ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 246 แผนการที่ถูกวางเอาไว้เป็นอย่างดี
บทที่ 246 แผนการที่ถูกวางเอาไว้เป็นอย่างดี
สีหน้าของสวีเซี่ยงจวินดูขมขื่นเป็นอย่างมาก การเล่าของเขาหยุดลงเมื่ออารมณ์ของเขาดำดิ่งจนถึงขีดสุด
“แล้วยังไงต่อ”
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายหยุดเล่า เขาพอจะเดาได้ลาง ๆ แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังอยากฟังความจริงจากปากของอีกฝ่ายเพื่อยืนยันการคาดเดาของเขาเอง
“ในตอนนั้นผมมันโง่จริง ๆ ที่เชื่อคนอย่างจางไห่ ผมตามมันไปที่บ่อนด้วยสภาพมึนเมาที่เกิดจากคำหว่านล้อมของมันและฤทธิ์เหล้า พอไปถึงที่โต๊ะพนัน ผมก็กำเงินหนึ่งหมื่นที่จางไห่มันให้ยืมมาด้วยความหวังว่าจะโชคดีชนะได้เงินก้อนใหญ่ ซึ่งจะได้เอามาทำให้ชีวิตของลูกสาวของผมดีขึ้น…”
“จากนั้นนายเสียจนหมดเลยถูกต้องไหม?”
หวังเหยียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแทรกขึ้น เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมากกับเรื่องราวเหตุการณ์แบบนี้ นี่มันคืออุบายล่อเหยื่อเข้าบ่อน
เขาไม่เคยสั่งให้ลูกน้องของตัวเองทำวิธีนี้ เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการฆ่าคนอื่นทั้งเป็น แต่สำหรับบ่อนของแก๊งอื่น ๆ นั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อย
สวีเซี่ยงจวินพยักหน้าอย่างโศกเศร้า เมื่อได้ยินคำถามของหวังเหยียน
“ใช่แล้ว ผมเสียตั้งแต่ตาแรกที่เดิมพันด้วยซ้ำ และจากนั้น ด้วยอารมณ์ที่อยากจะได้เงินที่เสียไปคืนและได้กำไร ผมจึงเล่นไปอีกเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดภายในครึ่งชั่วโมงผมก็เสียเงินหนึ่งหมื่นไปทั้งหมด ซึ่งหลังจากเงินหมดแล้ว จางไห่ก็เปลี่ยนท่าทีทวงเงินผมทันที แต่ผมจะมีเงินคืนมันได้ยังไง? บ้าเอ๊ย! ไอ้สารเลวนั่นมันหลอกลวงผม!”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ดวงตาของสวีเซี่ยงจวินก็แดงก่ำด้วยความโกรธ
“ไอ้สารเลวนั่นมันหลอกให้ผมยืมเงินจากบ่อนเพื่อเล่นต่อ! แต่แล้วยิ่งผมเล่นไปเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเสียมากเท่านั้น จนกลายเป็นว่ายิ่งผมอยากใช้เงินคืนมันผมก็ยิ่งเป็นหนี้เพิ่ม! ไอ้เลวนั่นมันวางแผนหลอกผมอย่างหน้าด้าน ๆ!”
“ส่วนสาเหตุที่ผมไม่กลับไปหาลูกสาวนั้นเป็นเพราะการกลับไปมันจะไม่ต่างอะไรกับการทำให้ลูกสาวของผมเป็นอันตราย จากนั้นผมจึงมาที่ผับแห่งนี้เพื่อดื่มปลดทุกข์ แต่ด้วยความลืมตัวว่าผมไม่มีเงินติดตัวอีกแล้วผมจึงถูกการ์ดของผับซ้อมและจับโยนออกมา และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสองวันที่แล้ว คนของบ่อนก็มาทวงเงินที่ผมติดเอาไว้ พวกมันบอกว่าถ้าผมไม่ใช้หนี้ พวกมันจะฆ่าผมทิ้ง”
หลังจากเล่าทุกอย่างจบ สวีเซี่ยงจวินก็หลั่งน้ำตาอีกรอบด้วยความกลัวปนความเสียใจ
เมื่อฟังจบ อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าเล็กน้อย เรื่องราวมันเป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด จางไห่คือนกต่อที่ล่อเหยื่อเข้าบ่อน
ในทางกลับกันหวังเหยียนรีบอธิบายทันที เขากลัวว่าอวี้ฮ่าวหรานจะเข้าใจผิดในเรื่องที่เกิดขึ้นกับสวีเซี่ยงจวิน
“น้องอวี้ บ่อนที่สวีเซี่ยงจวินไปเล่นมาไม่ใช่บ่อนของเราแน่นอน วิธีการล่อคนเข้ามาเชือดในบ่อนแบบนี้ พวกเราไม่ทำอย่างแน่นอน และจากที่รู้มา บ่อนที่อยู่แถว ๆ นี้ล้วนเป็นบ่อนของแก๊งวาฬยักษ์”
เนื่องจากสวีเซี่ยงจวินเป็นคนที่อวี้ฮ่าวหรานดูห่วงใย ดังนั้นหวังเหยียน จึงจำเป็นต้องอธิบายว่าเรื่องทั้งหมดไม่ได้เกิดจากบ่อนของเขา ไม่เช่นนั้นอวี้ฮ่าวหรานจะระบายความโกรธลงที่แก๊งของพวกเขาก็เป็นได้
อวี้ฮ่าวหรานเมื่อได้ยินคำอธิบายของหวังเหยียนก็พยักหน้าเล็กน้อย แต่ในใจของชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดกับแก๊งที่ชื่อวาฬยักษ์ ก่อนหน้านี้แก๊งนี้ก็เคยหาเรื่องเขา มาวันนี้ยังสร้างปัญหาน่ารำคาญให้คนรู้จักของเขาอีกแล้วงั้นเหรอ?
ดูเหมือนว่าหลังจากแก๊งมังกรครามหายไป แก๊งนี้ก็ฉวยโอกาสขึ้นมาเคลื่อนไหวแทนสินะ?
…
อีกด้านหนึ่ง
ในผับแห่งหนึ่งของแก๊งวาฬยักษ์
จางไห่กำลังเดินเข้าไปในห้อง VIP ขนาดใหญ่ห้องหนึ่งด้วยสีหน้าเบิกบาน
“แหะ ๆ ลูกพี่ยุ่งอยู่หรือเปล่า?”
เมื่อเข้าไปในห้อง จางไห่ก็โค้งตัวทักทายอย่างนอบน้อมด้วยสีหน้าประจบประแจง ต่อชายหัวล้านร่างใหญ่คนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องและกำลังถูกรายล้อมด้วยหญิงสาว
ชายหัวล้านคนนี้คือหนึ่งในหัวหน้าสาขาของแก๊งวาฬยักษ์มีชื่อว่า หวางเว่ย
เมื่อเห็นว่าจางไห่เข้ามาหา หวางเว่ยก็หัวเราะอย่างชั่วร้ายก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้น “ฮ่า ๆ เป็นยังไงบ้างกับเรื่องที่ฉันให้แกไปทำเมื่อหลายวันก่อน?”
“ลูกพี่ ผมทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว! ไอ้สวีเซี่ยงจวิน ตอนนี้มันเป็นหนี้เราถึง 10 ล้าน! ทั้งชีวิตนี้มันไม่มีทางหาเงินมาใช้คืนเราได้แน่นอน!”
จางไห่รีบตอบกลับทันทีด้วยท่าทางเคารพ
“ฮ่า ๆ ดีมาก! แกทำได้ดีมาก! นับจากนี้มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขายลูกสาวตัวเองให้ฉันแน่นอน!”
หวางเว่ยตบเข่าตัวเองอย่างเบิกบาน แน่นอนว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของเขาเอง
“แน่นอนครับลูกพี่! หากมันต้องการจะรอดตาย มันเหลือแค่เพียงทางเดียวคือต้องขายลูกสาวของตัวเอง จากนั้นลูกพี่จะเล่นกับนังเด็กนั่นยังไงก็ได้!”
จางไห่มีความคิดชั่วร้ายไม่ต่างอะไรกับของหวางเว่ยอยู่ในหัว เขารู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่ลูกพี่ของตัวเองเบื่อผู้หญิงคนไหนแล้ว ลูกพี่ของเขาจะโยนผู้หญิงคนนั้นทิ้งอย่างไม่ใยดี และต่อมาเขาก็จะสามารถเล่นกับผู้หญิงเหล่านั้นต่อได้อย่างใจนึก
“ฮ่า ๆ จางไห่เอ๋ย! คราวนี้แกทำได้ดีมาก ฉันล่ะมีความสุขจริง ๆ โว้ย!”
ยิ่งคิด หวางเว่ยก็ยิ่งรู้สึกเบิกบาน ก่อนหน้านี้เขาเคยผ่านหน้าโรงเรียนอนุบาลอยู่ครั้งหนึ่ง และนั่นทำให้เขาบังเอิญได้เห็นสวีรุ่ยที่กำลังออกมาส่งนักเรียนที่หน้าประตูพอดี
เขารู้สึกตกตะลึงในความสวยแบบธรรมชาติของสวีรุ่ยมาก ๆ จนพวกผู้หญิงในผับของเขาเทียบไม่ติด ดังนั้นเขาจึงให้ลูกน้องของตัวเองไปหาข้อมูลของสวีรุ่ยมาจากนั้นเขาจึงดำเนินการตามแผนผ่านจางไห่ที่เคยเป็นเพื่อนเก่าของสวีเซี่ยงจวิน
“แกรีบไปทำเรื่องนี้ให้เสร็จโดยไวที่สุด! หลังจากเรื่องนี้สำเร็จเมื่อไหร่ ฉันสัญญาว่าฉันจะไปชมแกให้กับหัวหน้าแก๊งเพื่อให้แกได้เลื่อนตำแหน่ง!”
จางไห่เมื่อได้ยินเช่นนี้เขายิ่งรู้สึกลิงโลด
“ได้เลยครับลูกพี่! เดี๋ยวผมจะรีบไปตามทวงหนี้ไอ้สวีเซี่ยงจวินมันอีกรอบเดี๋ยวนี้!”
อีกด้านหนึ่ง
อวี้ฮ่าวหรานเมื่อรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว เขาจึงคิดลึกไปอีกว่าคนอย่าง สวีเซี่ยงจวินไม่ใช่คนรวยอะไร ดังนั้นการที่อีกฝ่ายมาลวงให้เขาติดหนี้ย่อมไม่น่าจะพุ่งเป้าไปที่เรื่องเงิน เรื่องนี้มันน่าจะซับซ้อนมากกว่าที่คิด!
“นายพาฉันไปที่บ่อนที่นายเล่น จากนั้นที่เหลือฉันจะจัดการเอง!” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีออกคำสั่ง
“ต…แต่มันจะดีเหรอถ้าเราจะไปที่นั่นอีก?”
สวีเซี่ยงจวินอดไม่ได้ที่จะถามย้อนด้วยสีหน้าหวาดกลัว หากเป็นไปได้เขาไม่อยากจะย้อนกลับไปที่นั่นอีกเลยในชาตินี้
หากเขาย้อนกลับไปมันจะไม่เท่ากับว่าเขากลับไปรนหาที่ตายหรอกเหรอ?
“หยุดพูดไร้สาระให้เสียเวลา พาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!”
อวี้ฮ่าวหรานตะคอกใส่เสียงดังเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลังเล
เขาไม่ชอบพ่อที่ไร้ความรับผิดชอบคนนี้เลยจริง ๆ
หวังเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นเช่นนี้เขาอดไม่ได้ที่เอ่ยแทรกขึ้น “น้องอวี้ ถ้างั้นฉันขอกลับไปพาพวกมาสมทบเพิ่มก่อนจะดีกว่าเพราะที่บ่อนนั่นน่าจะเป็นบ่อนของแก๊งวาฬยักษ์ หากมีการเผชิญหน้ากันขึ้นมาเราจะได้ไม่เสียเปรียบ”
อันที่จริงหวังเหยียนรู้อยู่แล้วว่าต่อให้เขาไม่ไปด้วย อวี้ฮ่าวหรานก็จัดการกับทุกคนในบ่อนได้อย่างง่ายดายราวกับบี้มดบี้แมลง แต่เขาอยากจะเอาใจอีกฝ่ายโดยการขอเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
“อืม”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าให้กับหวังเหยียน ก่อนที่ชายหนุ่มจะพาตัวสวีเซี่ยงจวินขึ้นรถและขับรถไปตามการนำทางของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
สำหรับชายหนุ่มแล้ว แก๊งธรรมดา ๆ พวกนี้แค่เขาเพียงคนเดียวก็เพียงพอ!
ด้วยการบอกทางของสวีเซี่ยงจวินไม่นาน อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถไปถึงหน้าผับแห่งหนึ่ง
“ฉากหน้าของมันคือผับแต่จริง ๆ แล้วพื้นที่ของห้องใต้ดินคือบ่อนที่ถูกเปิดอย่างลับ ๆ”
สวีเซี่ยงจวินเอ่ยขึ้นเมื่ออวี้ฮ่าวหรานจอดรถ อย่างไรก็ตามตัวของเขาสั่นเทิ้มไปหมดเนื่องจากความกลัว ครั้งล่าสุดที่เขามาที่นี่มันเป็นความทรงจำที่เลวร้ายต่อเขามาก ๆ
“ไป พวกเราเข้าไปด้วยกัน!”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็ลงจากรถและเดินไปที่ประตูฝั่งข้างคนขับและลากสวีเซี่ยงจวินลงจากรถ
“หา? ม…ไม่! ผมไม่ไป! พวกมันฆ่าผมแน่ถ้าพวกมันเห็นหน้าผม!”
เมื่อโดนดึงลงจากรถ สวีเซี่ยงจวินก็ร้องลั่นและพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอวี้ฮ่าวหราน เขาไม่ต้องการที่จะเข้าไปด้านในด้วยราวกับว่ามันสถานที่แห่งนี้มันคือลานประหารของเขา
“ไม่ต้องกังวล นายจะไม่เป็นอะไรฉันรับประกัน!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยันก่อนที่จะลากตัวสวีเซี่ยงจวิน ให้เดินไปกับเขา