ่งในระหว่างที่พูด จากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังกลับไปอีก 2-3 ก้าวด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
“ดูเหมือนว่าฉันคงมาในเวลาไม่เหมาะเท่าไหร่สินะ ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ น้องอวี้”
สิ่งที่โจวเฟยหู่เห็นแล้วทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนก็คือถวนถวนที่กำลังมองมาที่เขาและลูกน้องด้วยสายตาหวาดกลัว และลูกหมาที่กำลังยืนขวางหน้าประตูพร้อมกับเห่าพวกเขาไม่หยุด
“แม่หรง หนูกลัว…”
ถวนถวนเอ่ยขึ้นพร้อมกับกอดหลี่หรงแน่น
แน่นอนว่ามันไม่แปลกที่เด็กน้อยจะตื่นกลัว เพราะพวกของโจวเฟยหู่แต่ละคนล้วนมีหน้าตาที่ขึงขังดูไม่เป็นมิตรเลยแม้แต่น้อยถึงแม้ว่านี่จะเป็นสีหน้าปกติของพวกเขาก็ตาม
“อะแฮ่ม ดูเหมือนว่าพวกลูกน้องของฉันจะดูน่ากลัวไปหน่อยจนทำให้หนูน้อยกลัวซะแล้ว… เฮ้ ทำไมหน้าตาของพวกแกถึงได้ดูน่ากลัวแบบนี้ พวกแกช่วยทำหน้าทำตาให้มันน่าคบหาสักหน่อยจะได้ไหม!”
โจวเฟยหู่พูดกับอวี้ฮ่าวหรานก่อนด้วยท่าทางสุภาพ จากนั้นเขาหันกลับไปพูดเสียงต่ำใส่ลูกน้องตัวเอง
บรรดาลูกน้องของโจวเฟยหู่ที่โดยตำหนิต่างแสดงสีหน้าโง่งม พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี
หัวหน้า! พวกเราเป็นแก็งค์ใต้ดินของเมืองฮ่วยอันนะ พวกเราควรทำตัวให้น่ากลัวสิถึงจะถูก!
และอีกอย่างหัวหน้าจ้างพวกเรามาทำให้ผู้คนเกรงกลัวไม่ใช่รึไง? ไหงตอนนี้มาบอกให้พวกเราทำหน้าตาให้น่าคบหาซะงั้น?
“รับทราบ!”
อย่างไรก็ตาม บรรดาลูกน้องของโจวเฟยหู่ก็ยังคงเชื่อฟังหัวหน้าแก็งค์ของตัวเองไม่ว่าคำสั่งของเขามันจะฟังดูน่างงงวยสักแค่ไหน
พวกเขาต่างพยายามยิ้มยิงฟันกันสุดฤทธิ์ ซึ่งสีหน้าของพวกเขามันไม่เป็นธรรมชาติเป็นอย่างมากจนกลายเป็นน่ากลัวกว่าเดิมซะอีก
โจวเฟยหู่เมื่อเห็นเช่นนี้เขาได้แต่ถอนหายใจยาว จากนั้นเขาโบกมือไล่ให้ลูกน้องของเขาทุกคนกลับลงไปรอที่หน้าตึก ซึ่งมันคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
หลังจากลูกน้องของเขาลงไปหมดแล้ว โจวเฟยหู่จึงหันกลับมายิ้มและพูดกับอวี้ฮ่าวหราน “น้องอวี้ อย่าถือสาฉันเลยนะ คือช่วงนี้มันมีคนตามล่าฉันอยู่ดังนั้นฉันจำเป็นต้องพาลูกน้องไปไหนต่อไหนด้วยตลอดเวลา”