ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 220 ถูกจับได้แบบคาหนังคาเขา
นักฆ่าแสดงสีหน้าตกตะลึงเมื่อเห็นว่าสิ่งตัวเองแทงไปมันคือลม และเป้าหมายกลับไปปรากฏตัวอยู่ข้างหลังตนราวกับมีเวทมนตร์ซะงั้น?
“ประหลาดใจล่ะสิ?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ก่อนจะเตะเข้าไปที่ลำตัวของนักฆ่าอย่างแรงจนร่างของนักฆ่าลอยละลิ่วไปกระแทกกับกำแพงห้องจนสั่นสะเทือน
“โครม!”
“อ่อก!”
นักฆ่ากระอักเลือดออกมาคำโตและพูดได้แต่เพียงคำว่า ‘แก’ ก่อนจะสลบไปจากอาการบาดเจ็บ
ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถทนลูกเตะที่แฝงไปด้วยพลังวิญญาณได้!
เมื่อหวังเจาเห็นเช่นนี้ เขาก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
“ไม่! นี่มันเป็นไปไม่ได้! ทำไมแกถึงแข็งแกร่งขนาดนี้! นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”
หวังเจามั่นใจเป็นอย่างมากกับความแข็งแกร่งของนักฆ่าที่จ้างมา นี่ไม่ใช่นักฆ่าธรรมดาทั่วไป การที่จะจ้างนักฆ่าเหล่านี้ได้จะต้องมีเส้นสายอยู่วงในซึ่งไม่ใช่แค่มีเงินอย่างเดียวจึงจะจ้างได้
แต่แล้วนักฆ่าที่สุดแสนจะแข็งแกร่งในความคิดของตนกลับถูกเตะทีเดียวแล้วสลบเหมือดไปแบบนี้เนี่ยนะ?
ชายหนุ่มที่เป็นศัตรูของเขาคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?
หวังเจารู้สึกหวาดกลัวจนใจเต้นแรง
ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานแสยะยิ้มออกมาอย่างดูถูกเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังกลัวจนตัวสั่น
มันเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว…!
ไม่ว่าจะมีแผนการดีขนาดไหนแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่งเหนือกว่า แผนต่าง ๆ มันย่อมไร้ประโยชน์
หลังจากนั้นแค่เพียงชั่วพริบตา อวี้ฮ่าวหรานก็พุ่งเข้าไปถีบหวังเจาจนตัวกระเด็นไปติดกำแพง
“น่าตลกจริง ๆ นี่แกคิดว่าจะสามารถฆ่าฉันได้โดยการพึ่งพิงไอ้พวกมดแมลงที่แกจ้างมางั้นเหรอ?”
ในขณะที่พูด อวี้ฮ่าวหรานก็แสดงสีหน้าเหยียดหยาม
“ม…ไม่ใช่สักหน่อย! ค…คนที่ฉันจ้างมาแข็ง…แกร่งที่สุดแล้ว…”
หวังเจาผู้ซึ่งยังคงนั่งกุมท้องเนื่องจากเพิ่งถูกถีบยังคงโต้เถียงกลับด้วยสีหน้าอึ้งทึ่ง
ก่อนหน้านี้เขามั่นใจในความแข็งแกร่งของนักฆ่าที่เขาอุตส่าห์จ้างมาอย่างยากลำบาก ไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดา ต่อให้บอดีการ์ดเกรดเอก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของนักฆ่าที่เขาจ้างแน่นอน…
แต่วันนี้เรื่องราวมันกลับพลิกผันไปหมด
ชายหนุ่มตรงหน้าเขาเป็นปีศาจหรือไง?
สิ่งที่หวังเจายังไม่รู้ก็คือแม้แต่สองแก๊งยักษ์ใหญ่ของเมืองฮ่วยอันยังไม่กล้าที่จะล่วงเกินอวี้ฮ่าวหรานด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่ายในตอนนี้ อวี้ฮ่าวหรานยิ่งรู้สึกรังเกียจมากขึ้นไปอีก เขาเลิกที่จะสนใจหวังเจาและเดินไปหาเฉิงกัวอันเพื่อคลายเชือกให้
“เฮ้อ…ฮ่าวหราน ฉันขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ทำตัวเป็นภาระอีกแล้ว ฉันนี่มันไม่ได้เรื่องเลย”
เฉิงกัวอันเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด เขาไม่นึกเลยว่าจะต้องให้อวี้ฮ่าวหรานช่วยเหลือเขาติด ๆ กันแบบนี้
แต่แล้วในขณะที่อวี้ฮ่าวหรานกำลังจะเอ่ยคำปลอบเฉิงกัวอัน จู่ ๆ สีหน้าของเฉิงกัวอันก็เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกพร้อมกับตะโกนดังลั่น
“ฮ่าวหราน ระวัง! หวังเจา มัน…”
เฉิงกัวอันชี้ไปที่ข้างหลังอวี้ฮ่าวหราน ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
อันที่จริง ก่อนจะได้ยินคำเตือน อวี้ฮ่าวหรานก็สัมผัสได้อยู่แล้วว่า หวังเจากำลังพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยมีด แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยเพราะชายแก่กับมีดธรรมดา ๆ จะทำอะไรเขาได้?
เขาดึงตัวเฉิงกัวอันพุ่งหลบไปกับเขาอย่างง่าย ๆ และในวินาทีถัดมาตำรวจจำนวนหลายนายก็บุกเข้ามาในห้องอย่างฉับพลัน!
“หยุด! ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!”
“ทุกคนคุกเข่าลงแล้วเอามือวางไว้บนหัวเดี๋ยวนี้!”
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าตำรวจจะกรูกันเข้ามาในห้องแล้ว หวังเจาก็ยังคงคลุ้มคลั่งและวิ่งเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานกับเฉิงกัวอัน ซึ่งไม่เกินอึดใจต่อมา หวังเจาก็โดนตำรวจหลายนายกระโดดรวบไปอยู่ที่พื้นและถูกปลดอาวุธก่อนที่จะถูกใส่กุญแจมือ
เฉิงกัวอันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นภาพนี้ ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ถูกเห็นอย่างชัดเจนโดยตำรวจหลายนาย ซึ่งมันเป็นหลักฐานชั้นดีในการมัดตัวหวังเจา คราวนี้อีกฝ่ายจบเห่จริง ๆ อย่างแน่นอน
นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาต้องการมากที่สุด…
“เฮ้อ… ขอบคุณมากจริง ๆ ฮ่าวหราน นี่เป็นอีกครั้งแล้วที่นายช่วยฉันเอาไว้ ฉันไม่รู้จะขอบคุณนายยังไงจริง ๆ ถ้าไม่ได้นายฉันคงตายแน่นอน”
เฉิงกัวอันหันไปขอบคุณอวี้ฮ่าวหรานอีกครั้งอย่างจริงใจ
“เฉิงกัวอัน! อวี้ฮ่าวหราน! จำเอาไว้ว่าฉันไม่ยอมจบกับพวกแกง่าย ๆ แน่! ฉันจะต้องแก้แค้นพวกแกให้ได้!”
ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้ตอบกลับเฉิงกัวอัน หวังเจาก็ตะโกนขึ้นแทรกเสียงดังลั่นพร้อมกับพยายามดิ้นรนสุดฤทธิ์ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
เขาอยากที่จะพุ่งเข้าไปฉีกเนื้อทั้งสองคนที่ทำลายเขาให้ได้
ครั้งนี้เขาสูญเสียอย่างย่อยยับ ไม่เพียงแค่ลูกชายจะตาย บริษัทของเขาก็กลายเป็นของศัตรูไปอีก และยิ่งไปกว่านั้นตัวหวังเจาก็ถูกตำรวจจับ
ไม่แปลกเลยที่เขาจะโกรธจนคลุ้มคลั่ง!
แต่แน่นอนว่าการขัดขืนของหวังเจาไร้ผลเมื่ออยู่ต่อหน้าตำรวจจำนวนมากขนาดนี้ และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากนี้… อีกฝ่ายก็คงถูกตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิตจากความผิดที่ก่อไปทั้งหมด
“หึหึ สะใจจริง ๆ ที่ไอ้บ้านี่ถูกจับได้คาหนังคาเขา นับจากนี้มันคงไม่มีวันออกมาสู่โลกภายนอกได้อีกแล้ว”
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ เฉิงกัวอันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างสะใจ
หลังจากนั้นไม่นาน อวี้ฮ่าวหรานก็พาเฉิงกัวอันเดินลงมาข้างล่างออกจากตัวตึกสำนักงานของบริษัทไป๋เชา ซึ่งเฉิงชิวอวี้กำลังอุ้มถวนถวนรออยู่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“พ่อจ๋า!”
เด็กน้อยกระโดดลงจากอ้อมกอดของเฉิงชิวอวี้และรีบวิ่งมาหาอวี้ฮ่าวหรานทันที
ส่วนทางด้านของเฉิงชิวอวี้ เธอก็รีบวิ่งเข้าไปกอดพ่อทั้งน้ำตาก่อนที่จะถามขึ้นด้วยอาการสะอึกสะอื้น
“พ่อ! พ่อเป็นอะไรบ้างหรือเปล่า?”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ต้องการที่จะขัดจังหวะเวลานี้ของคู่พ่อลูก ดังนั้นเขาจึงอุ้มถวนถวนขึ้นรถและขับกลับบ้านทันที
เป็นเวลาบ่าย 3 โมงพอดีเมื่ออวี้ฮ่าวหรานและถวนถวนกลับไปถึงห้อง
ขณะนี้หลี่หรงเองก็กลับมาแล้วเช่นกัน เธอกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาพลางถือกล่องยาและจ้องมองมันด้วยสีหน้าวิตก
“เอ๊ะ? กลับมาแล้วเหรอพี่เขย? จริงสิพี่เขย ตั้งแต่พี่ออกทีวีเกี่ยวกับยาของบริษัทไป๋เชาเมื่อหลายวันก่อน ฉันก็หาซื้อวิตามินของบริษัทไป๋เชาไม่ได้เลย ฉันกินมันมาตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่มีขายอีกแล้วฉันจะทำยังไงดี?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานพลันแสดงสีหน้าเหนื่อยใจและตอบกลับ
“ถ้างั้นต่อไปนี้เธอคงต้องหันไปกินวิตามินของบริษัทชิวเฮิงอย่างเดียวแล้วล่ะ นับจากนี้จะไม่มีบริษัทไป๋เชาอีกต่อไปแล้ว”
“หืม? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอพี่เขย?”
หลี่หรงแสดงสีหน้างุนงง เธอไม่คิดว่าแค่เรื่องปัญหาคุณภาพของยาจะทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างไป๋เชาล้มลงและหายไปได้
อวี้ฮ่าวหรานยิ้มอย่างมีเลศนัยแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
เช้าวันต่อมา
ข่าวบริษัทไป๋เชาถูกซื้อโดยบริษัทชิวเฮิงร้อนแรงเป็นอย่างมากในทุก ๆ สื่อ
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานที่กำลังยุ่งอยู่กับเอกสารบริษัทของเขา จู่ ๆ ก็มีโทรศัพท์เข้ามาหา ซึ่งผู้ที่โทรมาคือหลินป๋อ
“น้องอวี้! นายว่างหรือเปล่าวันนี้ นายจำได้ไหมที่ฉันเคยบอกก่อนหน้านี้ว่าฉันมีวัตถุโบราณที่อยากจะให้นายช่วยดูให้ แต่วันนั้นฉันยังไม่ได้บอกวันที่และสถานที่นัดหมายให้กับนาย?”