ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 435 คนหนุนหลังผู้แข็งแกร่ง
บทที่ 435 คนหนุนหลังผู้แข็งแกร่ง
บทที่ 435 คนหนุนหลังผู้แข็งแกร่ง
ด้านนอกบ้าน
“หวังเหยียน นายว่า…มันจะกล้าลงมือกับครอบครัวเพื่อนน้องอวี้เหรอ? ไม่เท่ากับรนหาที่ตายเหรอ?”
โจวเฟยหู่คีบบุหรี่ ท่าทีของเขาดูเฉยเมย
แม้ในยามกะทันหัน เขายังสามารถรวบรวมลูกน้องมาได้เกือบสามร้อยคนเพียงเพื่อต่อกรกับกองกำลังเล็ก ๆ
“ลูกพี่ ผมสืบเรื่องของมันมาแล้ว กองกำลังที่เรียกตัวเองว่า ‘เพลิงอัสนี’ มีคนอยู่ประมาณหนึ่งร้อยคนครับ”
หวังเหยียนรายงานแข็งขัน
“หนึ่งร้อยคนเหรอ? ฉันมีลูกน้องที่ฐานหลักอยู่หกร้อยเกือบเจ็ดร้อยคน ถ้ารวมกับพวกที่อยู่รอบนอกก็มีอย่างน้อยหนึ่งพันคน!”
โจวเฟยหู่ส่งสีหน้าย่ามใจ หลังเอาชนะวาฬยักษ์และฉลามคลั่งได้ กองกำลังเล็ก ๆ ในเมืองฮ่วยอันก็ไม่มีฝ่ายใดเทียบกับพยัคฆ์เวหาของเขาได้
ตอนนี้บ้านได้ถูกรถยนต์และรถตู้หลายคันล้อมเอาไว้
ชายหลายร้อยคนในชุดดำส่งสายตาเย็นชา บรรยากาศภายในและภายนอกบ้านตึงเครียด
พวกเขาต่างเป็นสมาชิกอาวุโสของพยัคฆ์เวหา และล้วนมีพละกำลังที่แข็งแกร่ง
‘เพลิงอัสนี’ เป็นเพียงกองกำลังเล็ก ๆ พวกเขามักข่มเหงรังแกคนธรรมดา ไม่เคยเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ตอนนี้ทุกคนตกอยู่ในความหวาดหวั่น
ไม่นานเหล่ยเซียวก็ออกมานอกบ้านด้วยตนเอง เมื่อมองออกไปกลับสั่นไหวไปทั้งตัว!
“โจว…โจวเฟยหู่!”
สายตาหวาดหลัวของเขาจับจ้องไปทางประตูบ้าน คนที่ยืนอยู่ข้างรถเบนซ์คือผู้มีอิทธิพลซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วเมืองฮ่วยอัน!
โจวเฟยหู่!
“ว่าไง? หัวหน้าโผล่มาแล้วเหรอ? หึ สร้างเรื่องขนาดนี้แต่เพิ่งโผล่หัวมาตอนนี้เหรอ?”
เมื่อเห็นอีกฝ่าย โจวเฟยหู่พ่นบุหรี่ที่สูบไปได้ครึ่งมวนลงพื้นก่อนว่าถากถาง
เหล่ยเซียวนิ่งงัน เขาเป็นคนเหี้ยมโหด หากแต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่ง กลับกลายเป็นเพียงคนนอกสายตา
“ผม…เหล่ยเซียว ยอมรับว่าไม่ได้คิดหาเรื่องคุณ หัวหน้าโจว วันนี้คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ…”
“ไม่ได้หาเรื่องฉันเหรอ? ฮ่า ๆ คิดว่าฉันพาลูกน้องเยอะแยะมาชมวิวหรือยังไง?”
โจวเฟยหู่แค่นเสียงบอก สายตาเย็นเยียบขึ้นทุกที
เบื้องหลังเขาคือหวังเหยียนและสมาชิกอาวุโสอีกเจ็ดแปดคน พวกเขาจ้องตรงมาทางชายตรงข้าม
“ผม…ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าไปมีเรื่องกับหัวหน้าโจวตอนไหน…”
เหล่ยเซียวประหวั่นกับเหตุการณ์ตรงหน้า เขาแทบจะร่ำไห้ออกมาเสียเดี๋ยวนี้
เขาไปหาเรื่องคนใหญ่คนโตขนาดนี้ตอนไหนกัน!
นี่ตนถึงคราวเดือดร้อนแล้วเหรอ?
โจวเฟยหู่ยิ่งส่งสีหน้าเย็นชาเมื่อได้ยินคำอีกฝ่าย เขาว่าเหยียดอย่างไม่ใส่ใจ
“เหล่ยเซียวใช่ไหม? แกลืมวีรกรรมของตัวเองเมื่อวานแล้วเหรอ?”
ได้ฟังแล้วเหล่ยเซียวถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ก่อนความเสียวสันหลังจะแล่นลงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า!
ด้วยเมื่อวานเขาทำเพียงอย่างเดียว เขาส่งคนไปเล่นงานตระกูลซู!
หรือว่า…
ซูกว่างไห่ซึ่งดูน่าสมเพชรู้จักกับโจวเฟยหู่ หัวหน้ากลุ่มผู้มีอิทธิพลของเมืองฮ่วยอันหรือ?
เมื่อคิดเช่นนั้น โจวเฟยหู่เองก็อดขบขันไม่ได้
“หัว…หัวหน้าโจว ผมไม่ได้ตั้งใจ ถ้ารู้ว่าตระกูลซูรู้จักกับคุณ ผมคงไม่กล้าลงมือแบบนั้น ต่อให้กล้ากว่านี้อีกหมื่นเท่าก็ตาม!”
เขาเผลอเตะเข้าเหล็กร้อนแล้วไม่ใช่เหรอ? พยัคฆ์เวหาถึงกับออกโรงเองเลย!!
หากแต่สิ่งสำคัญคือไอ้แก่ซูกว่างไห่ถูกซ้อมแบบนั้น เขาไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว!
ใครจะกล้าขุดหลุมฝังตัวเองกัน?
เหล่ยเซียวมองกลุ่มชายชุดดำที่ล้อมรอบ แล้วก็อดจะตื่นตระหนกไม่ได้
หากแต่โจวเฟยหู่กลับบอกปัด
“โทษที แต่แกอาจเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักตระกูลซูหรอก”
“หา?”
เมื่อได้ฟัง เหล่ยเซียวมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง ขณะมีความหวังผุดขึ้นในใจ
หากไม่ได้มาแก้แค้นให้ตระกูลซูซึ่งถูกไล่ล่า ก็อาจพอจะไกล่เกลี่ยได้
หากแต่คำพูดต่อมาของโจวเฟยหู่กลับฝังเขาในถ้ำน้ำแข็งอีกครั้ง
“แต่ว่าตระกูลซูกับน้องชายของฉันรู้จักกัน เรื่องใหญ่ขนาดนี้ แกหนีไปไม่รอดหรอก!”
“อะไรกัน? น้อง…น้องชายคุณเหรอ?”
เหล่ยเซียวไม่เข้าใจคำของอีกฝ่ายนัก รู้เพียงแค่วันนี้ตนเองอาจต้องจบเห่
ทันใดนั้น รถสปอร์ตสีเหลืองสดก็แล่นเข้ามาจอด รถหยุดใกล้คฤหาสน์หลังงามพร้อมเสียงเบรกดังลั่น!
กลุ่มชายชุดดำหลีกทางให้ใครบางคน
แม้แต่โจวเฟยหู่และหวังเหยียนยังหันไปมองอย่างนอบน้อม
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เหล่ยเซียวตะลึงงัน มีคนในเมืองฮ่วยอันที่น่าเกรงขามถึงขั้นทำให้หัวหน้าทั้งสองคนนี้ต้องก้มหัวให้ด้วยเหรอ?
เขาไปเผลอมีเรื่องกับผู้มีอำนาจใหญ่โตคนใดกัน!
ไม่นานอวี้ฮ่าวหรานก็ปรากฏตัวขึ้นวงในสุด
เขามองหน้าเหล่ยเซียวซึ่งเคยเจอกันมาก่อน จึงอดจะรู้สึกขบขันไม่ได้
อีกฝ่ายทำให้ตัวเขาต้องวิ่งวุ่นทั้งคืน!
ตอนนี้เหล่ยเซียวยิ่งตื่นตะลึง!
“แก! เป็นแกนี่เอง!”
เหล่ยเซียวมองหน้าฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เชื่อสายตา ความเกลียดชังระหว่างเขากับตระกูลซูเริ่มขึ้นเพราะชายคนนี้
“ฉันเอง! แล้วยังไง?”
อวี้ฮ่าวหรานมองเย้ยหยันอีกฝ่าย ท่าทีไม่สะทกสะท้าน
“อย่างนี้นี่เอง…มันเป็นอย่างนี้นี่เอง!”
เห็นสีหน้านอบน้อมของโจวเฟยหู่และหวังเหยียนซึ่งอยู่ข้างกายอีกฝ่าย เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าสถานะของฝ่ายตรงข้ามสูงส่งเพียงไหน
ด้วยเหตุนี้โจวเฟยหู่คนดังถึงได้ยกพวกมาช่วยตระกูลซู
“เหอะ มาตรัสรู้ตอนใกล้ตายก็สายไปแล้ว!”
โจวเฟยหู่ว่าเยาะเมื่อเห็นเช่นนี้ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เขาไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา
“ตายเหรอ? ไม่มีทาง! ผมไม่ยอมตายหรอก!”
เหล่ยเซียวเอ่ยเสียงแข็งราวกับตัดสินใจแล้ว
“ไป! ไปเอาคนตระกูลซูออกมา!”
ลูกน้องสองคนรับคำสั่ง พวกเขากลับลงไปชั้นใต้ดิน ผ่านไปครู่หนึ่ง พ่อลูกตระกูลซูก็ได้เห็นแสงอาทิตย์อีกครั้ง
“ไม่…อย่าฆ่าฉันเลย ฉันจะยกสมบัติให้หมดเลย”
ซูกว่างไห่คิดว่าเรื่องจบลงและกำลังจะถูกฝังทั้งเป็น จึงรีบกล่าวร้องขอความเมตตา
หากแต่ตอนนี้สถานการณ์พลิกผัน เหล่ยเซียวกลับตกเป็นรอง
“เฮอะ ไอ้แก่ ปิดบังซะมิดเลยนะ! แหกตาดูซะ มีคนเป็นโขยงแห่มาช่วยแก!”
ได้ยินคำเว้าวอน เขาก็อดนึกไม่สบอารณ์ไม่ได้ ป่านนี้แล้วจะแสร้งทำให้ได้อะไรขึ้นมา?
ซูกว่างไห่ได้สติ เขาเงยหน้ามอง แทบทรุดเข่าลงด้วยความหวาดกลัวรอบตัวเขาเต็มไปด้วยกลุ่มชายชุดดำ
เหตุใดเขาถึงได้ถูกล้อมเอาไว้แบบนี้กัน?
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?”
เขาใจเต้นระรัวด้วยความกลัว
“จะแกล้งไขสือไปทำไม? ถ้าแกบอกว่ารู้จักกับโจวเฟยหู่ตั้งแต่แรก แกจะต้องมาทรมานแบบนี้ไหม?”
เหล่ยเซียวกระชากเขาขึ้นมาและขึ้นเสียงใส่หน้า