ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 112 ช่วงเวลาอบอุ่น
หลังจากขอบคุณคนแซ่เซี่ยเสร็จ สวีรุ่ยก็ไม่สนใจอะไรเขาอีก เพราะเธอแน่ใจว่าอวี้ฮ่าวหรานน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พ่อของเธอกลับมาได้แบบนี้
ไม่เช่นนั้นคนที่ดูน่ากลัวและไม่น่าไว้ใจแบบนี้ อยู่ ๆ จะมาช่วยพ่อของเธอได้ยังไง?
“คุณอวี้ ฉันขอบคุณมาก ๆ!” สวีรุ่ยหันกลับมาขอบคุณอวี้ฮ่าวหรานอีกรอบพร้อมกับจับมือเขา “เย็นนี้คุณมาที่บ้านของฉันหน่อยได้ไหม ฉันขอทำอาหารเพื่อเลี้ยงขอบคุณคุณสักครั้ง!”
ความคิดแรกที่อวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำเชิญของสวีรุ่ย เขาคิดจะปฏิเสธทันที เพราะหลี่หรงคงรอให้เขากลับไปกินข้าวที่บ้านเหมือนกัน
“เอ่อ… ถ้าเป็นวันนี้คงไม่ได้หรอก เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน วันนี้ที่บ้านผม…”
“คุณอวี้ ให้ฉันได้ทำอาหารเลี้ยงคุณในวันนี้เถอะฉันขอร้อง! นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันพอจะทำเพื่อตอบแทนให้คุณได้ ไม่งั้นฉันคงสงบใจไม่ได้แน่นอน!” สวีรุ่ยพูดขึ้นแทรกทันทีเมื่อได้ยินอวี้ฮ่าวหรานกำลังปฏิเสธ
“พ่อจ๋า หนูอยากกินอาหารฝีมือครูสวีวันนี้เหมือนกัน!”
ถวนถวนดึงชายเสื้ออวี้ฮ่าวหรานพร้อมกับเอ่ยขึ้นเสริม เด็กน้อยติดใจในฝีมือการทำอาหารของสวีรุ่ยเป็นอย่างมาก เพราะช่วงหลังมานี้สวีรุ่ยทำอาหารมาจากที่บ้านเผื่อให้ถวนถวนกินที่โรงเรียนแทบทุกวัน
“เอ่อ… ถ้างั้นก็ได้ วันนี้ผมไปกินอาหารเย็นที่บ้านคุณก็แล้วกัน”
ปกติอวี้ฮ่าวหรานตามใจลูกสาวของเขามากอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อโดนลูกสาวของตัวเองเอ่ยปากแบบนี้เขาจึงตอบตกลงด้วยสีหน้าจนใจ
จากนั้น อวี้ฮ่าวหรานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกไปหาหลี่หรง
“เย็นนี้พี่กับถวนถวนมีธุระนิดหน่อย พวกเราจะกินอาหารกันเองข้างนอกนะ เธอกินข้าวไปก่อนได้เลยไม่ต้องรอ เธอโอเคไหม?”
หลี่หรงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับว่า “อืม พี่กับถวนถวนไปเถอะ จริง ๆ แล้วพี่ไม่ต้องโทรมาขออนุญาตฉันก็ได้ เอาเป็นว่าขากลับก็ขับรถดี ๆ ล่ะ”
ถึงแม้ว่าหลี่หรงจะตอบตกลง แต่น้ำเสียงของเธอดูไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่ ซึ่งอวี้ฮ่าวหรานสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน
“ไม่ต้องห่วง พี่กับถวนถวนจะรีบกลับ”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็วางสายไปด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย
ทำไมช่วงนี้น้องภรรยาของเขาอารมณ์อ่อนไหวง่ายขนาดนี้?
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างลงตัวแล้ว อวี้ฮ่าวหรานจึงหันกลับไปหาคนแซ่เซี่ยและพูดว่า “เอาล่ะตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนายกลับไปหาโจวเฟยหู่ได้เลย บอกกับเขาด้วยว่าฉันพึงพอใจกับเรื่องวันนี้มาก ๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอวี้ฮ่าวหราน คนแซ่เซี่ยดีใจจนแทบอยากกระโดด
คำพูดนี้มันแฝงความหมายว่านับจากนี้ฝั่งตรงข้ามไม่ได้ติดใจอะไรกับเขาแล้วจริง ๆ
เขารอดตัวแล้ว!
หลังจากที่คนแซ่เซี่ยจากไป สวีเซี่ยงจวินถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และจากนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถพาทุกคนไปที่บ้านของสวีรุ่ย
10 นาทีต่อมา อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถถึงบ้านที่เขาเพิ่งซื้อให้สวีรุ่ยไม่นานมานี้
ไม่เหมือนกับรอบที่แล้ว ปัจจุบันนี้ภายในบ้านถูกตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นครบหมดแล้ว ซึ่งมันทำให้บ้านดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
“เอ๊? รุ่ยเอ๋อร์ ลูกไปเอาเงินมาจากไหนจ่ายค่าเช่าบ้านแพงแบบนี้ บ้านแบบนี้ค่าเช่ามันต้องแพงมาก ๆ แน่นอน เงินเดือนของลูกเองก็ไม่ได้มากมายไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อเห็นบ้าน 2 ชั้นที่ดูดีแถมยังอยู่ในเขตชุมชนที่ปลอดภัย สวีเซี่ยงจวินก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น
บ้านหลังนี้มันดีกว่าบ้านหลังเดิมของพวกเขาเป็นอย่างมาก ซึ่งคนฐานะอย่างพวกเขาไม่อาจเอื้อมถึงแน่ ๆ
“คุณอวี้ ซื้อมันให้หนูอยู่ก่อน เขาบอกว่าหนูมีเงินเมื่อไหร่ค่อยผ่อนจ่ายให้เขาเท่าไหร่ก็ได้ หลังจากพ่อไม่อยู่ คุณอวี้ช่วยเหลือหนูมากมายจนหนูเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนเขายังไงดีเหมือนกัน…”
สวีรุ่ยตอบกลับพลางมองอวี้ฮ่าวหรานที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านด้วยสายตาซาบซึ้ง
บนโลกนี้มีผู้ชายที่ใจดีแบบเขาได้ยังไง?
หากไม่ใช่เพราะผู้ชายคนนี้ ชีวิตของเธอตอนนี้คงไม่รู้ว่าจะเลวร้ายถึงขนาดไหน
“เขาซื้อมันให้ลูกอยู่ก่อนเนี่ยนะ?”
สวีเซี่ยงจวินตกตะลึงจนแทบอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเช่นนี้ บ้านหลังนี้ต่ำ ๆ ก็ต้องมีเงิน 1 ล้านขึ้นไปถึงจะซื้อได้ แต่จู่ ๆ ผู้ชายแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้ซื้อมันให้กับลูกสาวของเขาโดยที่บอกว่ามีเมื่อไหร่ค่อยผ่อนคืนเนี่ยนะ?
นี่มันไม่ต่างอะไรกับซื้อให้อ้อม ๆ เลยไม่ใช่เหรอไง?
ดูเหมือนว่าลูกสาวของเขาจะมีเศรษฐีมาชอบซะแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อกี้แมงป่องก็ยังแสดงท่าทีเคารพต่อชายหนุ่มคนนี้อีกต่างหาก ดูเหมือนว่าฝั่งตรงข้ามต้องไม่ใช่เศรษฐีธรรมดา ๆ แน่นอน!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สวีเซี่ยงจวินจึงรู้สึกชื่นชมอวี้ฮ่าวหรานมากกว่าเดิม
“นั่งลงกันที่ห้องนั่งเล่นก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวหนูขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะรีบเข้าครัวไปทำอาหารออกมาให้กินกัน”
สวีรุ่ยไม่ได้สังเกตเห็นว่าขณะนี้พ่อของเธอกำลังแสดงสีหน้าตกตะลึง เมื่อเธอเชิญให้ทุกคนนั่งเสร็จ เธอก็เดินขึ้นไปที่ชั้น 2 เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
“อะแฮ่ม ๆ คุณอวี้ คุณกับลูกสาวนั่งลงก่อน เดี๋ยวผมขอตัวเข้าไปดูในครัวสักหน่อยว่ามีอะไรที่พอจะทำได้บ้าง”
สวีเซี่ยงจวินเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่เห็นว่าลูกสาวของเขาเดินจากไป เขาตั้งใจว่าจะไปรอลูกสาวของเขาในห้องครัวเพื่อถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอวี้ฮ่าวหรานอีกสักหน่อย
หลังจากรออยู่ในห้องครัวได้สักพัก สวีรุ่ยก็เดินลงมาจากชั้น 2 และตรงเข้าไปที่ห้องครัวทันที
“รุ่ยเอ๋อร์ พ่อถามอะไรหน่อย เด็กผู้หญิงน่ารัก ๆ คนนั้นเป็นลูกสาวของอวี้ฮ่าวหรานงั้นเหรอ?”
ทันทีที่สวีรุ่ยเดินเข้ามาในครัว สวีเซี่ยงจวินก็เอ่ยถามขึ้นเสียงเบาทันที
“ใช่แล้ว มีอะไรงั้นเหรอพ่อ?” สวีรุ่ยตอบกลับด้วยสีหน้างุนงง
“โธ่ รุ่ยเอ๋อร์ของพ่อทำไมลูกถึงได้ช้าแบบนี้ ดูสิผู้ชายดี ๆ แบบนี้ถูกคนอื่นแย่งไปก่อนซะแล้ว…” สวีเซี่ยงจวินเอ่ยขึ้นพลางส่ายหัว
“เอ๊?”
สวีรุ่ยแสดงสีหน้างุนงง ก่อนที่จะแยกเขี้ยวจ้องเขม็งไปที่พ่อของเธอ
“พ่อหยุดพูดไร้สาระเดี๋ยวนี้เลยนะ! สาเหตุที่คุณอวี้ช่วยหนูเป็นเพราะว่าหนูดูแลถวนถวนดีต่างหาก ระหว่างหนูกับเขาไม่มีอะไรเกินเลยทั้งนั้น!”
“จริงเหรอ? ถ้างั้นทำไมสายตาลูกที่มองอวี้ฮ่าวหรานมันถึงหวานเยิ้มแบบนั้น?”
สวีเซี่ยงจวินถามกลับด้วยรอยยิ้มรู้ทัน
“พ่อออกไปเดี๋ยวนี้เลยอย่ามากวนหนูในระหว่างทำอาหาร!”
เมื่อรู้สึกว่าพ่อของเธอกำลังแหย่เธออยู่ สวีรุ่ยรีบผลักพ่อของเธอให้ออกไปจากครัวทันทีด้วยสีหน้าเขินอาย
หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง สวีรุ่ยกับสวีเซี่ยงจวินก็ช่วยกันยกอาหารหลายจานออกมาจากห้องครัว
กลิ่นหอมของอาหารคละคลุ้งไปทั่วห้องจนน้ำย่อยของอวี้ฮ่าวหรานและถวนถวนเริ่มเดิน
“พ่อจ๋า ๆ อาหารของครูสวีอร่อยมาก ๆ เลย ผัดมะเขือของครูสวีก็อร่อย ผัดซอสของครูสวีก็อร่อย!”
ถวนถวนตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบานพลางชี้นิ้วไปที่อาหารบนโต๊ะด้วยสายตาเป็นประกาย
“เอาล่ะอาหารทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว ถวนถวนหนูกินก่อนได้เลย!”
สวีรุ่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นรอยยิ้มเบิกบานของเด็กน้อย จากนั้นเธอคีบอาหารให้ถวนถวนก่อนเป็นคนแรก
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เขาเองก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจเช่นกันเมื่อได้กลิ่นของอาหารที่หอมมาก ๆ บนโต๊ะ
คำแรกเขาลองชิมเนื้อหมูผัดซอสดู ซึ่งหลังจากที่เขากัดเนื้อหมู ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น!
อร่อยจริง!
หลังจากที่กลืนอาหารคำแรกลงไป อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นชม “ไม่นึกเลยว่าครูสวีจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้มิน่าล่ะลูกสาวของผมถึงติดใจรสชาติอาหารที่คุณทำนัก”
รสชาติอาหารของสวีรุ่ยเทียบได้กับฝีมือของหลี่หรงเลยทีเดียว
“จริงเหรอ? คุณชอบมันเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำชมของอวี้ฮ่าวหราน ดวงตาของสวีรุ่ยส่องประกายในทันที เธอทั้งดีใจและเขินอายจนหน้าแดงในเวลาเดียวกัน
บนโต๊ะอาหาร ในระหว่างที่ทุกคนกำลังกินกันอย่างเอร็ดอร่อย สวีรุ่ยกลับเป็นคนเดียวที่ไม่ค่อยกินเท่าไหร่ เธอเอาแต่ตักอาหารให้พ่อของเธอและถวนถวนเรื่อย ๆ
“โอย พอแล้ว ๆ ตักให้พ่อเร็วแบบนี้พ่อกินไม่ทันหรอก! ลูกตักอาหารให้ฮ่าวหรานบ้างสิ พ่อยังไม่เห็นลูกตักอาหารให้ฮ่าวหรานเลยไม่ใช่เหรอไง?”
สวีเซี่ยงจวินเอ่ยขึ้นพร้อมกับเหล่สายตาไปทางอวี้ฮ่าวหราน หยอกล้อลูกสาวของเขา
สวีรุ่ยเห็นแบบนี้ก็เขินจนหน้าแดง จากนั้นเธอแก้เขินโดยการเบนเป้าหมายไปตักอาหารให้ถวนถวนต่อ
“ครูสวี ๆ หนูพอแล้ว ๆ ครูตักให้หนูเยอะจนหนูไม่รู้ว่าจะกินอะไรก่อนดีแล้วตอนนี้!”
เด็กน้อยบ่นขึ้นด้วยสีหน้ามืดหม่น พลางพยายามกินอาหารมากมายที่อยู่ในจาน
ท่าทางที่น่ารักของเด็กน้อยแบบนี้มันทำให้ทุกคนในโต๊ะอาหารต่างหัวเราะกันออกมาเสียงดัง