ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 357 ประนีประนอม
บทที่ 357 ประนีประนอม
บทที่ 357 ประนีประนอม
“ค่ายกลของฉัน!! เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!”
อู๋หลินมองไปที่ค่ายกลที่พังทลาย เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็น!
“หึหึ ก็แค่ค่ายกลของมดแมลง ต่อหน้าฉันมันไม่มีความหมายอะไรหรอก!”
อวี้ฮ่าวหรานมองอีกฝ่ายอย่างดูถูก ก่อนที่จะกระทืบเท้าส่งคลื่นพลังวิญญาณกวาดไปยังทั้งสามคนที่กำลังยืนตะลึงงันอยู่!
อู๋หลินขนหัวลุกทันทีเมื่อเห็นภาพนี้ เขาจึงรีบโคจรพลังวิญญาณและซัดฝ่ามือเข้าต้านอย่างร้อนรน
‘บึ้ม!!!’
ทันทีที่พลังวิญญาณของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน คลื่นกระแทกก็แผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทางอย่างรุนแรง!
พื้นที่ในระยะรัศมียี่สิบเมตรราบเป็นหน้ากลองอย่างฉับพลัน!
ทางด้านของอู๋หลิน แม้ว่าเขาจะซัดฝ่ามือออกไปต้านได้ทัน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานกับพลังที่รุนแรงของอวี้ฮ่าวหรานได้ ร่างของเขาและอีกสองคนไถลไปไกลคนละทิศคนละทางเจ็ดถึงแปดเมตร
“แข็งแกร่งมาก!”
หลังจากยันกายขึ้นมาใหม่ได้สำเร็จ อู๋หลินอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาอย่างตื่นตระหนก
ชายหนุ่มคนนี้ดูลึกลับเหลือเกินในสายตาของเขา
อีกฝ่ายน่าจะมีอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ แต่เหตุไฉนถึงสามารถบรรลุความแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้?
แม้แต่พวกโอรสสวรรค์ที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะด้านการบ่มเพาะ ในวัยยี่สิบปีอย่างมากที่สุดพวกเขาก็อาจจะเพิ่งทะลวงระดับขึ้นมาอยู่ขอบเขตก่อรากฐานเท่านั้น ไม่มีอัจฉริยะคนไหนเลยที่อายุยี่สิบต้น ๆ แล้วจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้!
ไม่เคยมีเลยในประวัติศาสตร์!
“หยุดก่อน หยุดก่อน!”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อู๋หลินก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว คราวนี้ตระกูลอู๋ได้ล่วงเกินตัวตนที่ไม่ควรจะล่วงเกินมากที่สุดเข้าให้แล้ว!
และยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลอู๋กำลังจะลากสำนักเมฆาเขียวให้เดือดร้อนไปด้วย!
“หืม แกไม่อยากสู้ต่ออีกแล้วเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานประหลาดใจ เขาไม่นึกเลยว่าหลังจากที่ปะทะกันไปเพียงสองกระบวนท่า อีกฝ่ายกลับตะโกนให้หยุดแบบนี้
“ตายซะ! ใครก็ตามที่หยามสำนักเมฆาเขียวจะต้องตายทั้งหมด!”
แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังลั่นมาจากข้างหลังเขา!
คนที่ตะโกนขึ้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอู๋ชิง! ขณะนี้แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและความโกรธ เขาโคจรพลังวิญญาณของตัวเองจนถึงขีดสุดและชกหมัดเข้าหาแผ่นหลังของอวี้ฮ่าวหราน
แต่ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานดูไม่ได้แยแสอะไรมากนัก เขาหันกลับไปและชกหมัดสวนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์!
‘ปัง!’
คลื่นกระแทกกวาดบริเวณโดยรอบอีกครั้ง อวี้ฮ่าวหรานยังคงยืนอยู่จุดเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่อีกฝ่ายกระเด็นถอยหลังไปอย่างควบคุมไม่ได้!
“เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใช้พลังวิญญาณอย่างเต็มที่แบบนี้มานานมากแล้ว ดังนั้นการได้สู้อย่างเต็มที่แบบนี้มันจึงทำให้เขามีความสุขอย่างยิ่ง
จากนั้นเขาดีดตัวพุ่งตามอู๋ชิงที่ยังคงตั้งตัวไม่ได้และง้างหมัดต่อยอีกรอบ!
“ฮ่า ๆ มา! มาเป็นกระสอบทรายให้ฉัน!”
‘ปัง!’
หลังจากเยาะเย้ย อวี้ฮ่าวหรานก็ชกหมัดเข้าไปที่อกของอู๋ชิงเต็ม ๆ ส่งร่างของอู๋ชิงกระแทกลงไปที่พื้นอย่างแรง!
ภายใต้แรงกระแทกอันรุนแรง พื้นดินยุบเป็นหลุมลึกเกือบเมตร และมีรอยแตกระแหงคล้ายกับใบแมงมุม!
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะโดนอัดไปขนาดนี้แต่ อู๋ชิงก็ยังใจสู้ เขาไม่คิดที่ถอยกลับแม้แต่น้อย!
“บัดซบ!”
ด้วยความโกรธ อู๋ชิงจึงฝืนดีดตัวขึ้นจากหลุมอย่างรวดเร็วพร้อมกับโคจรพลังวิญญาณอีกครั้ง!
“ร่างเงาลวงตา!”
หลังจากสิ้นเสียงตะโกน จู่ ๆ ร่างของอู๋ชิงก็แยกออกเป็นสาม!
อวี้ฮ่าวหรานเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็แสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน เพราะแทบจะในทันทีเขาก็เห็นว่าร่างไหนเป็นร่างที่แท้จริงได้อย่างชัดเจน
วิชาลวงตาแบบนี้ช่างกระจอกสิ้นดี!
เขาสามารถมองออกได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้เนตรเทวะเลยด้วยซ้ำ
วิชาของอีกฝ่ายมีจุดบอดร้ายแรงจนน่าขำ ร่างลวงนั้นไม่แม้แต่จะสามารถคัดลอกจังหวะหายใจของร่างต้นได้ด้วยซ้ำ หากเอาไปหลอกคนธรรมดาคงจะพอได้อยู่ แต่การเอามาหลอกอดีตจักรพรรดิเทพอย่างเขามันก็ไม่ต่างอะไรกับการรนหาเรื่องเจ็บตัวมากขึ้น!
แต่ในทางกลับกัน อู๋ชิงก็มีความมั่นใจมากในวิชานี้ของเขา
“ฮ่า ๆ แกแข็งแกร่งกว่าแล้วไง? แกไม่มีทางมองทะลุวิชาร่างลวงของข้าได้แน่นอน!”
“มดแมลงอย่างแกนี่ช่างดีใจกับทุกอย่างได้ง่ายจริง ๆ”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นอย่างดูถูก และวินาทีต่อมา เขาได้ระเบิดพลังวิญญาณออกมาอีกครั้ง และพุ่งเข้าไปชกใส่ร่างจริงของอู๋ชิงโดยไม่สนใจร่างปลอมอีกสองร่างเลย!
‘ปัง!’
“มดแมลงอย่างแกเป็นได้มากที่สุดก็คือกระสอบทรายให้ฉัน! แกไม่สามารถเป็นอะไรไปได้มากกว่านี้!”
‘ปัง!’
‘ปัง!’
อู่ชิงไม่สามารถต้านทานหมัดของอวี้ฮ่าวหรานได้เลย เขาโดนต่อยครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างน่าอนาถโดยไม่อาจตอบโต้ได้ และทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานก็แสดงสีหน้าเมามันอย่างเห็นได้ชัด เขาปฏิบัติต่ออีกฝ่ายราวกับเป็นกระสอบทรายจริง ๆ
อู๋หลินที่มองอยู่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่ออีกจริง ๆ
เมื่อครู่นี้เขาอุตส่าห์ยอมเสียหน้าบอกอีกฝ่ายไปแล้วว่าไม่อยากสู้ต่อ แต่ อู๋ชิงกลับไร้สมองพุ่งเข้าไปต่อยอีกฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าซะงั้น
เห็นได้ชัดว่าในสมองศิษย์น้องของเขาคงมีแต่ขี้เลื่อย!
ในทางตรงกันข้าม อู๋หยวนฮัวถึงแม้ว่าจะพูดน้อย แต่กลับฉลาดกว่ามาก รู้ว่าเวลาไหนควรรุกเวลาไหนควรเลิก!
ในขณะนี้ ทั้งสองมองหน้ากันและไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ
‘ปัง!’
ในขณะนี้ อู๋ชิงก็ถูกต่อยอย่างรุนแรงอีกครั้งแล้ว!
“อั่ก!! ศิษย์พี่หลิน! มาช่วยข้าที!”
เมื่อรู้สึกว่าพลังวิญญาณในร่างเหลืออีกไม่มากแล้ว ดังนั้นอู่ชิงจึงรีบขอความช่วยเหลือจากทั้งสองคนทันที
อู๋หลินกลืนน้ำลายดังเอื้อกทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือนี้ และก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว
อู๋หยวนฮัวก็ก้าวถอยหลังอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน ภาษากายของเขาบอกอย่างชัดเจนว่าตัวเองไม่ต้องการจะสู้ต่อ!
ล้อเล่นเถอะ! ข้าไม่ได้อยากเป็นกระสอบทรายเหมือนกับเจ้าซะหน่อย!
อู๋ชิงอึ้ง
เมื่อเห็นภาพนี้ ในหัวของอู๋ชิงก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
ในขณะเดียวกันนี้ อู๋หลินตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่สู้ต่ออย่างแน่นอน
อันที่จริงแล้วพวกเขาไม่ได้มีความบาดหมางอะไรกันมากมาย การที่อู๋ลั่นไปยั่วยุคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ก่อนแล้วถูกฆ่าตายมันก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว
พวกเขาไม่จำเป็นต้องตายตามไปด้วยจริงไหม?
ในเวลานี้ อวี้ฮ่าวหรานก็พุ่งเข้าไปประชิดตัวอู่ชิงอีกครั้ง และกำลังจะง้างหมัดต่อยอีกรอบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นฉากนี้ ในที่สุดอู๋หลินก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาไม่อยากเห็นศิษย์น้องของเขาโดนอัดเหมือนกระสอบทรายอีกแล้ว
เขาต้องประนีประนอมกับอีกฝ่าย!
“น..น้องชายยั้งมือก่อน! ยั้งมือก่อน!”
“หืม?”
อวี้ฮ่าวหรานหันกลับไปมองอีกฝ่าย เขารู้สึกว่าชายชราคนนี้มีไหวพริบพอสมควร เพราะหลังจากที่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งกว่า ชายชราคนนี้ก็เลือกที่จะเจรจาทันที
“น้องชาย เราเลิกรากันตรงนี้ได้ไหม? ครั้งล่าสุดที่อู๋ลั่นมารังควานเจ้า เป็นเพราะเขาได้รับคำร้องขอจากตระกูลอู๋ ซึ่งอันที่จริงการที่อยู่ ๆ เขาตามล่าเจ้าเช่นนั้น โดยที่ยังไม่รู้เรื่องปมขัดแย้งว่าเกิดเพราะเหตุใดมันย่อมไม่ถูกต้อง และถือว่าสำนักเมฆาเขียวของเราก็มีส่วนผิดพลาดที่ไม่สั่งสอนศิษย์ให้ดี ดังนั้นในเมื่อเขาตายไปแล้ว เราก็ถือว่าหายกันเป็นอย่างไร?”
อู่หลินลอบถอนหายใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหยุด ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่มีเหตุผลพอสมควรเช่นกัน
“ท้ายที่สุด เราไม่ได้มีความฝังลึกอะไรกันมากถึงขนาดที่จะต้องเอาชีวิตกันให้ได้ การมาที่นี่คราวนี้ เราแค่ต้องการมาถามหาเหตุผล ซึ่งในตอนนี้เราเองพอจะเดาได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันแบบนี้อีกต่อไป”
อู๋หลินพยายามปั้นแต่งคำหาข้ออ้างต่าง ๆ นานาอย่างสุดชีวิตเพื่อจบศึกนี้ให้เร็วที่สุดก่อนที่จะมีคนตาย และหลังจากอธิบายจบเขาก็มองไปที่อู๋ชิง ซึ่งตอนนี้หน้าซีดเป็นกระดาษจากอาการบาดเจ็บที่ถูกอัดไปหลายครั้ง
“เอ่อ…ส่วนเรื่องที่ศิษย์น้องของข้าเมื่อครู่…เขาแค่เป็นคนที่อารมณ์ร้อนมากเกินไป น้องชายโปรดอย่าถือสาเลยจะได้ไหม…?”
อวี้ฮ่าวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามกลับ
“อืม…เหตุผลที่พูดมาพอรับฟังได้ คือสรุปแล้ว พวกแกจะไม่มาสร้างความรำคาญให้กับฉันอีกแล้วใช่ไหม?”