ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 321 ประจบประแจงจนผิดสังเกต
บทที่ 321 ประจบประแจงจนผิดสังเกต
บทที่ 321 ประจบประแจงจนผิดสังเกต
อวี้ฮ่าวหรานถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นอาการประจบประแจงของหลี่จิงเทียน
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเขาจะทุบตีไอ้นายน้อยรุ่นที่สองของตระกูลหลี่ผู้นี้สักเท่าไหร่ มันก็ไม่เคยเลยที่จะสำนึกผิด หรืออย่างมากที่สุดมันก็แค่แสดงสีหน้ากลัวเมื่อเจอเขาเท่านั้น
แต่วันนี้ไหงถึงมาทำหน้าประจบประแจงเอาใจเขาแบบนี้ได้?
“สมองของนายมีปัญหาหรือเปล่าวันนี้?”
อวี้ฮ่าวหรานหันศีรษะไปถามด้วยความสนใจ เขาเดาว่าหลี่จิงเทียนมีจุดประสงค์บางอย่างถึงปฏิบัติตัวเปลี่ยนไปขนาดนี้
“เปล่า…ไม่มีอะไร ผม…ผมแค่คิดว่าพี่เขยดู…ยอดเยี่ยมมากเลยก็เท่านั้นเอง!”
เมื่อถูกถามแบบจับผิด หลี่จิงเทียนก็ตอบกลับแบบติดอ่างเล็กน้อย
หลังจากผ่านเหตุการณ์มามากมาย สิ่งที่เขากลัวที่สุดในตอนนี้ก็คือพี่เขยของตัวเอง
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีอะไร! อย่ามาทำตัวให้พวกเราตายใจจะดีกว่า!”
หลี่หรงหรี่ตามองพี่ชายของเธออย่างสงสัย
“แค่ก ๆ…หรงหรง น้องนั่งลงก่อนสิ ดูสิ บนโต๊ะมีอาหารที่น้องชอบเยอะแยะเลย”
หลี่จิงเทียนรู้ตัวดีว่าการกระทำของเขาตอนนี้มันดูแปลกไปมาก ดังนั้นเมื่อโดนจับผิด สีหน้าของเขาจึงดูอับอายอย่างมากในทันที
ในขณะเดียวกัน สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานกลับเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม พร้อมกับยกมือขึ้นปรามอีกฝ่ายทันที
“ก่อนที่นายจะทำอะไรต่อไป ฉันขอบอกเอาไว้ก่อนว่าตระกูลอู๋เพิ่งถูกฉันจัดการไป และอู๋เส้าฮัวก็ตายไปแล้วเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่านายกำลังจะมีแผนอะไรต่อ นายอย่าทำให้ฉันโกรธจะดีกว่า!”
อวี้ฮ่าวหรานพยายามใช้บารมีสามส่วน และการคุกคามอีกสามส่วนเพื่อเตือนอีกฝ่าย
แม้ว่าน้องภรรยาของเขาคนนี้จะโง่เง่า และไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้ชายหนุ่มมากนัก แต่ก็ควรขู่อีกฝ่ายเอาไว้ก่อน
แน่นอนว่าเมื่อหลี่จิงเทียนได้ยินประโยคนี้ เขาก็ตกใจในทันที
“อู๋…อู๋เส้าฮัวตายแล้วเหรอ?”
เขาจ้องมองอวี้ฮ่าวหรานอย่างไม่เชื่อ ไม่นึกเลยว่าตระกูลที่เก่าแก่อย่างตระกูลอู๋จะถูกทำลายลงไปด้วยน้ำมือของพี่เขยของเขาแบบนี้!
ใบหน้าของหลี่จิงเทียนขาวซีดอย่างฉับพลัน
“นายควรจะรู้ว่าถ้านายไม่ใช่คนของตระกูลหลี่ ป่านนี้นายคงจะตายไปแล้วเช่นกัน”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อยหลังจากพูดจบ ชายหนุ่มอยากให้อีกฝ่ายรู้เรื่องนี้เอาไว้ เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ระงับความคิดชั่วได้มากกว่าเดิม
เมื่อเห็นฉากนี้ หลี่ชงซานจึงอดไม่ได้ที่จะพูดแทรก
“เอาน่า ๆ พวกเราครอบครัวเดียวกันทังนั้น อย่าทะเลาะกันเลย แม้ว่าฉันจะเกลียดลูกชายอกตัญญูคนนี้ แต่ท้ายที่สุด เขาก็เป็นลูกชายของฉัน และอันที่จริงการที่เขาเป็นแบบนี้มันเป็นเพราะฉันด้วยที่ดูแลเขาได้ไม่ดี”
หลี่ชงซานพยายามแสดงสีหน้ายิ้มกระอักกระอ่วนกลบเกลื่อนฉาก
“พ่อ! ทำไมพ่อถึงปกป้องเขาตลอดเลย! พ่อจำไม่ได้หรือไงว่าเขาเคยทำอะไรกับพ่อบ้าง!”
“พิษนั่น ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เขย…”
หลี่หรงรู้สึกไม่มีความสุขเลยเมื่อเห็นพ่อของเธอยังคงปกป้องพี่ชายของเธอเองอย่างหน้ามืดตามัว โดยเฉพาะเมื่อเธอนึกถึงวีรกรรมที่ผ่านมาของอีกฝ่ายจนเธออดไม่ได้ที่จะพูดอย่างหุนหันพลันแล่น
อวี้ฮ่าวหรานโบกมือหยุดหญิงสาวทันทีไม่ให้พูดต่อ
“มานั่งทานอาหารเย็นกันเถอะ หลี่จิงเทียน นายก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้วมาเริ่มกินอาหารกันดีกว่า”
หลี่หรงพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ และนั่งลงโดยไม่พูดอะไรอีก
หลี่จิงเทียนเต็มไปด้วยความกลัวและกลับไปนั่งที่ที่นั่งของเขา
หลี่ชงซานที่เห็นฉากนี้ก็ค่อนข้างเบาใจลง
ถึงแม้ว่าลูก ๆ ของเขาจะไม่ลงรอยกันสักเท่าไหร่ แต่ยังโชคดีที่ลูกเขยของเขามีอิทธิพลมากจนสามารถระงับความขัดแย้งได้อย่างง่ายดาย ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน
“ใช่ ๆ ทุกคนกินข้าวกันก่อนเถอะ วันนี้ฉันให้พ่อครัวเตรียมอาหารดี ๆ เอาไว้เยอะมากเลย”
หลี่ชงซานเอ่ยขึ้นเปลี่ยนเรื่องด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“หลานสาวของปู่ก็หิวแล้วเหมือนกันใช่ไหม? ดูสิ ปู่ให้พ่อครัวทำเสี่ยวหลงเปาเอาไว้ให้หลานโดยเฉพาะเลย”
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว หลี่ชงซานก็เริ่มคีบอาหารใส่จานตรงหน้าถวนถวน
ด้วยเหตุผลบางอย่างเด็กน้อยดูเหมือนจะระมัดระวังตัวเป็นพิเศษเมื่อมาที่บ้านหลักตระกูลหลี่
“ขอบคุณ…ขอบคุณค่ะ…คุณ…”
ถวนถวนลังเลอยู่นานและไม่รู้ว่าจะเรียกหลี่ชงซานว่าอะไร
เมื่อก่อนตอนที่พ่อของเธอไม่อยู่ เธอแทบไม่มีโอกาสได้มาบ้านหลักตระกูลหลี่เลย ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงการทานอาหารที่โต๊ะแบบนี้
เมื่อเห็นลูกสาวของตัวเองแสดงสีหน้าลังเล อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“ถวนถวน ลูกเรียกคุณตาสิลูก ไม่ต้องกลัว”
“ค…คุณตา”
เด็กน้อยลังเลอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน จากนั้นเธอก็พูดสองคำนี้ออกมาด้วยสีหน้าแปลก ๆ
“ฮ่า ๆ ดีมาก! หลานรักของตา น่ารักจริง ๆ”
หลี่ชงซานหลังจากได้ยินคำพูดของหลานตัวเอง ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
อันที่จริงเขาชอบหลานสาวของตัวเองมาตั้งนานแล้ว แต่ทั้งตระกูลหลี่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของอวี้ฮ่าวหรานและหลี่เม่ย ดังนั้นในฐานะหัวหน้าตระกูล เขาจึงไม่สามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้อย่างโจ่งแจ้ง
โชคดีที่ลูกเขยของเขามีความสามารถ จนตอนนี้เขาไม่ต้องกังวลกับอะไรอีก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลี่ชงซานก็ยิ่งชอบใจลูกเขยของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
ลูกสาวของฉันนี่ช่างตาแหลมจริง ๆ!
นอกจากนี้เขายังได้รู้ข่าวการล่มสลายของตระกูลอู๋มาบ้างแล้ว สมาชิกในตระกูลอู๋ที่เหลือกำลังต่อสู้เพื่อแก่งแย่งทรัพย์สินของตระกูลอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้อิทธิพลของตระกูลอู๋บั่นทอนลงไปอย่างมาก หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป ตระกูลอู๋จะไม่มีทางเทียบได้กับตระกูลหลี่ได้อีก
เรื่องนี้ทำให้ชายชราถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ต้องรู้ว่าที่ผ่านมาความแข็งแกร่งของตระกูลอู๋นั้นเหนือกว่าตระกูลหลี่มาโดยตลอด และอู๋หมิ่นก็ต้องการฮุบกิจการของตระกูลหลี่เรื่อยมา ซึ่งไม่มีใครเลยที่สามารถหยุดอีกฝ่ายได้
แต่ในตอนนี้สถานการณ์ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
“ดี ๆ!”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลี่ชงซานก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นเสียงดัง
หลี่หรงรู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ พ่อของเธอถึงมีความสุขนัก
ไม่นานหลังจากทานอาหารเย็นไปครึ่งทาง หลี่ชงซานก็ค่อย ๆ เอ่ยถึงประเด็นที่เขาต้องการจะพูดคุยในวันนี้
“ฮ่าวหราน ที่พ่อเรียกลูกมาเจอพ่อในวันนี้ เพราะพ่อมีเรื่องบางอย่างที่ยังวางใจไม่ได้อยากจะคุยกับลูก”
“อืม…บอกมา”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรตั้งแต่แรก เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องจะพูด
เขารู้ไส้รู้พุงของชายชราคนนี้ชัดเจนอย่างมาก
“อะแฮ่ม จริง ๆ แล้วมันเกี่ยวกับหลี่จิงเทียน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันแย่ลงเรื่อย ๆ และลูกชายไม่เอาถ่านคนนี้ของฉันก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรับตำแหน่งผู้นำตระกูลหลี่แน่นอน ดังนั้น…”
หลี่ชงซานกระแอมเบา ๆ แต่เมื่อพูดไปได้ครึ่งทางเขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจจนพูดต่อไม่ได้
เขารู้สึกหนักใจกับวีรกรรมที่ผ่านมาของหลี่จิงเทียนที่ทำเอาไว้กับอวี้ฮ่าวหราน ซึ่งมันทำให้คำขอของตัวเองดูมากเกินไป