ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 386 แสงหิ่งห้อยและแสงจันทร์
บทที่ 386 แสงหิ่งห้อยและแสงจันทร์
บทที่ 386 แสงหิ่งห้อยและแสงจันทร์
“ฉัน…ฉัน…”
กงซุนซาตื่นตกใจเมื่อพบว่าอีกฝ่ายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัว!
ขณะที่เขากำลังตกตะลึงอยู่นั้น หลิ่วอวี้จิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็แสดงสีหน้าดูแคลน
“ฮึ ก็แค่ขอบเขตพลังภายในขั้นสูงสุดเหรอ ระเบิดพลังแล้วยังไง?”
เขาไม่รู้ว่าพลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน เมื่อเห็นแบบนั้นจึงไม่หวั่นกลัว
“เดี๋ยวก็ตายหรอก!”
“หุบ…หุบปาก…”
ขณะที่เขาพูดดูถูก กงซุนซาที่อยู่ด้านข้างก็กลัวจนตัวสั่นงันงก!
ใบหน้าของเขาซีดเผือด เม็ดเหงื่อเย็นเยียบผุดขึ้นบนหน้าผาก!
“หืม? คุณเป็นอะไรไป?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลิ่วอวี้จิงจึงหันมองปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ก่อนถามด้วยความประหลาดใจ
กงซุนซาไม่ตอบคำถาม แต่กลับก้าวถอยหลังด้วยความกลัวสุดขีด
คิดไม่ถึงจริง ๆ!
ราวกับคนตาบอดที่เพิ่งมองเห็นครั้งแรก ตอนนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของชายหนุ่มตรงหน้า!
“ผ…ผู้ชายคนนี้…ผู้ชายคนนี้! มันเป็นปีศาจ!”
ในที่สุดกงซุนซาก็ตะโกนสุดเสียงด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อเทียบพลังวิญญาณของอีกฝ่ายกับผู้ที่ยังไม่บรรลุขอบเขตก่อรากฐาน ความแข็งแกร่งของทั้งสองจึงต่างกันราวกับแสงหิ่งห้อยและแสงพระจันทร์!
“อะไรนะ?”
หลิ่วอวี้จิงยังคงงุนงงหลังจากได้ยินคำพูดพวกนั้น ชายหนุ่มชะตาขาดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจะกลายเป็นปีศาจได้ยังไง?
แต่น่าเสียดายที่กงซุนซาไม่สามารถอธิบายได้ในตอนนี้ เพราะเขาวิ่งหนีออกไปแล้ว!
ยิ่งไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี! ใครอยากจะสู้กับปีศาจตัวนี้ก็สู้ไปเถอะ!
แน่นอนว่าไม่ใช่เขาอยู่แล้ว!
เมื่อมองไปรอบ ๆ กงซุนซาก็เห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานกำลังเดินเข้ามาหาตัวเองอย่างช้า ๆ!
“จะหนีไปไหน? ฮ่า ๆ สายไปแล้ว!”
เพียงพริบตาเดียว ร่างกายของกงซุนซาพลันแข็งทื่อทันที เขาไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว!
เขารู้สึกว่าร่างกายถูกล็อกเอาไว้! ถ้าขยับแขนขาเพียงนิดเดียวก็อาจตายทันที!
หลิ่วอวี้จิงยังคงโง่งม เขาไม่เข้าใจว่าทำไมกงซุนซาผู้แข็งแกร่งเหมือนภูเขาไท่ซานถึงได้ตื่นกลัวเหมือนกับเห็นผีตลอดเวลา?
“เป็นอะไรไป?”
“ปีศาจ! มันเป็นปีศาจ!”
สีหน้าของกงซุนซาจึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีความสงบนิ่งก่อนหน้านี้เหลืออยู่เลย
“ปีศาจอะไร? เกิดอะไรขึ้น?”
หลิ่วอวี้จิงมองท่าทางของอีกฝ่ายแล้วรู้สึกสับสนเล็กน้อย คู่ต่อสู้ต้องน่ากลัวขนาดไหนถึงทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้?
“ฮ่า ๆ เขาเพิ่งรู้ความจริงน่ะสิ”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเยาะพร้อมแสดงสีหน้าเหยียดหยาม
“ความจริงอะไร? แกกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?”
หลื่วอวี้จิงยังปะติดปะต่อเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงสับสนอย่างมาก
ถึงยังไงเขาก็คือผู้นำของทุกคนที่อยู่ที่นี่ หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาจึงออกคำสั่งกับพวกลูกน้อง!
“พี่น้องทุกคน! ฆ่ามัน! อย่าปล่อยให้มันรอดไปได้!”
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนไป เขาจึงตะโกนสั่งทันที ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตราบใดที่ชายหนุ่มตรงหน้าถูกฆ่า บางทีทุกอย่างอาจจะคลี่คลายก็ได้
ต่อให้ไม่อยากทำ เขาก็ต้องทำ!
แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายต่างกันราวกับก้อนเมฆและโคลนตม!
ตูม!
เพียงชายหนุ่มโบกมือข้างเดียว พลังวิญญาณก็ระเบิดออกอีกระลอก!
กลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบถูกจัดการจนหมอบภายในพริบตา พวกเขาลอยไปกระแทกกับผนังก่อนจะกระอักเลือดและสลบไปอย่างรวดเร็ว!
“พวกแกก็แค่มดตัวหนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมถึงกล้างัดข้อกับฉัน!”
ตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานดูเหมือนเทพเจ้ามาจุติ!
แค่โบกมือเบา ๆ ปรมาจารย์กำลังภายนอกและกำลังภายในก็ถูกเขาจัดการราบคาบ!
ขอบเขตพลังภายในเปราะบางมากเมื่อเจอกับพลังวิญญาณอันมหาศาล!
อวี้ฮ่าวหรานบรรลุขั้นสูงสุดของขอบเขตก่อรากฐาน ทำให้ชายหนุ่มสามารถควบคุมพลังวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
ดังนั้นเมื่อเขาเดินเข้าไปหากงซุนซา ปรมาจารย์ทั้งหมดที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จึงถูกจัดการจนเสียท่า!
แม้แต่หลิ่วอวี้จิงก็ยังตกตะลึง!
เขามองดูชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางตื่นกลัว ราวกับเพิ่งเคยเห็นความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก
“ท…ทำไมแกแข็งแกร่งขนาดนี้! ทำได้ยังไง!”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเคยพบหน้ากัน เมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้ว อีกฝ่ายก้าวหน้ากว่าเขาแค่นิดเดียวเท่านั้น
แต่ทำไมตอนนี้ถึงมีฝีมือไร้เทียมทานขนาดนี้? อวี้ฮ่าวหรานมองสีหน้าของอีกฝ่ายก่อนยกเท้าซ้ายขึ้นถีบ
“ก่อนหน้านี้ฉันออมมือให้ ตอนนี้แกเลยอยากลองดีเหรอ?”
หลังจากหัวเราะเยาะ อวี้ฮ่าวหรานก็หันหลังให้อีกฝ่าย
แต่สติของหลิ่วอวี้จิงหลุดลอยไปแล้ว เขาผลักกงซุนซาที่ยืนอยู่ข้างหน้าเข้าไปใกล้อวี้ฮ่าวหราน
“เร็วสิ… รีบฆ่ามันซะ! อย่าให้ไอ้เด็กคนนี้รอดไปได้!”
“ตึง!”
หลังจากหลิ่วอวี้จิงผลักกงซุนซาไปข้างหน้า จู่ ๆ ชายแก่วัยหกสิบปีก็ทรุดตัวลงคุกเข่า!
“ฉันผิดไปแล้ว…ขอร้องล่ะ…บัดซบ ฉันแค่ตั้งใจจะสลายกองกำลังแล้วไปจากเมืองฮ่วยอันตลอดกาล!”
ในที่สุดกงซุนซาก็ตอบสนอง เขาคุกเข่าร้องขอความเมตตาอย่างรวดเร็ว
“คุณ… คุณทำแบบนี้ได้ยังไง!” หลิ่วอวี้จิงมีสีหน้าไม่เชื่อ
“ไม่! ฉันไม่ยอมแพ้แกเด็ดขาด! ฉันจะฆ่าแก!”
ทันใดนั้นเขาพลันเข้าใจว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลอีกต่อไป เขาจึงตีโพยตีพายอย่างกับคนบ้า!
“ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะฆ่าแก!”
ดวงตาของหลิ่วอวี้จิงแดงก่ำ เขารวบรวมพลังภายในทั้งหมดไปยังฝ่ามือก่อนซัดออกไป!
น่าเสียดายที่ครั้งนี้อวี้ฮ่าวหรานไม่เล่นด้วย ผู้ชายคนนี้คือคนข่มขู่ครอบครัวเขา!
แม่งเอ๊ย!
“ตึง!”
เมื่อลืมตาขึ้น พลังวิญญาณที่มองไม่เห็นก็พุ่งเข้ามาที่หลิ่วอวี้จิงอย่างรวดเร็ว!
หลิ่วอวี้จิงรู้สึกเหมือนถูกรถสิบล้อชนอย่างแรง เขารู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่างก่อนกระอักเลือดออกมา!
หลังจากตกกระแทกพื้น เขาก็หายใจรวยรินราวกับคนใกล้ตาย!
เพียงแค่มองก็รู้ได้เลยว่าเขาบรรลุขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงสุด พูดได้เลยว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน!
แม้แต่กงซุนซายังตะลึงกับภาพที่เห็น!
จากการประเมินด้วยสายตา เขาเข้าใจทันทีว่าพลังวิญญาณที่ถูกซัดออกไปนั้นไม่ธรรมดา ถ้าโดนกับตัวเอง ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่
แต่ความแข็งแกร่งแตกต่างกันมากเกินไป! ผู้ชายคนนั้นคืออมนุษย์!
น่าเสียดายที่หลิ่วอวี้จิงมีความสามารถ ทว่ากลับโง่งม
“ฉะ…ฉันยินดีสลายกองกำลังทั้งหมดแล้วไม่กลับมาที่นี่อีก!”
กงซุนซาคุกเข่าลง ก่อนใช้ศีรษะโขกพื้นพร้อมร้องขอความเมตตา อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นมองไปยังอีกด้านหนึ่งของห้อง
“แค่นี้ไม่ทำให้ฉันจะปล่อยแกไปหรอก!”
ผู้ชายคนนี้เคยมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แต่น่าเสียดายที่อ่อนแอเกินไปที่จะคร่าชีวิตเขา
ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะไว้ชีวิตชายคนนี้อยู่แล้ว
กงซุนซาไม่แปลกใจที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาดีใจซะมากกว่า!
“อ…อีกอย่างฉันตั้งใจจะยกบริษัทที่ฉันดูแลอยู่ให้แก แม้จะเป็นธุรกิจขนาดเล็กและมีเพียงไม่กี่สาขา แต่ก็มีมูลค่ามหาศาลเลยนะ”
ตราบใดที่สามารถต่อรองได้ เขาก็ไม่ต้องตายฟรี
“ยกบริษัทให้ฉันเหรอ เป็นความคิดที่ดีนี่”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อย เครือฮ่าวหรานจำเป็นต้องเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น