ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 213 เทศกาลไหว้พระจันทร์
“ในขณะนี้บริษัทไป๋เชากำลังทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อโฆษณาแคมเพนลดราคายาของพวกเขาในสื่อทุกช่องอย่างหนักหน่วง ซึ่งมันจะกระทบกับยอดขายยาของบริษัทเราแน่นอนครับท่านประธาน!”
ผู้จัดการพูดเกี่ยวกับข้อมูลที่เพิ่งได้รับมา
หลังจากได้ฟังรายงานทั้งหมดจากผู้จัดการบริษัทของตัวเอง เฉิงกัวอันพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด
“อืม เป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องเสียหายเมื่ออีกฝ่ายล้มกระดานแบบนี้”
“ถ้างั้นเราควรลดราคาผลิตภัณฑ์ของเราและโฆษณาแบบพวกเขาบ้างไหมครับท่านประธาน? ส่วนเรื่องต้นทุนช่วงนี้เราอาจลดคุณภาพของวัตถุดิบลงหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร” ผู้จัดการแนะนำ
เฉิงกัวอันส่ายหัวทันทีเมื่อได้ยินคำแนะนำนี้ “ในตอนนี้เรายังไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่รอดูสถานการณ์ต่อไปก่อนก็พอ”
หลังจากพูดจบเขาโบกมือให้ผู้จัดการบริษัทตัวเองออกจากห้องไปและนั่งครุ่นคิดอยู่ในห้องคนเดียว
…
อีกด้านหนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานขับรถไปจดที่หน้าโรงเรียนอนุบาลเพื่อรอถวนถวนเลิกเรียนตอนสี่โมงเย็น
ตามปกติเฉกเช่นเดียวกับทุกวัน เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน สวีรุ่ยจะเดินออกมาส่งถวนถวนและเด็กคนอื่น ๆ ที่หน้าประตู
แน่นอนว่าเมื่อเห็นอวี้ฮ่าวหราน เธอก็เดินเข้ามาทักทายเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ คุณอย่าลืมซื้อขนมไหว้พระจันทร์ให้ถวนถวนกินที่บ้านด้วยล่ะ” สวีรุ่ยเอ่ยขึ้นพลางลูบหัวถวนถวนด้วยความเอ็นดู
“พ่อจ๋า วันนี้ครูสวีเอาขนมไหว้พระจันทร์ให้หนูกินด้วยแหละ!”
ถวนถวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน
“ลูกขอบคุณครูสวีไปแล้วใช่ไหมลูก?”
อวี้ฮ่าวหรานลูบหัวลูกสาวของเขาพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความรักใคร่ จากนั้นเขาหันกลับไปหาสวีรุ่ย
“ขอบคุณมากจริง ๆ ที่คอยดูแลถวนถวนให้ผม”
“ม…ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำอยู่แล้วเพื่อตอบแทนสิ่งที่คุณเคยทำให้ฉันมามากมาย”
หลังจากพูดคุยกันอย่างสุภาพอีกเล็กน้อย ทั้งคู่ก็แยกย้าย
กลับถึงห้อง
วันนี้หลี่หรงเลิกงานเร็วเป็นพิเศษ ขณะนี้เธอกำลังวุ่นอยู่ในครัว
“หืม? พี่เขย พี่ก็ซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาด้วยงั้นเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานยื่นกล่องขนมไหว้พระจันทร์ให้หลี่หรงพร้อมกับพยักหน้า “อืม พี่ซื้อมันมาระหว่างทางกลับ”
“ถ้างั้นคืนนี้พวกเรากินขนมไหว้พระจันทร์ของพี่ก่อนก็แล้วกันส่วนของที่ฉันซื้อมาพวกเราเก็บเอาไว้กินวันหลัง” หลี่หรงเอ่ยขึ้นพลางรับขนมไหว้พระจันทร์ไปเก็บไว้
หลังจากผ่านไปอีกชั่วโมงกว่า ๆ อาหารค่ำก็เตรียมเสร็จเรียบร้อย
เนื่องจากวันนี้เป็นวันเทศกาลไหว้พระจันทร์บนโต๊ะอาหารวันนี้จึงเต็มไปด้วยอาหารมากมายมากกว่าปกติถึงสามเท่า
“ถวนถวนรักแม่หรงที่สุดเล้ย!”
ที่โต๊ะอาหาร หลี่หรงเทน้ำส้มให้กับถวนถวน ซึ่งทำให้เด็กน้อยเบิกบานเป็นอย่างมากจนตะโกนเสียงดังลั่น
บรรยากาศในโต๊ะอาหารวันนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น
หลังจากกินอาหารค่ำกันเสร็จ ทั้งสามคนก็พากันออกมานั่งดูพระจันทร์ที่ระเบียง พร้อมกับกินขนมไหว้พระจันทร์ที่อวี้ฮ่าวหรานซื้อมาวันนี้
“พี่เขย พี่จำประวัติความเป็นมาของเทศกาลไหว้พระจันทร์ได้รึเปล่า?” หลี่หรงเอ่ยขึ้นพลางตักขนมไหว้พระจันทร์ใส่ปากตัวเอง
“เอ่อ…”
อวี้ฮ่าวหรานแสดงสีหน้าครุ่นคิด
“หืม? นี่พี่จำไม่ได้งั้นเหรอ? ทุกมหาลัยต้องมีบทเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมดนี่นา นี่พี่จบมาไม่กี่ปีเองพี่ลืมไปหมดแล้วเหรอ?”
“อืม พี่ลืมไปหมดแล้วล่ะ สำหรับพี่ เวลามันไม่ได้สั้นเลย…”
อวี้ฮ่าวหรานถอนหายใจ กี่ปีแล้วนะ?
สำหรับเขาเวลาผ่านไปแล้วมากกว่าสามหมื่นปี เขาจะไปจำเรื่องราวประวัติของเทศกาลไหว้พระจันทร์ได้ยังไง?
“ถ้างั้นพี่อยากฟังไหม?”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจำไม่ได้ หลี่หรงจึงเกิดความอยากที่จะเล่า
“ถวนถวนอยากฟัง! แม่หรงเล่าเลย!”
ถวนถวนที่อยู่ข้าง ๆ ตะโกนขึ้นแทรกด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นทันที
“ขนมไหว้พระจันทร์อร่อย ถวนถวนอยากรู้ว่ามันมาจากไหน!”
“ได้เลย แม่หรงจะเล่าให้ฟัง…”
ถัดมาหลี่หรงจึงเล่าเรื่องเกี่ยวกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ซึ่งเด็กน้อยก็นั่งฟังด้วยสีหน้าสนใจ
อวี้ฮ่าวหรานเมื่อได้ฟังประวัติของเทศกาลไหว้พระจันทร์ เขาก็รู้สึกเหมือนว่าได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตตอนที่เขาเรียนในมหาวิทยาลัยกับหลี่เม่ย
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนกัน? ผมต้องแข็งแกร่งแค่ไหนถึงจะสามารถพาคุณกลับมาได้กันนะ?”
เขาลอบถอนหายใจ
เขาไม่เจอหน้าคนที่เขารักมานานมากแล้วจริง ๆ
มันนานมากจนความทรงจำบางอย่างของเขาก็เริ่มที่จะเลือนราง
…
ในค่ำคืนที่ดวงจันทร์สุกใสนี้มีคนนับไม่ถ้วนที่ต่างจ้องมองพระจันทร์
“เฮ้อ…ท้ายที่สุดฉันก็ยังไม่ได้บอก…”
เฉิงชิวอวี้ยืนมองพระจันทร์อยู่ที่ระเบียงห้องของเธอตามลำพังด้วยสีหน้าหดหู่
“นายชอบฉันบ้างรึเปล่า? ฉันชอบนายจริง ๆ นะ…”
…
ณ สถานที่ลึกลับ หน้าถ้ำแห่งหนึ่ง
หญิงสาวที่มีใบหน้างดงามผู้หนึ่งกำลังยืนมองพระจันทร์ด้วยแววตาเศร้าสร้อย
ไม่เหมือนกับมุมมองในเมือง การมองขึ้นไปบนฟ้าจากสถานที่แห่งนี้สามารถมองเห็นดวงดาวได้เป็นหมื่น ๆ ดวง!
“คุณอยู่ที่ไหนกันแน่? ทำไมฉันถึงตามหาคุณไม่เจอทั้ง ๆ ที่คุณยังมีชีวิตอยู่?”
ภายใต้ดวงจันทร์ที่สุกสกาว หญิงสาวผู้นั้นพึมพำกับตัวเอง