ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 235 สั่งสอนโจร
บทที่ 235 สั่งสอนโจร
หลังจากโจรร่างผอมกระโดดออกมาขวางหน้า ชายฉกรรจ์อีกสามคนที่ดูสภาพแล้วไม่บอกก็รู้ว่าเป็นพวกนักเลงก็เดินตามหลังออกมาจากมุมมืด
ขณะนี้มีสี่คนที่ขวางหน้าอวี้ฮ่าวหรานอยู่
เมื่อเห็นว่าพวกตัวเองมีจำนวนเหนือกว่า พวกนักเลงก็ยิ่งรู้สึกฮึกเหิม
“ไอ้สารเลวเอ๊ย เมื่อกี้แกกล้าเตะฉันเหรอวะ? เดี๋ยวก่อนเถอะ เดี๋ยวแกได้เจอดีแน่!”
หลังจากพูดจบ โจรร่างผอมก็เดินเข้ามาใกล้มากขึ้นอีกก้าวหนึ่งและยกแขนของตัวเองขึ้นพร้อมกับพูดต่อ
“ดูผลงานที่แกทำกับฉัน! แขนฉันเขียวไปหมดเลยเพราะแก ถ้าแกไม่จ่ายให้ฉันมาห้าหมื่นตอนนี้ แกอย่าหวังที่จะกลับบ้าน!”
แน่นอนว่าแผนการของนักเลงพวกนี้ง่ายมาก พวกมันต้องการรีดเงินจากอวี้ฮ่าวหราน!
“พ่อจ๋า คนพวกนี้เป็นพวกคนเลวหมดเลย!”
ถวนถวนเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูน่ากลัวของพวกนักเลง เด็กน้อยซุกหน้าไปที่อกของอวี้ฮ่าวหรานด้วยความกลัว
“ถวนถวน ไม่ต้องกลัวนะลูก เราไม่ต้องไปสนใจพวกมดปลวกแบบนี้หรอก ไปกันดีกว่า พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
อวี้ฮ่าวหรานพูดปลอบก่อนที่จะอุ้มถวนถวนเดินอ้อมกลุ่มของพวกนักเลงต่อไปโดยไม่สนใจอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าเมื่อเห็นอวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจพวกมัน พวกนักเลงจึงยิ่งรู้สึกโมโห
“แม่งเอ๊ย! นี่แกหูหนวกหรือไงวะ? ฉันเพิ่งบอกแกไปว่าถ้าแกไม่จ่ายฉันมา 5 หมื่น แกไม่สามารถไปไหนได้ แกไม่ได้ยินรึไง!”
หลังจากพูดจบ พวกนักเลงเดินมาขวางทางอวี้ฮ่าวหรานอีกรอบ
“ฉันบอกเอาไว้เลยว่าถ้าวันนี้แกไม่จ่าย ฉันจะหักแขนแกซะ ฉันจะทำให้แกพิการไปตลอดชีวิต!”
โจรร่างผอมเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง ในสายตาของมันอวี้ฮ่าวหรานไม่ต่างอะไรกับเหยื่อที่มันสามารถขย้ำเมื่อไหร่ก็ได้
เมื่อถูกขวางอีกรอบ อวี้ฮ่าวหรานก็เริ่มรู้สึกรำคาญ ในตอนแรกที่เขาไม่อยากมีเรื่องเป็นเพราะว่าถวนถวนอยู่ด้วย เขาไม่อยากให้ลูกสาวเห็นภาพรุนแรงบ่อยเกินไป เพราะที่ผ่านมาเขาต่อยตีคนต่อหน้าลูกสาวหลายรอบแล้ว แต่ท้ายที่สุดมันก็ยังมีพวกวอนหาเรื่องเจ็บตัวโผล่มาอยู่เป็นประจำ
“แกอยากหักแขนฉันงั้นเหรอ? ลองเข้ามาดูสิ!”
เมื่อถูกท้าทายขนาดนี้พวกนักเลงก็รู้สักโมโหทันที
“บัดซบ! ไอ้หนุ่มนี่แกอยากตายมากใช่ไหม? ได้! พวกเรารุมมันเลย!”
หลังจากพูดจบ ทั้งโจรและนักเลงอีกสามคนก็วิ่งกรูเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหราน
ในเวลาเดียวกัน อวี้ฮ่าวหรานปล่อยถวนถวนลงพื้นและโบกมือส่งสัญญาณให้ก้าวถอยไป ซึ่งเด็กน้อยก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี จากนั้นตัวเขาก็พุ่งเข้าไปหานักเลงที่วิ่งไวที่สุดและล็อกแขนอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหักแขนอีกฝ่ายอย่างง่ายดายราวกับหักกิ่งไม้แห้ง!
“กร๊อบ!!”
“อ๊ากกกก แขนฉัน!!!”
นักเลงคนแรกร้องโหยหวนราวกับหมูถูกเชือดทันทีและลงไปนอนดิ้นด้วยสีหน้าทรมาน
หลังจากนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็เคลื่อนที่ไปหานักเลงคนที่สองที่กำลังยืนตกตะลึงอยู่และหักแขนอีกฝ่ายอย่างง่ายดายภายในพริบตา และทำเช่นเดียวกันกับนักเลงคนที่สามที่กำลังหันหลังวิ่งหนี
ภายในพริบตานักเลงสามคนลงไปนอนชักดิ้นชักงอร้องโอยโอยอยู่ที่พื้นด้วยสภาพแขนที่หักผิดรูป เหลือแค่โจรร่างผอมคนแรกที่ยืนตัวสั่นก้าวขาไม่ออก
“น…นี่มันเป็นไปได้ยังไง???”
เมื่อเห็นพรรคพวกของตัวเองถูกหักแขนอย่างง่ายดาย โจรร่างผอมก็รู้สึกหวาดกลัวจนแทบหมดสติ
นี่ฉันไปยั่วยุตัวอันตรายขนาดนี้ได้ยังไง?
ไอ้คน ๆ นี้ไม่ใช่คนที่ฉันควรยุ่งด้วย!
“พ…พี่ชาย ฉ…ฉันผิดไปแล้ว ป…โปรดให้อภัยฉันสักครั้งเถอะนะ!”
เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานกำลังเดินเข้ามาหาอย่างเชื่องช้า โจรร่างผอมก็รีบยกมือขึ้นร้องขอความเห็นใจพร้อมกับค่อย ๆ ก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัว
อวี้ฮ่าวหรานเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาหัวเราะด้วยความขบขัน และเพียงแค่ชั่วพริบตาร่างของเขาก็ไปปรากฏตรงหน้าโจรร่างผอม!
เขาจับแขนขวาโจรเอาไว้แน่นและเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“เมื่อกี้ฉันอุตส่าห์ไม่สนใจแกแล้ว แต่แกกลับยังสร้างความรำคาญให้ฉัน แกคิดว่าฉันใจดีถึงขนาดจะปล่อยแกไปโดยไม่สั่งสอนแกบ้างเลยเหรอ?”
โจรร่างผอมยิ่งตื่นตระหนกมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเช่นนี้ เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานคงไม่ละเว้นตัวเองแน่ ๆ เขาจึงรวบรวมความกล้าตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น
“ก…แกอย่าได้ใจไปนักนะโว้ย! ถึงแม้ว่าแกจะต่อยตีเก่ง แต่ฉันคือคนของแก๊งวาฬยักษ์ หากแกทำอะไรฉัน…อ๊ากกก!!!”
“พลั่ก!!”
ก่อนที่โจรร่างผอมจะทันได้พูดจบ อวี้ฮ่าวหรานพลันบีบกระดูกแขนของอีกฝ่ายจนแหลกละเอียด ก่อนที่จะเตะสีข้างของอีกฝ่ายให้กระเด็นออกไปให้พ้นทางเดิน
โจรร่างผอมนอนชักดิ้นชักงออย่างเจ็บปวดไม่กล้าพูดอะไรกับอวี้ฮ่าวหรานอีกต่อไป เขาโดนหนักมากกว่าใครเพื่อน ไม่เพียงแต่กระดูกแขนของเขาจะถูกบดจนละเอียด ซี่โครงของเขาเองก็หักไปหลายซี่จากลูกเตะเมื่อครู่
นับจากนี้เขาคงต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนเพื่อพักฟื้น ส่วนแขนของเขานั้นคงไม่สามารถกลับมาใช้ได้อย่างปกติอีกตลอดชีวิต
อวี้ฮ่าวหรานมองคนของแก๊งวาฬยักษ์ทั้งสี่คนด้วยสายตาดูถูก ก่อนที่จะเดินกลับไปอุ้มถวนถวนและจากไป
สำหรับชายหนุ่มแล้ว แก๊งวาฬยักษ์อะไรนั่นเป็นแค่ปัญหาเล็กน้อย หากอีกฝ่ายกล้ามารังควานอีก เขาจะไปถล่มแก๊งของพวกมันเหมือนอย่างที่เคยทำลายแก๊งมังกรคราม!
หลังจากกลับถึงห้อง ถวนถวนก็วิ่งเข้าไปหาหลี่หรงที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา
“แม่หรง ๆ เมื่อกี้พ่อจ๋าจัดการพวกคนเลวอีกแล้ว! พ่อจ๋าจับโจรได้ที่สวนสาธารณะและระหว่างเดินกลับมาพ่อจ๋าก็อัดพวกคนชั่วไปสี่คนแน่ะ!”
หลี่หรงหันไปมองอวี้ฮ่าวหรานด้วยแววตางุนงงทันที
จับโจร? อัดคนชั่วสี่คน?
นี่พี่เขยของเธอเป็นแม่เหล็กดึงดูดพวกคนเลวหรือไง?
คนอะไรทำไมถึงมีเรื่องบ่อยขนาดนี้?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลี่หรงก็รู้สึกเหนื่อยใจ
“พี่เขย นี่ขนาดพี่แค่ลงไปที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ พี่ยังมีเรื่องเลยงั้นเหรอ? ฉันล่ะทึ่งจริง ๆ กับดวงของพี่!”
หลี่หรงเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างขบขัน
“ว่าแต่พี่เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า?”
หลังจากเอ่ยถาม หลี่หรงก็ลุกขึ้นและเดินมาสำรวจรอบ ๆ ร่างกายของ อวี้ฮ่าวหราน
อวี้ฮ่าวหรานยักไหล่อย่างสบาย ๆ และตอบกลับ “พี่จะเป็นอะไรได้ยังไง พวกนั้นมันก็แค่พวกนักเลงปลายแถว”
อย่าว่าแต่นักเลงแค่สี่คน สำหรับเขาต่อให้จะมีนักเลงสักสี่ร้อยคนเขาก็คงไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
เช้าวันถัดมา
หลังจากส่งถวนถวนเข้าไปในโรงเรียนเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็เพิ่งนึกขึ้นได้ถึงเรื่องบางอย่างที่เขาลืมไปเลย
ว่าแล้วเขาก็กดโทรศัพท์โทรออกไปทันที
“ผมอวี้ฮ่าวหรานเองนะ คุณจำเรื่องที่ผมเคยบอกว่าจะยืมวัตถุโบราณของคุณบางชิ้นได้ไหม?”
หลังจากอีกฝ่ายรับสาย อวี้ฮ่าวหรานก็พูดเข้าเรื่องทันที
แน่นอนว่าคนที่เขาโทรหาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซูหว่านเอ๋อร์ เนื่องจากเธอมีวัตถุโบราณหลายชิ้นที่มีพลังวิญญาณแฝงอยู่ ซึ่งถ้าหากชายหนุ่มดูดซับพลังของพวกมันได้ทั้งหมด ระดับการบ่มเพาะของเขาจะต้องพุ่งทะยานแน่นอน