ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 229 แก้ปัญหาได้อย่างหมดจด
บทที่ 229 แก้ปัญหาได้อย่างหมดจด
หลี่จิงเทียนรู้สึกงุนงงกับการกระทำของซูกว่างไห่ในขณะนี้เป็นอย่างมาก เพื่อผลประโยชน์แล้ว ไอ้แก่คนนี้มันสามารถเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
ดูเหมือนว่าเรื่องการแต่งงานคงเป็นไปไม่ได้แล้วสินะ?
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่จิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดในใจเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเรื่องคราวนี้จะไม่เกี่ยวกับเรื่องของหวังเจวีย ซึ่งนับได้ว่าเขาโชคดีมากก็ตามที
แต่อวี้ฮ่าวหรานได้ทำลายความหวังที่เขาจะได้แต่งงานกับซูหว่านเอ๋อร์ที่แสนสวย เมื่อคิดถึงเรื่องสาวงามที่หลุดลอยไปก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสนใจกับอารมณ์ขุ่นมัวของเขาในตอนนี้
ในห้องอาหารส่วนตัว
ซูหว่านผิงที่กลัวว่าจะโดนล้างแค้นไม่ต่างกับพ่อของตัวเอง เขารีบเอ่ยขอโทษและเชิดชูอวี้ฮ่าวหรานเพื่อเอาใจทันที
“พ… พี่อวี้ ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ผมมองพี่ผิดไปก่อนหน้านี้ ผมนี่มันช่างโง่เขลาจริง ๆ ที่ไม่มองคนที่สมบูรณ์แบบอย่างพี่ให้ดี ๆ เมื่อเทียบกันแล้ว ผมไม่นับเป็นอะไรเลยถ้าเทียบกับพี่!”
ซูหว่านผิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่น้อมนอบและเคารพ ราวกับเขาเป็นคนละคนกับเมื่อครู่นี้ที่มีแต่ความหยิ่งผยองและความเกลียดชัง
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานยิ่งรู้สึกรังเกียจสองพ่อลูกคู่นี้ ไอ้สองคนนี้มันไหลลื่นไม่มีความจริงใจเอาซะเลย!
หลังจากเห็นว่าเรื่องของซูหว่านเอ๋อร์น่าจะจบลงแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่อยากจะรั้งอยู่ต่อไปอีก ชายหนุ่มพาหลี่หรงจากไปทันที
ส่วนทางด้านของสามพ่อลูกตระกูลซู เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานจากไปแล้ว พวกเขาจึงออกจากห้องไปเช่นกัน
“หว่านเอ๋อร์ คราวนี้พ่อผิดต่อลูกจริง ๆ แต่ว่าทำไมลูกถึงไม่บอกพ่อบ้างเลยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นประธานเครือฮ่าวหราน? ถ้าพ่อรู้ตั้งแต่แรกพ่อคงไม่มีทางปฏิเสธลูกแน่นอน”
ซูกว่างไห่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหดหู่ เมื่อครู่เขาหน้าแตกยับเยินแถมยังทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจอีกต่างหาก
ด้วยอิทธิพลของตระกูลหลี่ในตอนนี้ การที่จะทำลายตระกูลซูของเขานั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
ซูหว่านเอ๋อร์รู้สึกแย่กับพ่อของเธอเล็กน้อย เมื่อครู่พ่อของเธอยังผลักไสให้เธอไปแต่งงานกับคนแปลกหน้าอยู่เลย แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเธอรู้จักกับคนที่ใหญ่โตกว่า พ่อของเธอก็ปฏิบัติตัวกับเธอเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที
หลังจากได้ยินพ่อของตัวเองพูดไป ซูหว่านผิงก็พูดขึ้นเสริมเช่นกัน
“หว่านเอ๋อร์ ถ้าเธอจะโทษก็โทษพี่แล้วกัน พี่ขอโทษเธอจากใจ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของพี่เอง เธออย่าไปโกรธพ่อเลย แต่ว่าหลังจากกลับไปถึงบ้านเธอช่วยเล่าให้พวกเราฟังได้ไหมว่าเธอรู้จักกับอวี้ฮ่าวหรานได้ยังไง”
ขณะนี้เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เพราะเขาทำหลายสิ่งที่มันทำให้เรื่องแย่ลงไปอีกมากมาย ท้ายที่สุดตัวเองคือส่วนสำคัญที่ทำให้อวี้ฮ่าวหรานโกรธ
เมื่อเห็นว่าทั้งพ่อและพี่ของเธอขอโทษกันด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด ซูหว่านเอ๋อร์จึงใจอ่อนลงเล็กน้อย หญิงสาวพ่นลมหายใจอย่างไม่พอใจแต่ก็ยอมกลับบ้านไปกับทั้งคู่ด้วย
…
หลังจากอวี้ฮ่าวหรานกลับไปถึงคอนโด ชายหนุ่มก็ได้รับโทรศัพท์จาก โจวเฟยหู่
“น้องอวี้! ตอนนี้แก๊งพยัคฆ์เวหาขยายขนาดขึ้นมาก ๆ เลย! หลังจาก หยวนหลงตาย ทรัพย์สินและพื้นที่ของแก๊งมังกรครามถูกเรายึดไปเกินครึ่ง! ฉันขอขอบคุณนายมากจริง ๆ ถ้าไม่ได้นายช่วย เรื่องนี้มันคงไม่เกินขึ้นแน่ ๆ!”
โจวเฟยหู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งและเบิกบานสุดขีด จะไม่รู้สึกเบิกบานได้ยังไงเพราะศัตรูที่เขากำจัดไปได้คราวนี้เป็นแก๊งที่มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับเขา หากให้เขาทำเอง ก็ไม่รู้ว่าชาตินี้จะทำได้หรือเปล่า
“อืม…ไม่เป็นไร ว่าแต่คุณมีอะไรอีกรึเปล่า?”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้รู้สึกอะไรมากกับคำขอบคุณของอีกฝ่ายในเรื่องที่เขากำจัดแก๊งมังกรคราม เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาต้องทำอยู่แล้ว เพราะหยวนหลงและคงเหอสร้างความรำคาญให้เขามากเกินไป
“แน่นอนว่ามีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะโทรมาบอก! น้องอวี้นายชอบพวกวัตถุโบราณใช่ไหม? ฉันได้ข่าวมาว่าพรุ่งนี้จะมีของโบราณที่ล้ำค่าหลายชิ้นเข้าไปในบ้านประมูล ถ้าหากนายสนใจเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะให้ หวังเหยียนไปรับนายเพื่อเข้าร่วมการประมูลของพวกนั้น”
“วัตถุโบราณล้ำค่างั้นเหรอ? เอาสิ พรุ่งนี้ผมจะไป!”
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกสนใจทันทีเมื่อได้ยินคำว่าวัตถุโบราณ อีกอย่างก่อนหน้านี้ชายหนุ่มเองก็วางแผนว่าจะไปบ้านประมูลเร็ว ๆ นี้เหมือนกัน เพราะเขาไม่ได้ไปที่นั่นมานานแล้วเนื่องจากชีวิตของเขายุ่งมาก
หลังจากวางสายไปมันเป็นเวลาบ่ายโมงตรงพอดี
หลี่หรงเข้าไปทำอาหารในห้องครัวได้สักพักแล้วเพื่อเตรียมมื้อเที่ยงที่พวกเขายังไม่ได้กิน ส่วนอวี้ฮ่าวหรานนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร แต่เมื่อรอไปได้แค่พักเดียว โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีก
“ฮ.. ฮัลโหล นั่นท่านประธานอวี้ใช่ไหมครับผม?”
น้ำเสียงที่ฟังดูประจบสอพลอดังขึ้นจากปลายสาย อวี้ฮ่าวหรานรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือหลิวเทียนอี้
“มีอะไรก็รีบพูดมา!”
อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับอย่างไม่ใยดี
“ค… คือแบบนี้ครับท่านประธานอวี้ ตอนนี้หมาของผมที่ท้องอยู่ออกลูกแล้ว ลูกของมันมีหลายตัวมาก ๆ ท่านประธานสนใจอยากจะมาดูพวกมันหรือเปล่าครับ?”
หลิวเทียนอี้รีบพูดขึ้นเมื่อได้ยินน้ำเสียงอีกฝ่ายที่เริ่มหงุดหงิด
“ออกลูกแล้ว?”
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีกับเรื่องนี้ เพราะลูกหมาเหล่านั้นนับได้ว่าเป็นลูก ๆ ของเจ้าลูกกวาด
“ได้ งั้นเดี๋ยววันนี้ตอนเย็นฉันจะพาลูกของฉันไปดูพวกมัน”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็วางสายไปในทันที
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกทึ่งกับความพยายามของอีกฝ่ายเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้เขาได้บล็อกเบอร์ของหลิวเทียนอี้ไปแล้ว ซึ่งคราวนี้อีกฝ่ายกลับใช้เบอร์ใหม่โทรมา
จากนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็หันไปหาหลี่หรงที่เพิ่งทำอาหารเสร็จและพูดว่า “หลิวเทียนอี้โทรมาบอกว่าลูก ๆ ของเจ้าลูกกวาดเกิดแล้ว วันนี้เธอช่วยพาถวนถวนไปดูพวกมันตอนค่ำหน่อยจะได้ไหม?”
“ไม่ ฉันไม่ไป!”
หลี่หรงปฏิเสธอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเหยเก
“ทุกครั้งที่ฉันเห็นหน้าไอ้อ้วนนั่นฉันขยะแขยงทุกที! ถ้าไม่มีความจำเป็นจริง ๆ ฉันจะไม่ไปที่นั่นอีกเด็ดขาด ไม่รู้แหละคราวนี้พี่ต้องพาถวนถวนไปเอง!”
แค่คิดถึงหน้าของหลิวเทีนยอี้ หลี่หรงก็รู้สึกขนลุก
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกจนใจ ขนาดหลี่หรงยังทนไอ้บ้านั่นไม่ได้เลยงั้นเหรอ?
“ก็ได้ พี่พาถวนถวนไปเองก็ได้”
หลังจาก 4 โมงเย็น เมื่ออวี้ฮ่าวหรานไปรับถวนถวนแล้ว เขาก็ขับรถพา ถวนถวนมุ่งหน้าไปดูลูกของเจ้าลูกกวาดทันที
“เย้! หนูจะได้เห็นลูก ๆ ของเจ้าลูกกวาดแล้ว!”
ถวนถวนแสดงสีหน้าเบิกบานเป็นอย่างมากหลังจากรู้ข่าวนี้จากอวี้ฮ่าวหราน เด็กน้อยกระโดดลงจากรถทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูรถให้
“ยินดีต้อนรับครับผมท่านประธานอวี้! กระผมยืนรอท่านอยู่ที่หน้าประตูตลอดเวลาเลย!”
หลิวเทียนอี้ดูเหมือนว่ายืนรออยู่หน้าประตูมาได้พักใหญ่แล้ว ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานจอดรถ ชายอ้วนผู้นี้ก็รีบวิ่งเข้ามาต้อนรับด้วยสีหน้าประจบประแจงอย่างรวดเร็ว
จากนั้นทันทีที่เดินเข้าไปในบ้าน หลิวเทียนอี้เดินนำทางเข้าไปหาคอกลูกหมาพลางแนะนำเกี่ยวกับรถชุดใหม่ที่เพิ่งถูกส่งเข้ามาในโชว์รูมของเขา
“ท่านประธานอวี้ครับผม ตอนนี้ลูกสาวของท่านก็เริ่มจะโตแล้ว ท่านต้องการรถแบบใหม่ไว้ใช้งานเพิ่มอีกหรือไม่ครับท่าน? เมื่อวานเพิ่งมีรถล็อตใหม่เข้ามาส่ง แต่ละคันล้วนเป็นรถระดับพรีเมี่ยมที่ทั้งสวยทั้งหรูหราเหมาะกับท่านประธานและลูกสาวเป็นอย่างมากเลย!”
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้แค่พาฉันไปดูลูกหมาก็พอ”
อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ดูไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่
หลังจากนั้นอีกแค่เพียงชั่วอึดใจ หลิวเทียนอี้ก็พาไปถึงด้านหลังบ้านที่มีคอกหมาและบ้านหมาที่ถูกสร้างมาเป็นอย่างดี
ถวนถวนวิ่งเข้าไปเกาะรั้วคอกหมาทันทีด้วยแววตาเป็นประกาย
“หนึ่ง สอง สาม… ว้าว! พ่อจ๋า มีลูกหมาเยอะแยะเต็มไปหมดเล้ย!”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หากลูกสาวของเขามีความสุข เขาเองก็มีความสุขไปด้วย
ชายหนุ่มเดินไปดูที่คอกหมา ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่ามีลูกหมาจำนวนสิบกว่าตัวกำลังนอนดูดนมแม่ของพวกมันอยู่
ไม่แปลกใจเลยที่ถวนถวนดูตื่นเต้น