ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 304 ซื้อรถใหม่
บทที่ 304 ซื้อรถใหม่
บทที่ 304 ซื้อรถใหม่
หลิ่วอวี้จิงครุ่นคิดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดในขณะนี้
ทว่าเมื่อตัวเองนึกถึงความแข็งแกร่งของกงซุนซา เขาก็ยิ่งต้องการที่จะทะลวงผ่านไปยังขอบเขตถัดไปมากกว่าจึงยอมแลกได้ทุกอย่าง
“ตกลงพี่กงซุน! ฉันจะสั่งให้แก๊งวาฬยักษ์ออกไปสู้เดี๋ยวนี้!”
หลังจากชั่งน้ำหนักทุกอย่างในใจแล้ว ในที่สุดเขาก็ตกลงตามข้อเสนอของอีกฝ่าย!
คืนนั้น แก๊งวาฬยักษ์เริ่มโต้กลับอย่างเต็มรูปแบบ!
ด้วยสถานการณ์นี้ สองในสามแก๊งใหญ่ในเมืองฮ่วยอัน จึงเริ่มสงครามเต็มรูปแบบระหว่างกัน!
แน่นอนว่าคนธรรมดาทั่วไปแทบจะไม่รับรู้เลยว่าโลกใต้ดินของเมืองฮ่วยอันกำลังเกิดศึกนองเลือด เพราะถึงแม้ว่าพวกอันธพาลจะรวมกลุ่มกัน แต่พวกเขาลอบฆ่าในที่ลับตาคน เนื่องจากยังคงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง
บ่ายวันถัดมา…
อวี้ฮ่าวหรานต้องการซื้อรถ และเมื่อชายหนุ่มเดินทางเกือบจะถึงโชว์รูม เขาก็โทรศัพท์ไปหาหลิวเทียนอี้
หลิวเทียนอี้รู้สึกปลื้มปริ่มทันที เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานโทรมาหาตัวเองก่อน
“สวัสดีครับคุณอวี้! ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ ถึงได้โทรมาหาผมก่อนเช่นนี้…”
น้ำเสียงของเขายังคงเต็มไปด้วยการประจบประแจง ซึ่งทำให้อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกขยะแขยง
“ตอนนี้นายยังอยู่ในโชว์รูมรถหรือเปล่า?”
อวี้ฮ่าวหรานขี้เกียจเกินกว่าจะพูดไร้สาระกับอีกฝ่าย เขาจึงถามเข้าตรงประเด็นทันที…
“ผมเหรอ? ผมเพิ่งออกมาข้างนอกเมื่อครู่นี้เอง…คุณอวี้จะมาเพื่อซื้อรถใช่ไหม? ไม่ต้องห่วง! ผมจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้!!”
หลิวเทียนอี้พอจะเดาได้ถึงจุดประสงค์ของอวี้ฮ่าวหรานอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันทำให้เขาตื่นเต้น
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเลือกซื้อของฉันเอง เอาไว้ตอนเย็นฉันจะพาถวนถวนไปบ้านนายเพื่อดูพวกลูกหมา”
“ม…ไม่ได้หรอกคุณอวี้! คนพิเศษอย่างคุณหากต้องการจะซื้อรถ ผมต้องดูแลคุณด้วยตัวผมเองให้ดีที่สุด และอีกอย่างผมอยากจะ…”
‘…’
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเริ่มเพ้อเจ้อ อวี้ฮ่าวหรานก็วางสายอย่างไม่อดทนและเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง
ไม่ว่าชายหนุ่มจะคุยกับหลิวเทียนอี้มาแล้วกี่รอบ แต่น้ำเสียงของอีกฝ่ายก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดได้เสมอ
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายไม่อยู่ในโชว์รูมรถ เขารีบเร่งเครื่องรถของตัวเองเพื่อไปให้ถึงเร็วที่สุดทันที ก่อนที่ไอ้อ้วนที่น่ารำคาญนั่นจะกลับมา
โชว์รูมขายรถ ‘4S’
เนื่องจากเป็นบ่ายวันจันทร์ ลูกค้าในโชว์รูมจึงมีไม่มาก
ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานเดินเข้าไปในโชว์รูม เขาก็ได้ยินเสียงแหลมที่น่ารำคาญหูดังขึ้น
“ฉันบอกแกแล้วไง! ถ้าแกไม่มีสองล้าน ฉันไม่มีทางยกลูกสาวของฉันให้แกแน่! แกคิดว่าฉันจะสงสารคนจน ๆ อย่างแกงั้นเหรอ? และอย่ามาพูดเรื่องความรักบ้าบอให้ฉันได้ยินเชียวนะ ฉันไม่สน! ความรักมันกินไม่ได้จำใส่กะโหลกแกไว้ ถ้าแกไม่มีเงิน แกอย่าหวังว่าจะได้แต่งงานกับลูกสาวของฉัน ฉันยอมให้ลูกสาวของฉันเป็นโสดตายไปดีกว่าให้แต่งงานกับคนจน ๆ อย่างแก!!!”
หลังจากมองไปยังต้นเสียง อวี้ฮ่าวหรานก็พบว่าเป็นหญิงวัยกลางคนที่แต่งหน้าหนาเตอะและเธอกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“ถ้าแกไม่มีเงิน แกก็ไสหัวออกไปจากชีวิตลูกสาวของฉันซะ! เออ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แค่นี้แหละ ฉันมีลูกค้า!”
เมื่อเห็นอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามา หญิงวัยกลางคนก็วางสายทันทีและทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ?”
เห็นได้ว่าหญิงวัยกลางคนปากร้ายคนนี้ยังคงมีความเป็นมืออาชีพอยู่บ้าง แม้ว่าเธอจะอารมณ์ไม่ดีกับการคุยกับคนในโทรศัพท์ แต่หลังจากที่วางสาย เธอก็ยังสามารถทักทายอวี้ฮ่าวหรานด้วยรอยยิ้มได้
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจมากนักกับเรื่องส่วนตัวของคนอื่น และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม่บางคนมองลูกสาวของตัวเองเป็นเหมือนสินค้า
“ช่วยฉันเลือกรถที”
หลังจากได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน หญิงวัยกลางคนสำรวจอวี้ฮ่าวหรานตั้งแต่หัวจรดเท้าทันทีเพื่อประเมิน
จากนั้นเมื่อเธอพบว่าเสื้อผ้าของอีกฝ่ายดูธรรมดามาก เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยในใจ
นี่ฉันต้องเสียเวลาขายรถให้กับคนจน ๆ อีกแล้วงั้นเหรอ?
ตามประสบการณ์ที่เธอเจอมา คนธรรมดาแทบทั้งหมดมักจะชั่งใจครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนที่จะซื้อรถสักคันซึ่งมันเสียเวลามาก และท้ายที่สุดพวกคนธรรมดาก็มักจะลงเอยด้วยการซื้อรถที่มีราคาไม่เกิน 100,000 หยวน
ด้วยราคารถที่ถูกแค่นั้น มันทำให้เธอรู้สึกว่าได้รับค่าคอมมิชชั่นน้อยมากหากเทียบกับความพยายามที่เธอต้องดูแลลูกค้า
ดังนั้นสีหน้าของเธอจึงผิดหวังเล็กน้อยในทันที จากนั้นหญิงวัยกลางคนก็หันไปตะโกนบอกหญิงสาวอายุราวยี่สิบต้น ๆ อีกคน
“อาลี่! เธอมาดูแลลูกค้าคนนี้ที ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำ!”
หลังจากพูดจบ หญิงวัยกลางคนก็ไม่สนใจอวี้ฮ่าวหรานอีกเลย และหันหลังเดินจากไป
อย่างไรก็ตาม ผ่านไปครึ่งทาง หญิงวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งเบา ๆ กับตัวเองอย่างหงุดหงิด
“เฮอะ! พวกบ้านจนอีกตัว! คนพวกนี้นี่มันน่ารำคาญจริง ๆ! ทำไมคนพวกนี้ถึงไม่รู้จักประมาณตัว และไปซื้อแค่มอเตอร์ไซค์ขับก็พอ!”
ลูกค้าที่เธอต้องการคือประธานบริษัทที่ร่ำรวยและมีอำนาจ หรือพวกนายน้อยรุ่นที่สองที่ร่ำรวย ส่วนพวกคนธรรมดาทั้งหลายนั้นเธอไม่คิดจะต้อนรับด้วยตัวเองแน่นอน
แต่เนื่องจากกฎของบริษัท เธอจึงทำได้เพียงบ่นอย่างแผ่วเบาซึ่งคนอื่น ๆ ไม่มีทางได้ยินเธอ
แต่น่าเสียดายที่คำบ่นเบา ๆ ของเธอหนีไม่พ้นการได้ยินของอวี้ฮ่าวหราน
เมื่อได้ยินคำบ่นของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ ไม่ว่าจะเป็นโลกไหน ๆ คนส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ชอบคนจนและรักคนรวย
ในขณะเดียวกัน หญิงสาวที่ถูกเรียกว่า ‘อาลี่’ ก็รีบเดินเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหรานอย่างรวดเร็ว
เธอดูเหมือนจะเป็นพนักงานใหม่ และเมื่อเธอได้พบกับอวี้ฮ่าวหราน การแสดงออกของเธอก็กระสับกระส่ายเล็กน้อย
“อ…เอ่อ…คุณลูกค้าต้องการดูรถราคาประมาณเท่าไหร่เหรอคะ?”
หญิงสาวที่ชื่ออาลี่พยายามสงบสติอารมณ์ในระหว่างที่ถาม
แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับความเป็นมือใหม่ของอีกฝ่าย เขาแค่มาซื้อรถ ไม่ได้มาจับผิดพนักงานขาย
“รถคันไหนที่แพงที่สุดของคุณ ผมต้องการดูพวกมัน”
“หา?”
อาลี่ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวดูธรรมดาแบบนี้จะมาถามถึงรถที่แพงที่สุด
“ถ…ถ้าเป็นรถที่แพงที่สุดของเรา…ราคาเต็มของมันคือประมาณ 8 ล้าน คุณลูกค้าอาจจะ…”
เธอพูดอย่างลังเล และสงสัยจริงๆ ว่าอีกฝ่ายมีเงินหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวรู้ตัวเองได้อย่างรวดเร็วว่า ตอนนี้เธอกำลังแสดงทัศนคติไม่สุภาพอยู่แน่นอน ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง และเธอรีบเอ่ยขึ้นเสริมในทันที
“เอ่อ…คุณลูกค้าคะ…อย่าเพิ่งเข้าใจดิฉันผิด…ด…เดี๋ยวดิฉัน…จะพาคุณไปดูเดี๋ยวนี้!”
หลังจากพูดจบ เธอรีบเดินนำอวี้ฮ่าวหรานไปยังรถที่จัดแสดงอยู่ตรงกลางห้องโถงทันที
“โรลส์-รอยซ์ แฟนธอม ราคาของรถคันนี้อยู่ที่ 8.5 ล้านหยวน ด้วยรูปลักษณ์ที่หรูหรา…”
ในขณะเดียวกันนี้ หญิงวัยกลางคนที่ก้าวออกไปแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะจากระยะไกล
“ดูนั่นสิ ฉันสามารถบอกได้เลยว่าไอ้ลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่คนนั้นไม่ใช่คนที่จะมีปัญญาซื้อรถแน่นอน พวกคนแบบนี้เข้ามาในโชว์รูมของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันล่ะเหนื่อยใจจริง ๆ แล้วดูสิตอนนี้มันเดินไปดูโรลส์รอยซ์เข้าให้แล้วไง มันคงอยากจำภาพรถเอาไปฝันในคืนนี้แน่ ๆ!”
“พี่โจว ฉันล่ะสงสารอาลี่ จริง ๆ สงสัยวันนี้คงขายรถไม่ได้อีกแล้วล่ะนะ”
ผู้หญิงอีกคนข้าง ๆ เธอพูด
“น้องใหม่ก็แบบนี้แหละ ไม่มีประสบการณ์บอกปัดลูกค้าไม่เป็น ทำตัวเองให้ยุ่งยากโดยเปล่าประโยชน์ แต่ก็อย่างว่าคนมาจากชนบทอย่างอาลี่ก็ได้อยู่แค่นี้แหละ ไม่มีสมองมากสักเท่าไหร่ ไม่มีวันเจริญในหน้าที่การงานหรอก”
หญิงวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่า ‘พี่โจว’ พูดขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก
อย่างไรก็ตาม พวกเธอไม่รู้เลยว่าอวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำพูดของพวกเธอทั้งหมด
ประสาทการได้ยินของเขาเหนือกว่าคนทั่วไปมาก
หลังจากที่อาลี่แนะนำเกี่ยวกับรถโรลส์-รอยซ์เสร็จ เธอก็แนะนำอวี้ฮ่าวหรานดูรถสปอร์ตสีเหลืองสดใสที่อยู่ข้าง ๆ ต่อ
“ราคาของรถคันนี้อยู่ที่ 8 ล้านหยวน เป็นแบรนด์ชั้นนำของต่างประเทศ แลมโบกินี…”
หลังจากฟังการแนะนำของอีกฝ่ายแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ชายหนุ่มพอใจมากกับรถสปอร์ตสีเหลืองคันนี้
ความเร็วของรถคันนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เพราะประสาทสัมผัสการตอบสนองที่เหนือมนุษย์ของตัวชายหนุ่มเอง มันก็ทำให้เขาสามารถควบคุมรถคันใดก็ได้ในโลกไม่ว่ามันจะเร็วสักแค่ไหนก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานมั่นใจว่าตัวเองสามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์แบบในทุกสถานการณ์
และสำหรับเขา เงิน 8 ล้านหยวนเป็นเพียงเงินจำนวนเล็กน้อย
“ผมเอาคันนี้ คุณไม่จำเป็นต้องให้ส่วนลด แค่ถ่ายโอนกรรมสิทธิ์มาให้ผมโดยเร็วที่สุดก็พอ”
“เอ๊ะ?”
อาลี่ที่กำลังจะแนะนำรถคันถัดไปถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดตกลงซื้ออย่างสบาย ๆ ของอวี้ฮ่าวหราน
เธอไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีปัญญาซื้อรถราคาแพงแบบนี้ได้!