ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 109 ชักชวน
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าหลังจากได้ยินฝั่งตรงข้ามอธิบาย มันคงเป็นเรื่องประหลาดอย่างที่หากฝั่งตรงข้ามไม่พาลูกน้องไปไหนต่อไหนด้วยหลังจากตัวเองเพิ่งโดนไล่ฆ่าไม่นานมานี้
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานไม่นึกเช่นกันว่าโจวเฟยหู่จะซาบซึ้งในบุญคุณที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้ถึงขนาดมาขอขอบคุณด้วยตัวเองถึงหน้าบ้านเขาแบบนี้ทั้ง ๆ ที่หวังเหยียนก็ช่วยให้เขาเข้าไปในงานประมูลไปแล้ว
“คุณคงไม่ได้มาที่นี่เพราะแค่ต้องการจำขอบคุณเพียงอย่างเดียวใช่ไหม?”
“ฮ่าฮ่า น้องอวี้นี่ช่างมีสายตาที่แหลมคมจริง ๆ ถูกต้องแล้ว นอกจากขอบคุณฉันมีเรื่องที่อยากจะคุยด้วยอีกนิดหน่อย”
โจวเฟยหู่หัวเราะเสียงดัง เขาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกอะไรที่อวี้ฮ่าวหรานจะมองเขาออกแบบนี้
“ตอนนี้ผมคงยังไม่ว่างฟังเรื่องของคุณ ผมต้องไปส่งลูกของผมไปโรงเรียน เอาไว้ผมมีเวลาเมื่อไหร่พวกเราค่อยคุยกันอีกทีก็แล้วกัน”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดจะฟังเรื่องของโจวเฟยหู่ แถมเขายังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่จู่ ๆ ฟังตรงข้ามก็โผล่หน้ามาทำให้ลูกสาวของเขาตื่นตระหนก
“ไอ้หยา ฉันขอโทษด้วยจริง ๆ น้องอวี้ ฉันไม่รู้ว่าการมาเวลานี้มันไม่เหมาะ ถ้างั้นนายรีบไปส่งลูกของนายเถอะ… เอ่อ… แต่…แต่เมื่อไหร่น้องอวี้พอจะมีเวลางั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำตอบของฝั่งตรงข้าม โจวเฟยหู่พลันแสดงสีหน้ารู้สึกผิดปนผิดหวังทันที แต่เขายังคงอยากจะคุยกับอวี้ฮ่าวหราน ดังนั้นเขาจึงกลั้นใจถามออกไปอีกที
“ถ้างั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยววันนี้ฉันจะไปนั่งรอที่ร้านน้ำชาพฤกษาสวรรค์ หากน้องอวี้ว่างเมื่อไหร่ก็ไปพบกับฉันที่นั่นได้ ฉันจะรออยู่ที่นั่นทั้งวัน”
หลังจากพูดจบ เพื่อไม่ให้อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกอึดอัดมากไปกว่าเดิม โจวเฟยหู่จึงเดินลงบันไดไปในทันที
เมื่อเห็นโจวเฟยหู่เดินจากไปอย่างสงบ อวี้ฮ่าวหรานพลันพยักหน้าอย่างพึงพอใจ คนคนนี้เป็นคนที่รู้จักกาลเทศะ และอีกอย่างฝั่งตรงข้ามไม่รู้ว่าทุกช่วงเวลานี้เขาต้องไปส่งถวนถวน ดังนั้นเขาจึงไม่ถือโทษฝั่งตรงข้ามอีกต่อไป
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานก็ตัดสินใจว่า หลังจากที่เขาส่งถวนถวนเสร็จ เขาคงจะแวะไปคุยกับฝั่งตรงข้ามสักหน่อย
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป อวี้ฮ่าวหรานก็พาถวนถวนไปถึงโรงเรียนอนุบาล
วันนี้สวีรุ่ยรับหน้าที่เป็นคนต้อนรับเด็กนักเรียนที่หน้าประตูอีกครั้ง เมื่อเธอเห็นถวนถวนเดินเข้ามา เธอจึงเอ่ยทักทายทันที
“ถวนถวนเป็นยังไงบ้างเอ่ย เมื่อวานกลับไปฝึกเจ้าลูกกวาดที่เล่าให้ครูฟังมารึเปล่าจ้ะ?”
“ครูสวี! พ่อของหนูเก่งที่สุดเลย! พ่อของหนูทำให้เจ้าลูกกวาดเชื่อฟังหนูทุกอย่างเล้ย!”
หลังจากถูกสวีรุ่ยถาม ถวนถวนตอบกลับอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“อื้ม ถ้ามีพ่อของถวนถวนคอยช่วย งั้นถวนถวน คงจะได้ที่ 1 แน่ ๆ เลย!” สวีรุ่ยลูบหัวถวนถวนด้วยความเอ็นดูพลางเหลือบมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาเขินอายเล็กน้อย
หลังจากทักทายกันได้อีกครู่หนึ่ง สวีรุ่ยก็พาถวนถวนเดินเข้าไปในโรงเรียนซึ่งอวี้ฮ่าวหรานก็ยืนดูจนลูกสาวของเขาลับตาไป
หลังจากส่งถวนถวนเสร็จเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถไปที่ร้านน้ำชาพฤกษาสวรรค์ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักทันที
การตกแต่งที่ด้านในร้านน้ำชาแห่งนี้คล้ายกับศิลปะการตกแต่งสิ่งก่อสร้างโบราณในสมัยก่อนซึ่งมันทำให้อวี้ฮ่าวหรานมองแล้วรู้สึกถูกใจมาก ๆ
“พี่อวี้ ทางนี้! หัวหน้าของผมกำลังรอพี่อยู่!”
จู่ ๆ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นไม่ไกลจากอวี้ฮ่าวหราน ซึ่งคนที่ตะโกนก็คือคนแซ่เซี่ย คนที่เพิ่งโดนอวี้ฮ่าวหรานสั่งสอนไปไม่นานมานี้แล้วได้หวังเหยียนปรากฏตัวขึ้นมาช่วยทัน
คนแซ่เซี่ยเดินจ้ำเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยท่าทางสุภาพจากนั้นเขาเอ่ยว่า “หัวหน้าโจวสั่งให้ผมมารอรับพี่ข้างล่างนี้ พี่อวี้โปรดตามผมขึ้นไปที่ห้อง vip บนชั้น 2 ได้เลย หัวหน้าโจวกำลังรอพี่อยู่ที่นั่น…”
เมื่อถึงคำนี้ คนแซ่เซี่ยพลันแสดงสีหน้าลังเลเล็กน้อยก่อนจะสูดหายใจลึกและพูดต่อว่า “พี่อวี้ เรื่องที่ผ่านมาผมขอโทษพี่ด้วยจริง ๆ ผมหวังว่าพี่จะยกโทษให้ผมแล้วช่วยพูดกับหัวหน้าโจวให้ผมที ไม่งั้นอนาคตผมคงอยู่ยากแน่นอน ผมสัญญาว่าถ้าพี่ช่วยผม นับจากนี้ไปไม่ว่าพี่จะบอกให้ผมช่วยอะไรผมจะทำให้พี่ทุกอย่าง!”
“อืม นำทางขึ้นไปเถอะ”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อยให้กับคนแซ่เซี่ย จากนั้นเขาส่งสัญญาณให้ฝั่งตรงข้ามนำเขาไป เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว
เมื่อขึ้นไปบนชั้น 2
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำในชุดสูทสีดำราว 20 คนกำลังยืนทำหน้าเข้มอยู่หน้าประตูห้อง ห้องหนึ่ง
อย่างไรก็ตามด้วยการนำของคนแซ่เซี่ย อวี้ฮ่าวหรานก็สามารถผ่านกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นและเข้าไปในห้อง VIP ได้อย่างง่ายดาย
“ฮ่าฮ่า น้องอวี้มาจริง ๆ ด้วย! ฉันไม่เสียเวลาไปเปล่า ๆ แล้ว!”
ในทันทีที่เห็นอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามาในห้อง โจวเฟยหู่ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นทันที
อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตาดูรอบห้อง ซึ่งเขาพบว่าที่ด้านในก็มีชายฉกรรจ์ในชุดสูทอยู่อีก 8 คน
“น้องอวี้ ไม่ต้องกังวล สาเหตุที่วันนี้มีคนมากับฉันเยอะเป็นเพราะว่าหวังเหยียนดึงดันให้พาคนมาเยอะ ๆ เพื่อคอยปกป้องฉัน นับตั้งแต่ที่ฉันโดนหักหลังไปล่าสุดเขาก็กังวลในความปลอดภัยของฉันมาก”
โจวเฟยหู่อธิบายขึ้นทันทีเมื่อเห็นสายตาของอวี้ฮ่าวหรานที่มองไปรอบ ๆ ห้อง จากนั้นเขาผายมือไปยังโซฟาฝั่งตรงข้ามและพูดต่อ
“น้องอวี้ เชิญนั่งก่อนสิ”
“แต่ถ้าน้องอวี้รู้สึกไม่สบายใจที่พวกเขาอยู่ด้วย ฉันบอกให้พวกเขาออกไปทั้งหมดก็ได้ รวมไปถึงพวกข้างนอกด้วย เอาแบบนั้นดีไหม?”
ด้วยความกลัวว่าฝั่งตรงข้ามจะรู้สึกอึดอัดเกินไป โจวเฟยหู่ จึงถามขึ้นอีกรอบ ส่วนเรื่องความปลอดภัยของตัวเขาเองนั้น เขาไม่กลัวเลยเพราะจากรอบที่แล้วที่เขาได้เห็นความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหรานมาแล้ว หากฝั่งตรงข้ามจะฆ่าเขา ลูกน้องของเขาเกือบ 30 คนที่พามาคงเอาไม่อยู่ ๆ แล้ว หรือถ้ามีศัตรูของเขาบุกมาตอนนี้ การที่เขามีอวี้ฮ่าวหรานอยู่ด้วย มันก็ปลอดภัยซะยิ่งกว่าเวลาที่เขามีลูกน้องทั้งแก็งค์ล้อมรอบเสียอีก!
กลับกัน อวี้ฮ่าวหรานกลับโบกมือแสดงสัญญาณว่าไม่เป็นไร จากเหตุการณ์ที่โจวเฟยหู่โดนไล่ฆ่าเมื่อหลายวันที่แล้ว การที่เขามีคนติดตามมาด้วยเยอะขนาดนี้นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“คุณเรียกผมมาคุยที่นี่มีเรื่องอะไร?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามเข้าประเด็นทันที
“ฮ่าฮ่า น้องอวี้เป็นคนตรงดีจริง ๆ ฉันโจวเฟยหู่ชอบคนอย่างนายที่สุด!”
เมื่อได้ยินคำถามของอวี้ฮ่าวหราน โจวเฟยหู่หัวเราะเสียงดังด้วยความชอบใจ แต่แล้ววินาทีถัดมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังและตอบกลับ “เอาล่ะในเมื่อน้องอวี้ถามมาตรง ๆ แบบนี้ งั้นฉันจะขอพูดตรง ๆ เลยก็แล้วกัน แก็งค์พยัคฆ์เวหาของฉันนับได้ว่าเป็นแก็งค์ที่ใหญ่อันดับต้น ๆ ในเมืองฮ่วยอัน ส่วนนายคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา ดังนั้นหากนายมาเข้าแก็งค์ของฉัน ฉันสัญญาว่าฉันจะพานายรุ่งโรจน์แบบที่ไม่มีใครให้นายได้แน่นอน!”
แน่นอนว่าสาเหตุที่โจวเฟยหู่อยากมาเจออวี้ฮ่าวหรานวันนี้ก็เพราะเขาอยากได้อวี้ฮ่าวหรานมาเข้าร่วมแก็งค์ของเขา
“น้องอวี้ ฉันให้สัญญากับนายตรงนี้เลยก็ได้ ว่าเมื่อไหร่ที่นายพิสูจน์ตัวเองกับแก็งค์ของฉันจนเป็นที่น่าพอใจ ฉันจะยกตำแหน่งหัวหน้าแก็งค์ให้นายไปเลย!”
“ยกตำแหน่งหัวหน้า!? ไม่ได้นะหัวหน้า! แก็งของเราถูกก่อตั้งโดยหัวหน้า หัวหน้าจะยกแก็งค์ให้คนอื่นแบบนั้นไม่ได้!” คนแซ่เซี่ยสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินคำพูดของโจวเฟยหู่ เขารีบพูดขึ้นค้านทันที!