ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 307 ถูกวางกับดัก
บทที่ 307 ถูกวางกับดัก
บทที่ 307 ถูกวางกับดัก
อวี้ฮ่าวหรานหยิบลูกสุนัขขึ้นมาทีละตัวแล้วลูบพวกมัน เขาสัมผัสได้ว่าพวกมันได้รับการดูแลอย่างดีมาก
อย่างน้อย ๆ หลิวเทียนอี้ก็ยังมีประโยชน์อยู่!
“พ่อจ๋า ดูสิ พวกมันโตกันหมดแล้ว!”
แต่หลังจากเด็กน้อยเล่นกับพวกลูกหมาอยู่พักหนึ่ง จู่ ๆ เด็กน้อยก็แสดงสีหน้าเศร้าเล็กน้อย
“พ่อจ๋า เราพาพวกมันกลับบ้านได้ไหม? หนูอยากเห็นพวกมันอยู่ในบ้านของเรา…”
ดวงตาที่กลมโตเริ่มคลอไปด้วยน้ำตาของถวนถวนพยายามอ้อนวอนอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นลูกสุนัขเหล่านี้อีกครั้ง เธอชอบมันมากและอยากเอากลับบ้านไปให้เจ้าลูกกวาดดูด้วย
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานได้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและยังไม่เห็นด้วย
“พ่อคงอนุญาตไม่ได้ ถ้าลูกจะเอาพวกมันไปทุกตัว”
ไม่มีทาง แค่การดูแลเจ้าลูกกวาดตัวเดียวก็ยุ่งยากแล้ว ขืนถ้าเอาไปเลี้ยงมากกว่าหนึ่งโหล…
หลี่หรงคงระเบิดลง และเธอคงรับเรื่องนี้ไม่ได้แน่ ๆ
แต่เพื่อไม่ให้ลูกสาวของเขาเศร้า เขาจึงพยายามหาทางประนีประนอม
“แต่ถ้าลูกจะเลือกไปสักหนึ่งตัว พ่อคิดว่าแม่หรงของลูกน่าจะไม่มีปัญหา”
ถ้าเป็นตัวเดียว หลี่หรงน่าจะพอรับได้
“เย้! ได้ ๆ!”
เด็กน้อยก็มีเหตุผลเช่นกัน หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เด็กน้อยก็พยักหน้าเห็นด้วย
ในเวลาเดียวกันนี้ หลิวเทียนอี้ก็เอ่ยขึ้นแทรก “ถวนถวน ไม่ต้องกังวลลุงสัญญาว่าจะดูแลพวกมันให้หนูเป็นอย่างดีที่สุด!”
“อื้ม ขอบคุณค่ะ!”
เมื่อได้ยินคำสัญญา ถวนถวนจึงพยักหน้าขอบคุณอย่างมีความสุข
คำขอบคุณนี้ของเด็กน้อย ทำให้ใบหน้าของหลิวเทียนอี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เขาจะไม่ยินดีดูแลพวกมันได้ยังไง? เป็นเพราะลูกหมาพวกนี้แท้ ๆ ที่ทำให้เครือฮ่าวหรานสั่งรถกับเขาเป็นมูลค่าหลายสิบล้าน!
หากมีใครจะมาแย่งลูกหมาพวกนี้ไปดูแลล่ะก็ เขาจะยอมสู้ตายเลยทีเดียว!
ผ่านไปอีกสักพัก หลังจากครุ่นคิดอย่างหนัก ถวนถวนก็จับลูกสุนัขที่มีขนคล้ายกับสีของเจ้าลูกกวาดมากที่สุดมาอุ้ม
จากนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็พาถวนถวนเดินออกไปจากบ้านของหลิวเทียนอี้
ก่อนขึ้นรถเขาก็เหลือบมองชายอ้วนและเอ่ยขึ้น
“นายต้องดูแลลูกสุนัขพวกนั้นให้ดีที่สุด เพื่อที่ถวนถวนจะได้ไม่เสียใจเมื่อมาดูพวกมันอีกรอบ ในอนาคตเมื่อไหร่ที่บริษัทของฉันจะซื้อรถใหม่ ฉันจะสั่งให้คนของฉันเลือกโชว์รูมนายเป็นที่แรก”
เมื่อหลิวเทียนอี้ได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นในทันที
“ค…ครับผม! ผมจะดูแลพวกลูกหมาให้ดีที่สุด! ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้ประธานอวี้ผิดหวัง!”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะขับรถออกไปทันที
…
ในเวลาเดียวกัน การต่อสู้เพื่อแย่งพื้นที่ระหว่างแก๊งพยัคฆ์เวหาและ แก๊งวาฬยักษ์ก็มาถึงจุดไคลแม็กซ์!
กลางดึก หวังเหยียน รองหัวหน้าแก๊งค์พยัคฆ์เวหาได้นำลูกน้องของตัวเองบุกตะลุยเข้าไปในบ่อนขนาดใหญ่ของพวกแก๊งวาฬยักษ์!
กำลังภายในอันทรงพลังของเขาถูกปลดปล่อยออกอย่างรุนแรง ปรมาจารย์ด้านกำลังภายในในบ่อนแห่งนี้จึงพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าส่วนที่เหลือจะยังต่อสู้อย่างดื้อรั้น แต่ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่บ่อนนี้จะถูกยึดโดยสมบูรณ์
หวังเหยียนกวาดสายตามองสำรวจห้องโถงของบ่อนอย่างละเอียด หลังจากจัดการกับปรมาจารย์กำลังภายในซึ่งเป็นคนดูแลบ่อนนี้ไปแล้ว เขาก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการต่อสู้ต่อไปอีก
หลังจากที่ต่อสู้กับปรมาจารย์กำลังภายในอย่างดุเดือด กำลังภายในของหวังเหยียนเองก็เกือบจะหมด
ในเวลานี้ เขาจึงต้องหยุดพักและฟื้นตัวอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างก็ไม่ง่ายขนาดนั้น ชั่วครู่ถัดมา หนึ่งในลูกน้องของเขาก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยสภาพโชกเลือด!!
“ล…ลูกพี่! พวกเราแย่แล้ว! ข้างนอกมีคนของแก๊งวาฬยักษ์อยู่เต็มไปหมดเลย! หัวหน้าสาขาของพวกมันก็มากันด้วยตั้งสี่คน! คนของเราที่อยู่ข้างนอกต้านไม่ไหวเลย!!”
“ว่าไงนะ!”
หวังเหยียน เมื่อได้ยินแบบนี้เขาก็ตกตะลึงจนแทบจะหยุดหายใจ!
นี่พวกเขาถูกวางกับดักงั้นเหรอ?
เขาเพิ่งมาถล่มที่นี่ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ดังนั้นอีกฝ่ายจึงรวบรวมหัวหน้าสาขาทั้งสี่มาได้เร็วขนาดนี้ไม่ได้แน่ หากไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อน!
ในขณะเดียวกันนี้ ประตูห้องโถงก็ถูกทำลายจนกระจายเป็นชิ้น ๆ!
เศษไม้กระเด็นกระจัดกระจายไปทั่ว และชายฉกรรจ์ที่ดูไม่ธรรมดาสี่คนก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ!
หลังจากนั้น บรรดาสมาชิกทั่วไปของแก๊งวาฬยักษ์ก็กรูตามเข้ามา!
เมื่อเห็นฉากนี้ หวังเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง
“ฮ่า ๆๆ! หวังเหยียน! ถึงแม้ว่าแกจะแข็งแกร่ง แต่ฉันเดาว่าตอนนี้พลังของแกคงใกล้หมดแล้วใช่ไหม?”
หนึ่งในหัวหน้าสาขาของแก๊งวาฬยักษ์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
“หึหึหึ รองหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์เวหา! แกนี่มันโง่เง่าจริง ๆ แกคิดว่าแกจะเล่นงานพวกเราได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ? แกไม่รู้ซะแล้วว่าความเคลื่อนไหวของแก พวกเรารู้มันทั้งหมด!”
หวังเหยียนเมื่อกวาดสายตามองประเมินฝั่งตรงข้าม เขารู้สึกเครียดหนักขึ้นมากกว่าเดิม
ตอนนี้พลังของตัวเองใกล้หมดแล้ว และคนพวกนี้ก็แข็งแกร่งพอสมควร!
หากเป็นตอนปกติ เขาคงพอจะเอาตัวรอดได้ ทว่าด้วยความอ่อนแอของตัวเองในตอนนี้มันก็ยากเหลือเกินที่หนีสี่คนนี้พ้น และไหนจะลูกน้องของเขาอีกที่ยังคงอยู่ที่นี่ เขาจะทิ้งลูกน้องตัวเองไปไม่ได้!
“จิ่นเฟิง! เรามาเจรจากันก่อนไหม? แลกกับการที่พวกฉันจะปล่อยเชลยแก๊งของแกที่พวกฉันจับไปก่อนหน้านี้ แกก็ปล่อยพวกฉันไปครั้งนี้แกว่าไง?”
หวังเหยียนจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเคร่งขรึม เขาก็รู้จักคนที่เป็นผู้นำกลุ่มที่เพิ่งบุกเข้ามา!
ในเวลานี้ คนของแก๊งวาฬยักษ์ได้ล้อมพวกเขาเอาไว้ทุกด้านเรียบร้อยแล้ว
จำนวนคนของแก๊งพยัคฆ์เวหาขณะนี้เสียเปรียบเป็นอย่างมาก พวกเขามีคนน้อยกว่าถึงสามเท่า!
ถ้าสู้ก็ตายแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม ชายที่ถูกเรียกว่าจิ่นเฟิงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างประชดประชันทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของหวังเหยียน
“ฮ่า ๆๆ! หวังเหยียน นี่แกคิดว่าฉันเป็นเด็กอายุ 3 ขวบหรือไง? มูลค่าของไอ้พวกลิ่วล้อที่พวกแกจับไปได้มันจะเทียบได้กับรองหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์เวหาอย่างแกได้ยังไงจริงไหม?”
“สรุปแล้วคือไม่เจรจาใช่ไหม?”
หวังเหยียน จ้องมองไปที่อีกฝ่ายพร้อมกับเตรียมตัวรับมือการต่อสู้เป็นตาย
“เจรจางั้นเหรอ…อืม…จริง ๆ แล้วหัวหน้าหลิ่วของฉันก็พูดเอาไว้เหมือนกันว่า ถ้าแกยอมออกจากแก๊งพยัคฆ์เวหา ทิ้งไอ้ขยะโจวเฟยหู่ และเข้าร่วมแก๊งวาฬยักษ์ของฉัน แกก็จะสามารถรอดตายได้ในวันนี้!”
จิ่นเฟิงตอบกลับพร้อมกับแสดงท่าทีใจกว้าง ยอมถอยให้กับหวังเหยียน
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินข้อเสนอนี้ หวังเหยียนก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากกว่าเดิม
อีกฝ่ายกำลังดูถูกเขาและพยายามจะบั่นทอนกำลังใจคนของฝ่ายเขาอย่างเห็นได้ชัด!
ในตอนนี้รอบ ๆ ตัวหวังเหยียนมีลูกน้องอยู่กว่าสี่สิบคน พวกเขาคงมีโอกาสรอดเล็กน้อย ถ้าเขายอมทรยศจริง ๆ
แต่หลังจากนั้น แก๊งพยัคฆ์เวหาคงจะวุ่นวายในทันที!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวัง
เขาจะทำยังไงดี? เขาจะยอมเสียสละตัวเองพร้อมกับลูกน้องอีกสี่สิบกว่าคนเพื่อไม่ทำให้แก๊งพยัคฆ์เวหาสั่นคลอนดีไหม?
แต่แล้วในขณะที่เขากำลังหมดหวัง จู่ ๆ เขานึกอะไรบางอย่างออก ซึ่งราวกับว่ามีแสงสว่างวาบขึ้นมาในใจ ใช่แล้ว ชายคนนั้นไง!
…
ขณะนี้ อวี้ฮ่าวหรานกำลังกินข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหารในห้องหลี่หรงจนอิ่มไปแล้ว และถวนถวนก็กินอิ่มแล้วเช่นกัน เด็กน้อยกำลังเล่นกับสุนัขสองตัวอย่างสนุกสนาน
จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“น้องอวี้! ตอนนี้นายว่างไหม? มาช่วยฉันที!”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เป็นเสียงตื่นตระหนกของหวังเหยียน
“เกิดอะไรขึ้น?”
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้ว
“ฉันติดอยู่ที่บ่อนเป่ยเชิงที่อยู่ทางทิศเหนือของเมือง! น้องอวี้ หากนายไม่ได้ทำอะไรสำคัญอยู่ โปรดมาช่วยฉันที!”
“ฉันว่างอยู่”
อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับพลางหันศีรษะไปเหลือบมองน้องภรรยาที่กำลังเล่นกับถวนถวน ใช่แล้ว ตอนนี้เขาว่างอยู่
“งั้นก็มาช่วยฉันตอนนี้ที น้องอวี้! ฉันกำลังจะถูกรุมฆ่าแล้ว!”