ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 265 สองแก๊งเผชิญหน้ากัน
บทที่ 265 สองแก๊งเผชิญหน้ากัน
บทที่ 265 สองแก๊งเผชิญหน้ากัน
ก่อนหน้านี้ที่โจวเฟยหู่ได้รับโทรศัพท์จากอวี้ฮ่าวหราน ได้ให้สัญญาบอกว่า เขาจะพาคนของตัวเองไปถึงบริษัทชิวเฮิงภายในครึ่งชั่วโมง!
ทว่าในขณะนี้แก๊งวาฬยักษ์ที่อยู่ด้านล่างก็เริ่มเคลื่อนไหว หลี่จิงเทียนได้ยินเสียงดังกระหึ่มของคนนับร้อยที่เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เขาก็ทนไม่ไหวสติแตกมากกว่าเดิม
“ไม่เอาแล้ว! ฉันต้องไปหากัวหย่งซิน! ฉันต้องไปพูดให้เขาละเว้นฉันให้ได้!”
หลังจากพูดจบ หลี่จิงเทียนก็ลุกขึ้นอย่างพรวดพราดและรีบวิ่งไปที่ประตู!
“นั่งลงไปเดี๋ยวนี้!”
อย่างไรก็ตาม แค่ก้าวออกไปได้เพียงสองก้าว หลี่จิงเทียนก็ถูกอวี้ฮ่าวหรานลากตัวกลับมาและโยนลงไปนั่งที่โซฟา
“ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้! ฉ…ฉัน ก่อนหน้านี้ประธานกัวคุยกับฉันดีจะตาย! ถ้าฉันไปคุยกับเขาอีกทีเขาต้องไม่ฆ่าฉันแน่นอน!”
หลี่จิงเทียนตะโกนเถียงอย่างดื้อดึง
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นเช่นนี้ ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่าในสมองของหลี่จิงเทียนมันมีแต่ขี้เลื่อยรึไง?
มาจนถึงป่านนี้แล้วมันยังไม่เข้าใจได้อีกหรือไง ว่าอีกฝ่ายอยากฆ่ามันมากที่สุด? มันคิดได้ยังไงว่าอีกฝ่ายจะปล่อยพยานอย่างมันไปเฉย ๆ?
“ฉันบอกเอาไว้เลย ในทันทีที่แกลงไป แกได้กลายเป็นศพแน่!” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าดุดัน
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินว่าตัวเองจะตายหากลงไป หลี่จิงเทียนก็เริ่มสงบลง
“ฉันขอออกไปดูพนักงานของฉันก่อน”
ในขณะเดียวกัน เฉิงกัวอันก็เอ่ยขึ้นก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
ด้วยประสบการณ์ที่เขาเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงสงบสติอารมณ์ได้เร็วกว่าคนธรรมดามาก จึงนึกเป็นห่วงพนักงานของตัวเองที่น่าจะกำลังอกสั่นขวัญหายกันอยู่
ที่ชั่นล่างของบริษัท…
บรรดาพนักงานทั้งหลายต่างมองออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด
“น…นี่มันเกิดอะไรขึ้น? บริษัทของเราไปล่วงเกินใครที่ไหนกัน?”
“ค…คนพวกนี้ต้องการจะทำอะไรกัน? ถ้าพวกเขาบุกเข้ามา พวกเขาคงไม่ฆ่าพวกเราหมดใช่ไหม?”
“ฆ่างั้นเหรอ? ม…ไม่นะ ฉันยังไม่อยากตาย!”
ยิ่งคุยกัน พวกพนักงานก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด เฉิงกัวอันก็เดินออกจากลิฟท์มา
“ทุกคนสงบสติอารมณ์กันก่อน คนพวกนี้ไม่บุกเข้ามาแน่นอน เดี๋ยวอีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ตื่นตระหนกสุดขีดของพวกพนักงาน เฉิงกัวอันจึงรีบเอ่ยปลอบทุกคนทันที
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาเองก็ไม่มั่นใจสักเท่าไหร่เลยว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยดี
อย่างไรก็ตาม เมื่อพนักงานทุกคนเห็นประธานบริษัทของตัวเองลงมาพูดปลอบให้ความเชื่อมั่น พวกเขาก็รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่เมื่อมองออกไปข้างนอกอีกรอบและเห็นภาพของชายฉกรรจ์นับร้อยจ้องเขม็งเข้ามาก็ยังอดไม่ได้ที่จะกังวล
“จริงเหรอท่านประธาน? ว่าแต่ทำไมคนพวกนี้ถึงมาล้อมบริษัทของเรา?”
“พวกเขาจะไม่บุกเข้ามาแน่ ๆ ใช่ไหม? ถ้าพวกเขาบุกเข้ามาพวกเราแย่แน่ ๆ!”
“ท่านประธาน…”
เมื่อเผชิญกับคำถามที่เต็มไปด้วยความกังวลมากมาย เฉิงกัวอันก็รู้สึกจนใจเพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไงเหมือนกัน หลังจากกล่าวปลอบให้ความมั่นใจไปอีกเล็กน้อย เขาก็เดินไปที่ลิฟท์และกลับขึ้นมาที่ออฟฟิศของตัวเองอีกครั้ง
“คุณช่วยผมดูหลี่จิงเทียนและทุกคนในห้องที”
เมื่อเห็นว่าเฉิงกัวอันกลับเข้ามา อวี้ฮ่าวหรานก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวเดินไปที่ประตูราวกับว่าเขาจะออกไป
“เดี๋ยวนะ นายจะไปไหน?”
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉิงชิวอวี้รีบเดินมารั้งมืออวี้ฮ่าวหรานทันทีและถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ผมจะลงไปจัดการกับไอ้พวกข้างล่าง”
อวี้ฮ่าวหรานหันกลับมาตอบด้วยสีหน้าปกติ
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะเขา ซึ่งมันทำให้บริษัทชิวเฮิงเดือดร้อนพอแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องจบเรื่องนี้ให้ไวที่สุด โดยลงไปพบกับหลิ่วอวี้จิง เพื่อที่เฉิงกัวอันจะได้ไม่เดือดร้อนไปมากกว่านี้
“ไม่นะ! คุณจะลงไปไม่ได้! พวกคนข้างล่างนั่นกำลังรอทำร้ายคุณอยู่แน่ ๆ คุณจะลงไปไม่ได้!”
เฉิงชิวอวี้ยิ่งรั้งอวี้ฮ่าวหรานเอาไว้มากกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
แน่นอนว่าเธอไม่มีทางยอมปล่อยคนที่เธอรักลงไปเผชิญกับอันตรายจากนักเลงเป็นร้อยคนแน่ ๆ ถ้าเธอปล่อยให้เขาลงไป มันก็ไม่ต่างอะไรกับปล่อยเขาไปตาย!
“คุณก็เคยเห็นมาแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมเก่งแค่ไหน? คุณจะกังวลทำไม?”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะแกะมือของอีกฝ่ายออกและลูบหัวปลอบ
“นี่มันแค่เรื่องเล็ก เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา”
“เรื่องเล็ก??”
เฉิงชิวอวี้อึ้งไปในทันทีเมื่อได้ยินคำนี้ คนเป็นร้อยคนจ้องจะเอาชีวิตคุณ แต่คุณกลับบอกว่าเรื่องเล็กเนี่ยนะ?
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไรต่อ อวี้ฮ่าวหรานก็เดินออกไปแล้ว
ที่ด้านล่าง…
“หึหึ ไอ้เวรนั่นมันรนหาที่ตายแท้ ๆ กล้าดียังไงมาด่าว่าพวกเราเป็นขยะ วันนี้มันตายแน่!”
ที่แถวหลังของวงล้อม หนึ่งในหัวหน้าสาขาแก๊งวาฬยักษ์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
ที่ด้านข้าง หลิ่วอวี้จิงก็ยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะเช่นกัน
ใช่แล้ว!
ใครก็ตามที่มันบังอาจมาดูถูกฉันและแก๊งของฉันมันจะต้องได้รับบทเรียน!
เมื่อไหร่ที่คนของเขามากันครบหมด เขาจะนำคนบุกเข้าไปแล้วลากไอ้หนุ่มนั่นออกมาหาแล้วจะอัดให้เละเหมือนหมาข้างถนน!
มีแต่การฆ่าท่ามกลางสายตาผู้คนเท่านั้นที่จะสามารถล้างความอับอายนี้ได้!
ทว่าในขณะที่ทุกคนของแก๊งวาฬยักษ์กำลังได้ใจจากการได้แสดงอิทธิพลของตัวเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นที่ด้านหลังวงล้อมของพวกเขา
“น…นั่นพวกไหนน่ะ? พวกนั้นไม่ใช่คนของแก๊งวาฬยักษ์นี่นา!”
“พระเจ้า พวกเขาเป็นใครกัน!”
“…”
เสียงของฝูงชนที่กำลังมุงดูเหตุการณ์ดังขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิ่วอวี้จิงก็หันกลับไปมองทันที และภาพที่เห็นมันก็ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนสี
กลุ่มคนที่มาใหม่ไม่ใช่พวกของเขาจริง ๆ แต่เป็นคนของแก๊งพยัคฆ์เวหาแถมมากันเป็นจำนวนพอ ๆ กับพวกของเขาเลย!
“ในสายตาของโจวเฟยหู่ ไอ้เด็กนั่นมันมีค่ามากขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?”
หลิ่วอวี้จิงไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่เห็น
ในขณะเดียวกัน อวี้ฮ่าวหรานก็ออกมาจากลิฟท์ถึงชั้นล่างพอดี และเมื่อเขาเดินออกไปที่หน้าประตู ก็ได้เห็นว่าขณะนี้โจวเฟยหู่ได้มาถึงแล้ว
เขาไม่นึกเลยว่าหลังจากโทรไปไม่นาน อีกฝ่ายก็มาถึงได้อย่างรวดเร็วในเวลาที่เหมาะเจาะพอดี
หลิ่วอวี้จิงสั่งให้สมาชิกแก๊งของตัวเองยกเลิกการล้อมตึกสำนักงานของ เฉิงกัวอันทันที และสั่งให้ทุกคนมารวมตัวกันที่เขาเพื่อประจันหน้ากับ โจวเฟยหู่อย่างรวดเร็ว
“หลิ่วอวี้จิง! ฉันไม่ยอมให้แกทำอะไรน้องอวี้แน่นอน! หากแกดื้อดึง วันนี้เราคงต้องนองเลือด!”
“ถุย! ฝันไปเหอะ! อย่าคิดว่าฉันจะกลัวแก๊งของแกนะ! ที่ผ่านมาฉันแค่ไม่อยากเสียเลือดเนื้อโดยไม่จำเป็นก็เลยยอม ๆ พวกแกไปบ้าง แต่วันนี้ฉันบอกเอาไว้เลยว่า ไอ้อวี้ฮ่าวหรานจะต้องตาย!”