ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 24 เรื่องน่าแปลกเกี่ยวกับถวนถวน
บทที่ 24 เรื่องน่าแปลกเกี่ยวกับถวนถวน
ในทันทีที่กลับถึงบ้าน อวี้ฮ่าวหรานโคจรพลังวิญญาณใช้เนตรเทวะส่องทะลุเข้าไปในห้องของถวนถวนทันที ซึ่งเขาก็เห็นว่าตอนนี้เทพธิดาตัวน้อยของเขาได้หลับไปแล้วเรียบร้อย
เมื่อเห็นภาพลูกสาวของตัวเองนอนหลับอย่างสบาย อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างสุขใจ
จากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็เหลือบมองไปที่ห้องของหลี่หรง ซึ่งเขาเห็นว่าในตอนนี้เธอกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง
หลังจากที่ตรวจสอบแล้วว่าทุกอย่างในบ้านเรียบร้อยดี อวี้ฮ่าวหรานก็เดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเองอย่างเงียบ ๆ เพื่อเริ่มการบ่มเพาะเสริมความแข็งแกร่งของตัวเองให้เร็วที่สุด
หืม?
แต่แล้วในระหว่างที่เขากำลังโคจรเคล็ดวิชาเทพมารกลืนสวรรค์อยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณในระยะใกล้มาก ๆ ซึ่งมันทำให้เขาลืมตาขึ้นด้วยความงุนงงทันที
เขารีบเดินออกจากห้องของตัวเอง และไปหยุดยืนอยู่หน้าห้องของถวนถวนและหลี่หรง เขาสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณที่ผันผวนเมื่อครู่มันมีต้นกำเนิดมาจากหนึ่งในสองห้องนี้
พลังวิญญาณที่ผันผวนเมื่อครู่มันมีรูปแบบคล้ายกับตอนที่เขาใช้เคล็ดวิชาเทพมารกลืนสวรรค์สูบพลังวิญญาณของโลกเข้ามาบ่มเพาะร่างกายของเขามาก ๆ
ถวนถวนและหลี่หรงต่างเป็นมนุษย์ธรรมดาของโลกนี้ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่คนทั้งคู่จะรู้จักวิธีการบ่มเพาะรูปแบบเดียวกับที่ดินแดนแห่งเทพ?
แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานจะไม่ยอมปล่อยให้ความสงสัยของเขาไม่ได้รับคำตอบ
เขาโคจรพลังวิญญาณไปที่ดวงตาของตัวเองอีกครั้ง แต่รอบนี้เขาอัดพลังวิญญาณเข้าไปมากกว่าเดิมจนเขาสามารถมองทะลุได้ทั้งกำแพงและเสื้อผ้า รวมไปถึงเนื้อหนังของถวนถวนและหลี่หรง
อย่างไรก็ตามเมื่อเขามองไปที่ร่างกายของทั้งคู่เขากลับไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก
“หรือว่ามันเกี่ยวกับการบ่มเพาะของเรา?”
อวี้ฮ่าวหรานลองโคจรเคล็ดวิชาเทพมารกลืนสวรรค์อีกรอบอย่างเงียบ ๆ ซึ่งผลที่ได้มันก็เป็นไปตามที่เขาคาดเอาไว้ จู่ ๆ ภายในร่างของถวนถวนก็ส่องสว่างขึ้น ถึงแม้ว่าแสงในร่างของเด็กหญิงจะไม่สว่างมากนัก แต่คลื่นพลังวิญญาณที่ผันผวนมันก็รุนแรงมากกว่าเมื่อครู่ซะอีก
จริงด้วย!
ความผันผวนของพลังวิญญาณเมื่อครู่มันเกิดขึ้นจากถวนถวน!
ถึงแม้ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ประสบการณ์การบ่มเพาะที่มีมาถึง 3 หมื่นปีมันทำให้เขาแน่ใจว่าสิ่งนี้ไม่ได้เป็นผลเสียต่อถวนถวน ในทางกลับกันมันเป็นผลดีอย่างยิ่งยวดอีกต่างหาก
ส่วนทางด้านของหลี่หรง ร่างกายของเธอที่เปลือยเปล่าในมุมมองของอวี้ฮ่าวหรานตอนนี้นั้นไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ทั้งสิ้น และแน่นอนว่าถึงแม้จะเห็นร่างของน้องภรรยาที่เปลือยเปล่าแบบนี้อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
ในใจของเขามีเพียงแค่ผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือภรรยาของเขาแค่เพียงคนเดียว นับหมื่นปีมาแล้วที่เขาอยู่ในดินแดนแห่งเทพที่มีเหล่าเทพธิดางดงามมากมายจำนวนนับไม่ถ้วนยอมพลีกายให้เขา เขายังไม่เคยสนใจ ดังนั้นนับประสาอะไรกับน้องภรรยาของตัวเองที่เขาไม่เคยคิดอะไรเกินเลยด้วยเลย
เมื่อนึกย้อนไปถึงอดีตตอนที่ภรรยาของเขายอมสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมาอยู่กับคนอย่างเขา แต่ตอนนี้เธอกลับหายไปเพราะตามหาเขา ดวงตาของอวี้ฮ่าวหรานก็เริ่มมีน้ำตาซึม
เขาค่อย ๆ ปิดตาลงและสูดหายใจลึกเพื่อปรับอารมณ์ของตัวเอง
จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก อวี้ฮ่าวหรานก็ค่อย ๆ ลืมตา และเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไปพร้อมกับสาบานในใจ
“ข้าจะต้องปกป้องถวนถวน และฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตัวเองให้เร็วที่สุด เพื่อทำให้ครอบครัวของข้าผู้นี้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม…”
…
เช้าวันต่อมาคู่พ่อลูกก็ออกไปจากบ้านกันด้วยสีหน้าเบิกบานเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าบ้านของพวกเขาจะอยู่ใกล้โรงเรียนอนุบาล แต่เมื่อคิดว่าวันนี้เขาอาจจะมีธุระหลายอย่างที่ต้องทำ อวี้ฮ่าวหรานจึงเลือกที่จะขับรถไปส่งถวนถวนแทน
แต่แล้วเมื่อขับไปได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น เสียงยางระเบิดก็ดังขึ้น
“ปัง!”
น่าแปลก? รถใหม่ ๆ แบบนี้ยางจะมีปัญหาได้ยังไง? มันต้องโดนอะไรเข้าสักอย่างแน่ ๆ
อวี้ฮ่าวหรานรีบควบคุมรถไปจอดที่ข้างทางทันที จากนั้นเขาปลอบถวนถวนให้สงบก่อนที่จะเปิดประตูรถลงไปดู
แทบจะในเวลาเดียวกับที่อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูลงรถไป กลุ่มนักเลง 12 คนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหลากสีสันก็วิ่งกรูกันเข้ามาล้อมอวี้ฮ่าวหราน และหนึ่งในนั้นแต่งตัวด้วยชุดสูทสีเทาพร้อมกับคาบซิการ์ราคาแพงอยู่ที่ปาก
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนใส่ชุดสูทน่าจะเป็นผู้นำกลุ่มนักเลงนี้!
“เฮ้อ คนธรรมดาอย่างแกแต่กลับต้องให้ฉันเป็นคนออกโรงมาจัดการ ช่างน่าเบื่อจริง ๆ”
ในตอนแรกที่ได้รับงานมา ชายใส่ชุดสูทนึกว่าฝั่งตรงข้ามจะดูน่าเกรงขามมากกว่านี้ แต่พอเขาได้มาเห็นว่าฝั่งตรงข้ามเป็นแค่ผู้ชายที่ดูผอม ๆ ไม่มีอะไรพิเศษ เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา
“เฮ้ ไอ้หนุ่ม! เห็นสารรูปแกแล้วฉันเวทนาว่ะ เอาเป็นว่าฉันจะบอกอะไรสักอย่างให้แกรู้ก่อนตายก็แล้วกัน เมื่อไหร่ที่แกบังอาจล่วงเกินคุณถง ชะตากรรมของแกมีเพียงอย่างเดียวก็คือตาย!”
ในระหว่างที่ชายชุดสูทพูดขึ้น บรรดานักเลงที่เหลือต่างก็พากันตีวงแคบเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานมากขึ้นเรื่อย ๆ
ส่วนทางด้านอวี้ฮ่าวหรานน่ะเหรอ? เขาไม่สนใจอะไรกับคนพวกนี้เลย เขาค่อย ๆ เดินไปเปิดท้ายรถและหยิบล้ออะไหล่ออกมาอย่างใจเย็น
ถวนถวนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็เช่นกัน เธอเริ่มตื่นตระหนก เธออยากจะลงจากรถเพื่อไปอยู่ข้าง ๆ พ่อของเธอ แต่เธอเปิดประตูเองไม่ได้เพราะอวี้ฮ่าวหรานล็อคเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เคาะกระจก
อวี้ฮ่าวหรานยิ้มและเดินไปแง้มประตูหลัง และพูดกับถวนถวนว่า “ถวนถวนลูกไม่ต้องกลัว ลูกจำประโยคที่พ่อสอนได้ไหม เวลามีคนมาหาเรื่องพวกเราต้องพูดว่าอะไร?”
เมื่อได้ยินคำปลอบของอวี้ฮ่าวหรานสีหน้าของถวนถวนก็คลายความกังวลเป็นปลิดทิ้ง เธอตอบกลับอย่างรวดเร็วทันที “มดแมลง! คนพวกนี้เป็นแค่มดแมลง ถวนถวนพูดถูกไหมพ่อจ๋า?”
หลังจากพูดจบถวนถวนมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตามีความหวัง อยากให้พ่อของเธอชมที่เธอตอบถูก
“ฮ่าฮ่าฮ่า ลูกของพ่อฉลาดที่สุด!”
เมื่อเห็นว่าคู่พ่อลูกคุยหยอกล้อกัน แถมประโยคหยอกล้อนั้นมันเป็นคำสบประมาทพวกของตัวเอง บรรดานักเลงก็เดือดดาลกันทันที
“ไอ้สารเลวเอ๊ย! นี่พวกแกคิดว่าตัวเองเป็นใครกันวะถึงได้กล้าปากดีแบบนี้ พวกแกรู้ไหมว่าวันนี้พวกแกทั้งคู่กำลังจะตายกันอยู่แล้ว!”
นักเลงพวกนี้คือคนของโลกใต้ดิน พวกมันไม่เคยโดนเหยื่อของมันดูถูกแบบนี้มาก่อนเลย ดังนั้นพวกมันเลยทั้งรู้สึกโมโหและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน
ทางด้านของผู้นำกลุ่มนักเลง สีหน้าของเขายิ่งดูไม่ได้มากไปใหญ่ โดยปกติแล้วเขาไม่ใช่คนใจเย็นอะไรนัก โดยเฉพาะกับเหยื่อที่อยู่ในกำมือแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงระเบิดอารมณ์ทันที
“ดี ดีมาก! เฮ้ย ฆ่าไอ้คนพ่อทิ้งซะ ส่วนไอ้คนลูกจับเอาไว้แล้วค่อยไปโยนให้หมาจรจัดกินทีหลัง!”
อวี้ฮ่าวหรานที่ในตอนแรกยังคงสงบอารมณ์อยู่ได้ แต่เมื่อได้ยินประโยคหลังสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที แต่แล้วเขาก็สูดหายใจลึกเพื่อสงบอารมณ์ และพูดกับถวนถวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ถวนถวน ลูกรอพ่อสักแป๊บนะ พ่อขอไปเก็บกวาดมดแมลงพวกนี้ก่อน แล้วจากนั้นพอเปลี่ยนล้อเสร็จพวกเราค่อยไปกันต่อ โอเคไหมลูก?”
“โอเค! เก็บกวาด ๆ มดแมลง ๆ พ่อจ๋าจัดการพวกคนเลวให้หมดเลย! ฮี่ฮี่ฮี่”
ถวนถวนตะโกนร้องขึ้นพร้อมกับแสดงท่าทางออกหมัดตามประสาเด็ก ๆ ไปทางหัวหน้ากลุ่มนักเลงที่อยู่นอกรถ