ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 390 แซงคิว
บทที่ 390 แซงคิว
บทที่ 390 แซงคิว
เฉิงชิวอวี้อดภูมิใจไม่ได้ ดูเหมือนว่าในสายตาผู้ชายคนนี้ เธอจะไม่ได้ขี้เหร่เลย
“เอ่อ… ไม่มีอะไร ไปกันเถอะครับ”
เมื่อถูกอีกฝ่ายถาม อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าและทักทายทันที
เมื่อหันกลับมา ถวนถวนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก็กระซิบว่า “พ่อจ๋า อาชิวอวี้สวยมากเลย! ถ้าถวนถวนโตแล้วจะสวยเหมือนคุณอาไหมคะ?”
ขณะพูดเจื้อยแจ้ว เด็กหญิงตัวน้อยก็มองเฉิงชิวอวี้ด้วยดวงตาเป็นประกาย
“อืม…ถ้าถวนถวนโตต้องสวยเหมือนคุณอาแน่นอน”
หลังจากได้ยินแบบนั้น เด็กหญิงตัวน้อยก็มีความสุขอย่างมาก
“คุณพ่อเจ๋งที่สุด!”
จากนั้นทั้งสามคนก็ลาเฉิงกัวอัน
หลังจากขึ้นรถ
“ฮ่าวหราน เราไปโรงหนังที่อยู่ใกล้ ๆ กันเถอะค่ะ ฉันว่ามันเงียบสงบดี แถมวันนี้ยังมีรอบฉายหนังที่ฉันชอบด้วย”
“อืม ตามใจคุณเลยครับ”
เฉิงชิวอวี้ถามเขาทันทีที่ก้าวขึ้นรถ ขณะที่อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าตอบรับ
“โอเค! ไปดูหนังกัน”
ถวนถวนมีความสุขมาก ปกติแล้วเธอมักจะขลุกอยู่กับงานอดิเรกหรือไม่ก็พาเพื่อน ๆ มาเล่นที่บริษัทของพ่อ น้อยครั้งที่เธอจะได้ออกมาดูหนัง
เวลาหนึ่งทุ่มตรง…
ลมในตอนกลางคืนหนาวเย็นเล็กน้อย รถสปอร์ตสีเหลืองสดใสวิ่งด้วยความเร็วคงที่ตลอดทาง
สิบนาทีต่อมา ภายในโรงหนังหรูหรา
“นั่นไงคะ หนังที่เราสามคนจะดู”
เมื่อมาถึงโรงหนัง เฉิงชิวอวี้ก็ยกนิ้วชี้ภาพยนตร์ที่กำลังฉายอยู่บนจอแอลอีดีขนาดใหญ่
อวี้ฮ่าวหรานเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่ามันเป็นหนังรัก…เป็นเรื่องราวความรักอันสวยงามระหว่างคนหนุ่มสาว
นี่…
เขาอดตกตะลึงไม่ได้ อวี้ฮ่าวหรานไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แน่นอนว่าภาพยนตร์ประเภทนี้เหมาะกับคู่รักมากที่สุด
แต่ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่รักสักหน่อย…
“ดูนั่นสิ ฉันพาถวนถวนไปซื้อป๊อปคอร์นก่อนนะคะ คุณไปต่อแถวซื้อตั๋วหลังก่อนเลยได้ค่ะ”
พอเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เฉิงชิวอวี้รู้ในทันทีว่าอวี้ฮ่าวหรานรู้เจตนาของตัวเอง ด้วยกลัวว่าชายตรงหน้าจะปฏิเสธ เธอจึงรีบจัดแจงหน้าที่ทันที
พูดจบ เธอก็เดินจากไป
เมื่อได้ยินอย่างนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกจนปัญญา เพราะเขาเป็นต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ดังนั้นจึงปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ได้
ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แถวรอซื้อตั๋วจึงยาวเป็นพิเศษ
และตอนนี้เขาก็อยู่ปลายแถว
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนในแถวส่วนใหญ่ถึงเป็นเด็กวัยรุ่น ตอนนั้นเอง เสียงพูดคุยของเหล่าคู่รักลอยเข้าหูของเขา
“ฉันได้ยินมาว่าหนังเรื่องนี้ซึ้งมาก แต่ไม่คิดว่าเราจะได้ดูวันนี้”
“วันนี้เป็นเดตแรกของเรา ดูหนังเสร็จแล้วไปกินข้าวกันเถอะ…”
“โอเค…”
“…”
บทสนทนาของคู่รักทำให้อวี้ฮ่าวหรานทำตัวไม่ถูก
เขาเป็นมหาเทพผู้สง่างามและน่าเลื่อมใสในโลกเทวะมากว่าสามหมื่นปี แต่วันนี้เขาต้องฟังคนอื่นพลอดรักกันเนี่ยนะ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเวลาไพร์มไทม์ของโรงหนังไม่นานก็มีผู้คนเจ็ดถึงแปดคนมาต่อแถวข้างหลังอวี้ฮ่าวหราน
“ปล่อยนะ!”
จู่ ๆ เสียงที่น่ารำคาญก็ดังขึ้น
“ฉันรีบ หลบไปซะ”
อวี้ฮ่าวหรานหันมองต้นเสียงทันที ปรากฏว่ามีชายหนุ่มที่มีรอยสักอยู่บนแขนเดินเข้ามาหาเขา
สีหน้าผู้ชายคนนั้นไม่เป็นมิตรอย่างมาก
“หือ? แกน่ะ! หูหนวกหรือไง? ฉันบอกให้แกหลีกไป!”
ชายหนุ่มมีท่าทางก้าวร้าวขณะที่จูงมือแฟนสาวอายุประมาณ 17-18 ปีอย่างแนบแน่น
เด็กสาวก็มีท่าทีไม่เป็นมิตรเช่นกัน เธอพ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์
“ฮึ่ม! ยังอีก! หลีกทางให้พี่ชางเดี๋ยวนี้! แกรู้ไหมว่าแฟนของฉันเก่งแค่ไหน!
เมื่อชายหนุ่มที่มีรอยสักได้ยินอย่างนั้น เขาก็หัวเราะเสียงดังพร้อมวางก้ามกว่าเดิม
“ฮึ่ม ดูไอ้ขี้แพ้นี่สิ มันมาดูหนังรักคนเดียว ฉันขำจะตายอยู่แล้ว”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีเพียงคนเดียว เด็กสาวก็ยิ่งพูดดูถูกเขา
“ไอ้ขี้แพ้อย่างนายคงอิจฉาพวกเราที่มาเป็นคู่ล่ะสิ? ฮ่า ๆ น่าสมเพช!”
ความคิดของเธอป่วยจนเกินเยียวยา แถมยังคิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าผู้อื่นอีก
อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออก ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะเหมาะสมกันเหลือเกินแต่เขาก็ไม่ได้ตอบโต้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงย่ามใจ
“แม่งเอ๊ย หลบไป! หัดเจียมตัวซะบ้าง กล้าดียังไงมาขวางทางฉัน!”
“ใช่ ระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน พี่ชางไม่ปล่อยแกไว้แน่”
หญิงสาวย้อมผมสีทอง แต่ผิวของเธอกลับหม่นหมอง ไม่น่ามอง ถึงอย่างนั้นเธอกลับดูภูมิใจกับรูปลักษณ์ของตัวเองมาก
“ไอ้ขี้แพ้อย่างแกทำยังไงก็ไม่มีแฟนหรอก เสียเวลาดูหนังเปล่า ๆ”
เธออวดเบ่งพร้อมพูดเยาะเย้ย
“หืม แล้วถ้าฉันไม่ยอมล่ะ?”
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“พวกนายจะใช้กำลังบังคับฉันเหรอ?”
แม้เขาจะสวมใส่ชุดลำลองสบาย ๆ แต่พวกมันมีราคาแพงไม่น้อย ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังถูกมองว่าเป็นคนจนอยู่ดี ถ้าอีกฝ่ายไม่รวยมากก็น่าจะมีรสนิยมต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
หนุ่มสักลายรู้สึกโมโหทันทีที่ได้ยิน!
“ไอ้เวร ถ้ายอมทำตามที่พวกเราสั่ง แกกลัวว่าจะเสียหน้าสินะ? งั้นให้ฉันช่วยไหมล่ะ แกจะได้ไม่อาย?”
“จริงเหรอ? โชว์ให้ดูหน่อยสิ”
ใบหน้าของอวี้ฮ่าวหรานยังคงไร้อารมณ์ เขาไม่ถือสาคนโง่หรอก
เมื่อชายหนุ่มได้ยินอย่างนั้นก็โกรธจัดทันที
“นี่! รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร! แกรนหาที่ตายชัด ๆ!”
พูดจบ เขาก็เอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อของอีกฝ่าย แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ปล่อยให้อีกฝ่ายสมใจ เขาคว้าแขนของคู่ต่อสู้ก่อนจะบิดอย่างแรง
“ฮ่า ๆ ทำไมวัยรุ่นใจร้อนง่ายแบบนี้ แกจะยอมไปต่อแถวเหมือนคนอื่นไหม?”
วันนี้เขามากับลูกสาวจึงไม่อยากทะเลาะวิวาทให้เธอเห็น
“บัดซบ! แกอยากตายเหรอ!”
หนุ่มลายสักจับแขนของตัวเอง เขาทั้งเจ็บปวดทั้งอับอาย
ไม่นานเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดา เพราะไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็เข้าประชิดตัวอีกฝ่ายไม่ได้เลย
“แกกล้าแตะต้องพี่ชางเหรอ? ไอ้ขี้แพ้! แกอยากตายเหรอ! กล้าดียังไง!”
พอเด็กสาวเห็นอย่างนั้น เธอก็ตวาดอีกฝ่ายทันที ในสายตาของเธอผู้ชายตรงหน้าเป็นเพียงไอ้ขี้แพ้ที่ไม่มีใครคบ แต่ยังดันทุรังอยากดูหนังรัก
เธอด่าทอเขายกใหญ่!
คู่รักที่ต่อแถวซื้อตั๋วหนังต่างขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน หญิงสาวคนนี้นิสัยแย่เกินเยียวยาจริง ๆ
นี่คือการสร้างความรำคาญให้กับคนอื่นไม่ใช่เหรอ? เธอเพิ่งมีแฟนคนแรกหรือไง?
ตอนนี้ทุกคนต่างเอือมระอาวัยรุ่นทั้งสอง
แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ เขายังคงมองชายหนุ่มสักลายด้วยสายตารังเกียจ ก่อนบิดแขนอีกฝ่ายให้แรงขึ้น
“อยากให้ฉันปล่อยเหรอ?”
“แม่งเอ๊ย! ปล่อยเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันฆ่าแกแน่!”
หนุ่มสักลายระเบิดอารมณ์พร้อมด่าทออย่างโกรธเคือง ตอนนี้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะจะขายหน้าต่อหน้าแฟนสาวไม่ได้
“โอเค ปล่อยก็ได้”
อวี้อ่าวหรานปล่อยมือจากแขนของอีกฝ่าย ก่อนสลายพลังทั้งหมดโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง