ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 211 งานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์
บทที่ 211 งานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์
เมื่อถึงตอนสามทุ่มครึ่ง หลังจากผ่านเหตุการณ์มามากมายในวันนี้ ถวนถวนก็นอนหลับสนิท
ขณะนี้ในห้องนั่งเล่นเหลือแค่หลี่หรงและอวี้ฮ่าวหรานที่ยังนั่งกันอยู่
“พี่เขย ชายชราคนนั้นเป็นใครงั้นเหรอ? ทำไมเขาถึงอยากฆ่าฉันกับถวนถวน?”
เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเรื่องนี้ขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นยังกังวลว่าชายชราคนนั้นจะกลับมาฆ่าเธอกับถวนถวนอีก…
อวี้ฮ่าวหรานรู้ได้ถึงความกังวลในใจของอีกฝ่ายทันที
“พูดได้ว่าพี่กับอีกฝ่ายมีความแค้นฝังลึกกันอยู่ แต่นับจากนี้เธอไม่ต้องกังวลอะไรกับตาแก่นั่นอีกแล้วเพราะมันจะไม่มีทางกลับมาทำร้ายเธอกับถวนถวนได้อีกรวมไปถึงพวกแก๊งมังกรครามด้วย พวกมันทั้งหมดถูกทำลายจนสิ้นซากไปแล้วด้วยน้ำมือของพี่”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ หลี่หรงก็ยังคงแสดงสีหน้ากังวลไม่เปลี่ยน
“ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ พ่อลูกตระกูลหวัง และมาตอนนี้ก็เรื่องเกี่ยวกับแก๊งมังกรครามอะไรนี่อีก…”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่หรง
ใช่เลย…ตั้งแต่ชายหนุ่มกลับมาที่โลกนี้มันก็มีปัญหาเกิดขึ้นมากมายไม่หยุดหย่อนจนบางทีเขาก็ประหลาดใจอยู่เหมือนกัน
อันที่จริงหากเขาไม่จำเป็นต้องฟื้นฟูพลังเพื่อออกไปตามหาหลี่เม่ย บางทีเขาคงเลือกที่จะใช้ชีวิตเหมือนคนปกติธรรมดาแทนที่จะต้องมายุ่งเกี่ยวกับปัญหามากมายแบบนี้
แต่หลี่เม่ยนั้นอยู่ในใจของเขาตลอดมาดังนั้นเขาจะยอมแพ้ให้กับอุปสรรคที่น่ารำคาญเหล่านี้ได้ยังไง?
หลังจากบ่นต่อไปอีกนิดหน่อย หลี่หรงก็ไม่พูดอะไรต่อ
อันที่จริงหลังจากได้ยินว่าอีกฝ่ายตายหมดแล้วเธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมากเช่นกันและอีกอย่าง ตราบใดที่เธอยังมีพี่เขยอยู่ข้างกาย หญิงสาวก็มั่นใจว่าเธอกับถวนถวนจะปลอดภัยอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนี้เธอก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยอารมณ์ตัวเองและโน้มตัวเอาหัวเข้าไปอิงกับแขนของอวี้ฮ่าวหราน
“พี่เขย วันนี้นับได้ว่าพวกเราได้ผ่านเหตุการณ์เป็นตายด้วยกันหรือเปล่า?”
“เอ่อ…ก็คงจะใช่ล่ะมั้ง?” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับพลางเหลือบมองหลี่หรงด้วยแววตาอ่อนโยน เขาเข้าใจว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้มา นอกจากลูกสาวของเขาที่มีพลังลึกลับคอยปกป้องแล้ว มนุษย์ธรรมดาทั่วไปย่อมต้องกังวลและอยากหาที่พึ่งพิงทางใจ
“อันที่จริงแล้วเมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันเคยคิดฝันกับตัวเองว่าฉันจะแต่งงานกับผู้ชายที่ผ่านเหตุการณ์เป็นตายกับฉัน…”
หลังจากพูดจบ หลี่หรงก็เอื้อมมือมาเกาะแขนของอวี้ฮ่าวหรานและเงยหน้าขึ้นมองหน้าของเขาด้วยแววตาคาดหวัง
“เอ่อ…”
ชายหนุ่มอึ้งไปในทันที
น้องภรรยาของเขาทำไมเดี๋ยวนี้ถึงชอบถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้นักนะ?
“แค่ก ๆ ว…วันนี้พี่ค่อนข้างเหนื่อยเอาไว้เราค่อยคุยกันอีกทีวันหลังก็แล้วกันนะ พี่ขอตัวไปนอนก่อนล่ะ!”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเองทันที
หลี่หรงไม่ได้พยายามรั้งอวี้ฮ่าวหรานเอาไว้เพราะเธอเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายดีว่าในใจของพี่เขยของเธอคงมีแต่พี่สาวของเธอเท่านั้น…
วันถัดมา
วันนี้คือวันเทศกาลไหว้พระจันทร์พอดี
อวี้ฮ่าวหรานไปถึงบริษัทเร็วเป็นพิเศษในวันนี้ แต่แล้วหลังจากตรวจเอกสารไปได้ไม่นานเท่าไหร่ เฉิงกัวอันก็โทรมา
“ฮ่าวหราน วันนี้ฉันกับลูกสาวจะไปงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยกันตอนสาย ๆ นายว่างหรือเปล่า? ฉันอยากชวนนายไปด้วยกัน”
“งานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์?”
เมื่อได้ยินคำชวนนี้ ชายหนุ่มก็หันไปมองปฏิทินดิจิทัลที่อยู่บนโต๊ะซึ่งเขาก็ได้เห็นว่าวันนี้มันคือวันเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว
“เร็วจริง ๆ…”
“ฮ่าวหราน ถ้านายไม่มีธุระอะไรฉันอยากให้นายไปด้วยกันจริง ๆ คือเผอิญว่าฉันอวดเรื่องที่นายจะมากับฉันและลูกสาวเอาไว้กับเพื่อน ๆ ของฉันซะเยอะเลย…”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตอบกลับช้า เฉิงกัวอันจึงคิดว่าอีกฝ่ายลังเลไม่อยากไปดังนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นโน้มน้าวต่อ
“ช่วงสายนี้ผมว่างอยู่เช่นกันดังนั้นผมตกลง ผมจะไปด้วยเอาเป็นว่าคุณแจ้งสถานที่นัดหมายให้ผมมาก็แล้วกัน” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับอย่างหนักแน่นเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเขาจะไปแน่นอน
เมื่อได้ยินคำตอบตกลงของอวี้ฮ่าวหราน เฉิงกัวอันรีบบอกรายละเอียดของสถานที่จัดงานเลี้ยงทันที
ช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อถึงเวลาสิบโมงครึ่ง งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น
อวี้ฮ่าวหรานขับรถไปที่สถานที่จัดงานเลี้ยงซึ่งก็คือโรงแรมแคมปินสกี้
ห้องบอลรูมชั้นสองของโรงแรมคือสถานที่จัดงานเลี้ยงครั้งนี้
อวี้ฮ่าวหรานพบกับเฉิงชิวอวี้ ทันทีที่เข้าไปด้านในซึ่งเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายตั้งใจยืนรอเขาอยู่ตรงนี้อยู่ก่อน
“ฮ่าวหราน ในที่สุดนายก็มาถึง! ฉันรอนายตั้งนานแน่ะรู้ไหม?”
หลังจากพูดจบเธอเดินเข้ามาคล้องแขนของอวี้ฮ่าวหรานและพาเขาเดินมุ่งหน้าไปที่โต๊ะทันทีด้วยสีหน้าเบิกบาน
“ไปกันเถอะ พวกเราไปหาพ่อของฉันกัน ตอนนี้เขากำลังคุยอยู่กับเพื่อน ๆ ของเขาอยู่ที่โต๊ะ”
วันนี้เฉิงชิวอวี้แต่งตัวมาในชุดเดรสกระโปรงยาวที่ดูเป็นทางการสีฟ้าอ่อน ชุดนี้เข้ากับสัดส่วนรูปร่างของหญิงสาวเป็นอย่างดีจนวันนี้เธอดูสวยจนน่าตกตะลึง…
ภาพนี้ทำให้ผู้คนในงานต่างมองตามกันด้วยสีหน้างงงวย พวกเขาทั้งหลายต่างสงสัยว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นใคร? ทำไมถึงสามารถทำให้เฉิงชิวอวี้ที่ดูงามสง่าเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนได้แบบนี้?
“ทุกคนคะนี่คือ อวี้ฮ่าวหราน ฮ่าวหราน นี่คือเพื่อน ๆ ของพ่อฉัน นี่คือประธานของบริษัทซินอวิ๋น ประธานชางเจิงหนิง และนี่คือหลี่เสวี่ย จากบริษัทจินหลิน…”
เฉิงชิวอวี้ถือโอกาสแนะนำเจ้าของบริษัทต่าง ๆ ที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับพ่อของเธอให้อวี้ฮ่าวหรานรู้จักจนครบทุกคน
ทุก ๆ คนที่มางานเลี้ยงนี้คือกลุ่มคนชนชั้นสูงของเมืองฮ่วยอัน โอกาสที่พวกเขามารวมตัวกันได้แบบนี้นั้นน้อยมาก หากไม่ใช่เพราะคำเชิญของ เฉิงกัวอันเหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้น
หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จ ฉีถงลุกขึ้นยืนพร้อมกับชูแก้วไวน์ให้กับอวี้ฮ่าวหราน
“ฮ่า ๆ น้องอวี้! ฉันขอขอบคุณนายอีกรอบจากเหตุการณ์ที่นายช่วยฉันเอาไว้ล่าสุด! ถ้าไม่ได้นายช่วยจัดการกับหวังเจา ป่านนี้ฉันเองคงไม่ได้มานั่งหัวเราะได้อยู่ตรงนี้แน่ ๆ!”
“อืม”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าตอบรับอย่างสุภาพ สำหรับเขาการจัดการกับ หวังเจาไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ในตอนนี้บริษัทเวชภัณฑ์ไป๋เชาไม่สามารถดำเนินกิจการต่อได้แล้วเพราะความร่วมมือของน้องฉีถงที่ไม่ส่งวัตถุดิบให้อีกต่อไป ดังนั้นยอดขายบริษัทของฉันจึงพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ ฉันขอขอบคุณนายมากจริง ๆ เช่นกันน้องอวี้!”
เฉิงกัวอันลุกขึ้นยืนเช่นกันและเอ่ยขอบคุณอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าเบิกบาน เห็นได้ชัดว่าบริษัทของเขาได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นภาพนี้บรรดาเจ้าของบริษัทที่นั่งอยู่ร่วมโต๊ะต่างแสดงสีหน้าแปลกใจ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ทำไมเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่สองบริษัทต่างลุกขึ้นขอบคุณชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่า ๆ คนนี้อย่างนอบน้อม?
ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน?
เมื่อคิดได้เช่นนี้แต่ละคนจึงรีบหาข้อมูลกันใหญ่จนท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้รู้ว่าที่แท้อวี้ฮ่าวหราน คือเจ้าของเครือฮ่าวหราน บริษัทที่กำลังเติบโตเร็วที่สุดในเมือง ณ เวลานี้!
ชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ!