ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 223 คลุมถุงชน
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกสงสัยปนเยาะเย้ยในใจ
มนุษย์พวกนี้วางแผนเพื่อต้องการทดสอบเขางั้นเหรอ? ได้! งั้นข้าจะเล่นกับพวกเจ้าด้วย!
“ในเมื่อผมตรวจวัตถุโบราณให้คุณครบหมดแล้ว งั้นผมขอตัวกลับก่อนก็แล้วกัน!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นกับซูหว่านเอ๋อร์เพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายว่าจะมาไม้ไหน
“ด…เดี๋ยวก่อน อวี้ฮ่าวหราน! คุณอย่าพึ่งไปได้ไหม?”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะจากไป ซูหว่านเอ๋อร์รีบเดินมาขวางด้วยสีหน้าอ้อนวอนทันที
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเมื่อเห็นเช่นนี้ สรุปแล้วอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ทำไมไม่พูดออกมาสักที?
“งั้นผมถามตรง ๆ เลยจะดีกว่า คุณให้ผมมาที่นี่มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
“คือฉัน…”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่าย ซูหว่านเอ๋อร์ก็รู้สึกพูดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ซูกว่างไห่ก็หัวเราะเสียงดังก่อนที่จะเอ่ยว่า
“ฮ่า ๆ หว่านเอ๋อร์ แฟนของลูกนี่ไม่เลวทีเดียว ไม่ใช่แค่ดูวัตถุโบราณเก่งแต่เรื่องการควบคุมอารมณ์ยังนับว่าใช้ได้อีกด้วย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูหว่านเอ๋อร์ก็หน้าแดงและรีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
อย่างไรก็ตาม คำพูดนี้ทำให้อวี้ฮ่าวหรานถึงกับงงงวย
“แฟน?”
นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้น?
ทำไมจู่ ๆ พ่อของอีกฝ่ายถึงเหมาว่าเขาเป็นแฟนของลูกสาวตัวเองแบบนี้?
“ค…คือว่า”
ซูหว่านเอ๋อร์เม้มปากแน่นก่อนที่จะเดินเข้าไปดึงตัวอวี้ฮ่าวหรานให้เดินออกห่างจากพ่อและพี่ชายของเธอจากนั้นเธอเขย่งขากระซิบที่ข้างหูของเขา
“ฉันขอโทษ แต่ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้พ่อของฉันพยายามจะบังคับให้ฉันแต่งงานกับคน ๆ หนึ่งซึ่งฉันไม่อยากจะแต่งงานด้วย…พ…เพราะ..ว่าฉัน…ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว…หากฉันจะแต่งงานกับใครสักคน คน ๆ นั้นจะต้องเป็น…”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ซูหว่านเอ๋อร์ก็พูดต่อไม่ไหวเพราะความเขินอาย หน้าของเธอร้อนผ่าวจนแทบจะทอดไข่ได้ หญิงสาวต้องใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะปรับอารมณ์ให้พอจะกระซิบต่อได้
“ย…อย่างน้อย ๆ คุณช่วยฉันหน่อย การที่ฉันพาคุณมาที่นี่ในวันนี้เป็นเพราะฉันอยากให้คุณทำให้พ่อของฉันเปลี่ยนใจ…”
ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากจากสิ่งที่เธอกระทำลงไป แต่เธอก็จำเป็นต้องเล่าเรื่องให้อวี้ฮ่าวหรานฟังทุกอย่างและหวังว่าเขาจะยอมร่วมมือด้วย
“เป็นแบบนี้นี่เอง…”
อวี้ฮ่าวหรานพึมพำเสียงเบา เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่เรื่องราวมันกลับกลายเป็นแบบนี้ ที่แท้อีกฝ่ายอยากให้เขามาแสดงละครตบตาเท่านั้นเอง
“สรุปแล้วคุณอยากให้ผมช่วยโน้มน้าวพ่อของคุณให้ล้มเลิกการจับคู่ให้คุณใช่ไหม?”
เขากระซิบถามกลับ
“ช..ใช่…ประมาณนั้น”
“ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหา”
อวี้ฮ่าวหรานตอบตกลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่มีปัญหากับการช่วยเหลือผู้หญิงคนนี้ที่สุภาพกับเขาเสมอมา และยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มยังมีเหตุผลแฝงที่สำคัญกว่า
“จริงนะ!”
เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายตกลง ซูหว่านเอ๋อร์ก็มองไปที่เขาด้วยดวงตาเป็นประกาย
ถ้าเป็นไปได้ เธอไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จักเพราะเหตุผลทางธุรกิจ!
อวี้ฮ่าวหรานยิ้มอย่างจนใจเมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังของอีกฝ่าย
“ไม่ต้องกังวล ผมจะช่วยคุณเอง”
เขายืนยันอีกครั้งและไม่เกรงกลัวกับปัญหาที่จะตามมาแม้แต่น้อย
ครั้งนี้ที่เขาตอบตกลงช่วยเหลือมีเหตุผลอยู่สองประการ ประการแรกการคลุมถุงชนแบบนี้ทำให้เขานึกถึงเรื่องในอดีตที่หลี่เม่ยต้องเผชิญ ซึ่งชายหนุ่มไม่อยากให้คนที่เขารู้จักต้องเผชิญกับชะตากรรมแบบนั้น
ประการที่สอง อวี้ฮ่าวหรานจำเป็นต้องยืมวัตถุโบราณสิบกว่าชิ้นนั้นให้ได้ ซึ่งถ้าเขาไม่ช่วยเธอ ก็คงไม่มีทางได้ยืมพวกมันแน่นอน…
ในขณะเดียวกัน ซูหว่านผิงที่ยืนดูอยู่นานแล้วก็เริ่มทนไม่ไหวกับภาพการกระซิบกระซาบกันของอวี้ฮ่าวหรานและน้องสาวของเขาเอง
“เฮ้ย! ทั้งคู่จะกระซิบคุยกันอีกนานไหม? หว่านเอ๋อร์ นี่เธอไม่เห็นหรือไงว่าพี่กับพ่อกำลังยืนรออยู่ทำไมถึงไม่มีมารยาทแบบนี้? แล้วก็ไอ้แฟนของเธอนั่นน่ะ คนสภาพแบบนั้นเนี่ยนะที่เธอเลือกเอามาเป็นแฟน? ทำไมเธอถึงตาต่ำแบบนี้!”
ซูหว่านผิงตะโกนขึ้นเสียงด้วยสีหน้าดูถูกและรังเกียจ
“ใส่เสื้อผ้าถูก ๆ แบบนี้ยังกล้าเข้ามาเหยียบในบ้านของฉัน ไม่รู้จักเจียมกะลาหัวจริง ๆ ไอ้ชั้นต่ำเอ๊ย! ไป! แกรีบไสหัวออกไปจากบ้านฉันจะดีกว่า ฉันไม่อยากให้บ้านฉันสกปรกเพราะคนอย่างแก!”
เขาพยายามพูดจารุนแรงให้มากที่สุดเพื่อที่จะทำให้อวี้ฮ่าวหรานจากไป
อันที่จริงแล้วเสื้อผ้าที่อวี้ฮ่าวหรานใส่อยู่ตอนนี้ไม่ใช่ของถูกเพราะหลี่หรงเป็นคนซื้อให้เมื่อในอดีต แต่ซูหว่านผิงจำเป็นต้องพูดโจมตีอวี้ฮ่าวหรานในทุกแง่ให้รุนแรงที่สุดเพื่อไล่ให้ไปจากน้องสาวของเขาโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ทำให้อวี้ฮ่าวหรานเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิด
เหตุการณ์แบบนี้มันคล้ายกับเมื่อตอนนั้นไม่มีผิด ครอบครัวที่ต้องการบังคับให้ลูกสาวของตัวเองแต่งงานเพื่อผลประโยชน์!
และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อตอนนั้น อู๋เส้าฮัวก็เคยด่าเขาประมาณนี้ต่อหน้า หลี่เม่ย!
“ไป! ผมจะพาคุณออกไปจากที่นี่! ผมให้สัญญาว่าตราบใดที่คุณไม่ต้องการแต่งงาน มันจะไม่มีใครบังคับให้คุณแต่งงานได้แน่นอน!”
หลังจากที่พูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็จับมือและพาซูหว่านเอ๋อร์เดินไปที่ประตูทันที
แน่นอนว่าเมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ซูหว่านผิงก็โมโหจนแทบควันออกหูก่อนจะรีบเดินมาขวางทันทีและตะโกนเสียงดังลั่น
“เฮ้ย! นั่นแกกำลังทำบ้าอะไรของแก! คนชั้นต่ำอย่างแกไม่คู่ควรที่จะจับมือน้องสาวของฉัน ปล่อยมือน้องสาวของฉันเดี๋ยวนี้ไม่งั้นฉันจะ…”
“เพียะ!!!”
ก่อนที่จะทันได้พูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็ตบหน้าซูหว่านผิงด้วยหลังมืออย่างจังจนอีกฝ่ายล้มลงไปนอนกับพื้นที่ด้านข้าง
“น…นี่ ทำกันแบบนี้ได้ยังไง!”
ซูกว่างไห่ตะโกนเสียงดังลั่นในทันทีเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น เขาไม่สงวนท่าทีเยือกเย็นอีกต่อไปแล้ว!
“แกกล้าทำร้ายลูกชายของฉันแบบนี้ได้ยังไง และนั่นมันลูกสาวของฉันนะ แกจะพาลูกสาวของฉันไปไหนไม่ได้ถ้าฉันไม่อนุญาต! คนจน ๆ อย่างแกไม่คู่ควรกับลูกสาวของซูกว่างไห่คนนี้! ถ้าแกพาลูกสาวของฉันก้าวออกไปจากบ้านหลังนี้แค่เพียงก้าวเดียว ฉันจะแสดงให้แกเห็นว่าตระกูลซูน่ากลัวแค่ไหน! ถ้าอยากตายก็ลองดู!”
บรรยากาศในตอนนี้ตึงเครียดเป็นอย่างมากจน ซูหว่านเอ๋อร์เริ่มรู้สึกคิดผิดที่พาอวี้ฮ่าวหรานมาที่นี่ในวันนี้
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ให้ค่ากับคำขู่ของซูกว่างไห่เลยแม้แต่น้อย
“ตระกูลซูงั้นเหรอ? เฮอะ มันจะสักขนาดไหนกัน!”
อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจอย่างดูถูกก่อนที่จะดึงแขนหญิงสาวให้จากไปพร้อมกับเขา…