ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 296 เรียกค่าไถ่โดยพลการ
บทที่ 296 เรียกค่าไถ่โดยพลการ
บทที่ 296 เรียกค่าไถ่โดยพลการ
“ประธานอวี้ คุณก็น่าจะทราบดีว่า หวังจุนเพิ่งเข้าทำงานในบริษัทของคุณได้ยังไม่ถึงปีเลย ดังนั้นเราจะมีเงินเก็บมากถึงสามล้านได้ยังไง ฉันมีเงินไม่ถึงสามล้านจริง ๆ! ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าวิตกกังวล เธอไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อดี
“คุณต้องช่วยพวกเรานะ! ตอนนี้ลูกของฉันกับหวังจุนอายุแค่ 5 ขวบเอง! เขาจะอยู่โดยไร้พ่อดูแลไม่ได้!”
“ผมเข้าใจแล้ว เอาล่ะ อันดับแรกคุณต้องหามาก่อนว่าสถานที่ ๆ คนพวกนั้นให้ไปส่งเงินมันคือที่ไหน จากนั้นผมสัญญาว่าผมจะพาเขากลับมาได้แน่”
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกผิดเล็กน้อย ถ้าหากเขาจัดการกับศัตรูของตัวเองเด็ดขาดมากกว่านี้ เรื่องแบบนี้มันคงไม่เกิดขึ้น
แต่โลกนี้มันซับซ้อนมากกว่าดินแดนแห่งเทพ ชายหนุ่มยังไม่แกร่งพอจะเผชิญกับคนทั้งโลก หากเขาฆ่าคนพร่ำเพรื่อ ก็คงเจอกับปัญหาที่มาจากหน่วยงานรัฐ ซึ่งเขามั่นใจว่าตัวเองยังไม่แกร่งพอที่จะต่อต้านได้ ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ
นับจากนี้เขาคงต้องเร่งบ่มเพาะให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสนใจกับกฎเกณฑ์ของโลกนี้มากเกินไป
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่หญิงสาวซึ่งมีน้ำตาคลอเบ้า
“คุณโทรไปหาคนพวกนั้นก่อน และบอกกับพวกนั้นว่าคุณมีเงินแล้ว จากนั้นคุณถามสถานที่ส่งเงินมา”
เมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหรานเช่นนี้ ภรรยาของผู้จัดการหวังจึงพยักหน้าและโทรออกไปหาเบอร์ที่เพิ่งโทรหาเธอทันที
หลังจากโทรครั้งแรกยังไม่มีรับสาย แต่เมื่อโทรครั้งที่สองมีคนรับสายทันทีด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ว่าไง! มีเงินแล้วหรือยัง? ฉันบอกเอาไว้เลยว่าถ้าไม่เอาเงินมาไถ่ตัวผัวแก วันนี้ผัวแกตายแน่!”
“ด…เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งทำอะไรสามีฉันนะ! ตอนนี้ฉันได้เงินมาแล้ว ฉันจะเอาไปให้เดี๋ยวนี้ บ…บอกที่อยู่มาได้เลย!”
เมื่อถูกข่มขู่ หญิงสาวก็ยิ่งตื่นตระหนก แต่ยังโชคดีที่เธอยังนึกได้ถึงคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน
“โอ้? แกได้เงินมาแล้วงั้นเหรอ? ดี ๆๆ! ส่วนสถานที่…เอ่อ…เอาเป็นว่าแกเอาเงินมาที่ตึกสำนักงานที่ยังสร้างไม่เสร็จของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เกาหยวนที่อยู่ตรงชานเมืองทิศใต้ แกวางถุงเงินเอาไว้ที่ชั้นแรกของตึกที่อยู่หน้าสุด”
ความลังเลในเรื่องสถานที่ของปลายสาย ทำให้อวี้ฮ่าวหรานรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนว่าการเรียกค่าไถ่มันจะสำเร็จได้ง่ายขนาดนี้
“ถ…ถ้างั้นตอนนี้ ฉันขอคุยกับสามีของฉันหน่อยจะได้ไหม?”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นขอร้องด้วยน้ำเสียงสั่นเทิ้ม
“อย่าเรียกร้องอะไรให้มันเยอะไปนักนะนังบ้า! ฉันต้องได้เงินก่อนเท่านั้น แกถึงจะได้เจอหน้าผัวของแก! ถ้าแกยังพูดจาเพ้อเจ้อต่อไปอีกฉันจะไม่ให้แกไถ่ตัวผัวของแกอีกต่อไป อย่าคิดว่าฉันให้ความสำคัญกับแกนัก เพราะผัวแกไม่ใช่คนเดียวที่ฉันจับมาเรียกค่าไถ่!”
หลังจากพูดจบ อีกฝ่ายวางสายไปอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกันนี้เอง อวี้ฮ่าวหรานก็ลุกขึ้น
“คุณรอที่นี่แหละ เดี๋ยวผมจะไปพาตัวสามีคุณกลับมา”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานเดินออกไปจากออฟฟิศเช่นกัน
คำพูดของปลายสายทำให้อวี้ฮ่าวหรานได้ข้อมูลที่สำคัญมามากพอแล้ว
ไอ้คนต้นคิดเรื่องลักพาตัวมันคงไม่ได้มีความคิดที่จะเรียกค่าไถ่ แต่ไอ้พวกคนที่รับหน้าที่ดูแลเหยื่อมันคงจะโลภและคิดเรื่องเรียกค่าไถ่ขึ้นมาเอง เรื่องนี้เห็นได้ชัดจากน้ำเสียงที่ประหม่าของอีกฝ่าย
และยิ่งไปกว่านั้น คำพูดที่บอกว่า ‘ไม่ใช่คนเดียวที่จับมาเรียกค่าไถ่’ มันแปลว่าคนพวกนี้น่าจะจับผู้บริหารของเขาทั้งหมดไปรวมกันไว้ในที่เดียว ซึ่งถ้าชายหนุ่มสืบต่อจากไอ้คน ๆ นี้ เขาจะต้องหาคนของเขาเจอทั้งหมดแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เพื่อความแนบเนียนของแผนการ อวี้ฮ่าวหรานจึงไปที่ฝ่ายบัญชีเพื่อเอาเงินสดออกมาสามล้านและยัดใส่กระเป๋าใบใหญ่ก่อนที่จะขับรถออกจากบริษัท
…
หลังจากสี่สิบนาทีผ่านไป อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถไปถึงตึกสำนักงานที่ยังสร้างไม่เสร็จของบริษัทเกาหยวน ซึ่งฝ่ายตรงข้ามนัดหมายให้ชายหนุ่มมาที่นี่
หลังจากกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และไม่เห็นใครเลย อวี้ฮ่าวหรานจึง เดินเข้าไปในตึกแรกและวางกระเป๋าเงินลงที่ชั้นแรกของตึกที่ยังคงสร้างไม่เสร็จ
เมื่อวางเงินทิ้งไว้เรียบร้อยและขับรถออกไปจากสถานที่ อวี้ฮ่าวหราน โทรหาภรรยาของผู้จัดการหวัง เพื่อให้เธอโทรหาพวกคนลักพาตัวและแจ้งว่าเงินได้ถูกเอาไปวางเรียบร้อย
แน่นอนว่าทุกอย่างมันได้ผล สิบนาทีถัดมา ชายร่างผอมคนหนึ่งก็ค่อย ๆ แอบย่องเข้าไปในตึกที่อวี้ฮ่าวหรานวางเงินไว้
ในตอนแรกชายร่างผอมยังไม่ได้เข้าไปในตึกทันที เขากวาดสายตามองดูรอบ ๆ อย่างเงียบ ๆ จากด้านนอกนานเกือบห้านาทีก่อนที่จะค่อย ๆ ย่องเข้าไปเปิดประเป๋าเงินดู
ชายร่างผอมตาเป็นประกายทันทีเมื่อเห็นว่าในกระเป๋ามีเงินอยู่หลายปึก จากนั้นก็กวาดสายตามองรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง ก่อนที่จะรีบวิ่งออกจากตึกไปพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่
“หึหึ ในที่สุดปลาก็กินเบ็ด!”
แน่นอนว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ถูก อวี้ฮ่าวหรานจับตาดูอยู่โดยใช้เนตรเทวะ ซึ่งตัวเขาซุ่มดูอยู่ห่างไปอีกประมาณเกือบสองกิโลเมตร
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจากไป อวี้ฮ่าวหรานก็รีบตามไปทันที
ชายร่างผอมวิ่งออกไปพร้อมกับกระเป๋าเงิน ลัดเลาะไปตามหมู่ตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จ และเมื่อผ่านไปราวสิบนาที ชายร่างผอมก็วิ่งเข้าไปในตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จหลังหนึ่งที่เงียบสงัด
ที่ชั้นสองของตึกร้าง ทันที่ที่ชายร่างผอมวิ่งกลับขึ้นไป เสียงบ่นก็ดังขึ้นทันที
“บ้าเอ๊ย อาโกว! แกหายไปไหนมาตั้งนานวะตั้งครึ่งชั่วโมง!”
“ฮ่า ๆ มันคงกลัวไม่กล้าเล่นไพ่กับพวกเรามั้ง มันถึงหายไปนานขนาดนี้! เป็นไงตอนนี้ทำใจจะมาเล่นกับพวกฉันได้แล้วเหรอ?”
“เอ๊ะ? นั่นแกแบกกระเป๋าอะไรมาวะ?”
“…”
ในขณะนี้ ที่ชั้นสองของตึกมีกลุ่มชายฉกรรจ์แปดคนกำลังล้อมวงนั่งเล่นไพ่กันอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นว่าชายร่างผอมเพิ่งกลับมา พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะก่นด่าล้อเลียน
ชายร่างผอมที่ถูกเรียกว่าอาโกวโยนกระเป๋าลงไปที่พื้นและหัวเราะอย่างร่าเริง
“ฮ่า ๆ! มา! วันนี้ฉันจะกินพวกแกให้หมดตัวเลย! ด้วยเงินทุนของฉันตอนนี้พวกแกไม่มีทางชนะฉันได้แน่!”
หลังจากพูดจบ ชายร่างผอมเปิดกระเป๋าอวดเงินข้างในให้เพื่อน ๆ ของตัวเองดู
“อะไรวะน่ะ! นี่แกไปเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?”
“แม่งเอ๊ย อาโกว! นี่เมื่อกี้แกไปปล้นธนาคารมาเหรอวะ?”
“นี่แกไปทำอะไรมาถึงมีเงินเยอะขนาดนี้?”
ทุกคนต่างมองไปที่ปึกเงินหลายปึกในกระเป๋าด้วยสีหน้าโง่งม
“ไม่ใช่แน่ ฉันว่าเงินพวกนี้เป็นเงินปลอมแน่ ๆ!”
หนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าล้อเลียน เขาไม่เชื่อว่าเพื่อนของตัวเองจะมีเงินมากขนาดนี้ได้
อย่างไรก็ตาม อีกคนในกลุ่มกลับแสดงสีหน้าจริงจัง
“นี่มันดูไม่ปลอมเลย ในนี้มีเงินเท่าไหร่ หลักล้านใช่ไหม?”
“ฮ่า ๆ ใช่ สามล้าน!” อาโกวหัวเราะก่อนจะตอบกลับ
“นี่มันบ้าอะไรกัน แกไปได้เงินนี่มาจากไหน?”
อีกคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง
“ก็ไอ้คนที่ถูกเรียกว่าผู้จัดการหวังนั่นแหละ เมื่อกี้เมียมันโทรมา ฉันก็เลยลองโทรกลับไป และโกหกนังผู้หญิงนั่นไปว่าหากมันเอาเงินมาสามล้าน ฉันจะยอมปล่อยตัวผัวของมัน! ไม่นึกเลยว่านังนั่นมันจะโง่หลงเชื่อและให้เงินมาจริง ๆ ฮ่า ๆ!” อาโกวตอบกลับด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“เดี๋ยวนะ นี่แกโทรคุยกับญาติของคนพวกนั้นงั้นเหรอ?”
หนึ่งในกลุ่มคน ถามกลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“แกไม่ได้ยินที่หัวหน้าสั่งเหรอไงวะ? หัวหน้าย้ำอย่างชัดเจนเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามพวกเราคุยกับญาติของคนพวกนั้น! แกรู้ไหมว่าแกกำลังเล่นอยู่กับไฟ!”
“เอาน่า! จะกังวลไปทำไมมากมาย ถ้าฉันไม่พูด พวกแกไม่พูด หัวหน้าจะรู้ได้ยังไง? และอีกอย่าง เงินนี่ฉันก็จะแบ่งให้พวกแกด้วย พวกแกไม่เอากันเหรอไง?”
อาโกวคิดเรื่องนี้มาเป็นอย่างดีแล้ว การแบ่งให้คนอื่น ๆ เท่า ๆ กัน มันจะทำให้ทุกคนปิดปากในเรื่องนี้
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินข้อเสนอนี้ ทุกคนต่างมองหน้ากันและพยักหน้าให้กันอย่างเงียบ ๆ
ไม่มีใครปฏิเสธส่วนแบ่งจากเงินสามล้านอยู่แล้ว
“เออ ก็ได้! ครั้งนี้ก็ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อย่าให้มีครั้งต่อไปเชียวนะโว้ย!”
หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นตกลง และจากนั้นต่อมาอีกคนก็ลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปที่บันไดเพื่อที่จะลงไปข้างล่างพร้อมกับพูดว่า
“ฉันจะลงไปดูข้างล่างก่อนเผื่อว่าคนตามแกมา ถ้าพวกแกจะแบ่งเงินกันเลยก็อย่าลืมแยกของฉันเอาไว้ให้…”
พลั่ก!! โครม!!
น่าเสียดายที่ก่อนจะได้พูดจบ ชายที่กำลังเดินลงบันไดถูกเตะจนตัวลอยละลิ่วกลับขึ้นมาที่ชั้นสองและนอนสลบไปในทันที!
ทุกคนที่กำลังชื่นชมอาโกวเมื่อครู่ เมื่อเห็นภาพนี้ พวกเขาต่างก็พากันตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
มันเกิดอะไรขึ้น?
ในขณะเดียวกัน จู่ ๆ ก็มีเสียงของชายผู้หนึ่งดังขึ้นมาจากชั้นล่าง และค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดมา
“แผนของแกนี่มันใช้ได้เลย หลังจากได้เงินไปแล้ว แกก็เอามาแบ่งให้เพื่อนของแก เพื่อไม่ให้ใครปากโป้งไปฟ้องเจ้านาย!”
น้ำเสียงของอวี้ฮ่าวหรานเย็นชาเป็นอย่างมาก จนพวกชายฉกรรจ์ต่างรู้สึกขนลุก
“อาโกว!! เห็นไหมว่าแกทำอะไรลงไป!!”
หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ตวาดขึ้นดังลั่นด้วยความตื่นตระหนก
พวกเขาจบเห่แน่ถ้าหากหัวหน้าแก๊งรู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาทั้งหมดคงโดนลงโทษอย่างหนัก!