ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 452 ความก้าวหน้าของหวังเหยียน
บทที่ 452 ความก้าวหน้าของหวังเหยียน
บทที่ 452 ความก้าวหน้าของหวังเหยียน
ภายในห้องเงียบสงบ หลิวว่านฉิงรู้สึกเบื่อหน่ายจึงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน
ทันใดนั้นประตูก็ถูกผลักเปิดออกอย่างกะทันหัน
“หิวไหมคะ กินข้าวก่อนเถอะ”
เฉิงชิวอวี้เดินเข้ามา จากนั้นเปิดกล่องอาหารแล้วนำจานอาหารสองสามจานวางไว้บนโต๊ะ
“อย่าเกรงใจเลยค่ะ ฉันทำเองทุกจาน อยากกินอะไรก็กินได้หมดเลย”
เธอจัดวางจานอาหารหลายจาน ก่อนนำชามข้าวออกมาแล้วยื่นตะเกียบให้หญิงสาวที่อยู่ข้างหน้า
หลิวว่านฉิงรีบปิดหนังสือในมือด้วยความเกรงใจ
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ค่ะ…เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เธอจะยอมรับการปรนนิบัติดูแลอย่างนี้ได้ยังไง โดยเฉพาะยิ่งมาจากหญิงสาวหน้าตาสะสวย กิริยามารยาทงดงาม และสง่าผ่าเผยอย่างนี้
เฉิงชิวอวี้ยกยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นผลักมืออีกฝ่ายที่ยื่นเข้ามาช่วยเบา ๆ
“คุณช่วยคุณฮ่าวหรานไว้ก็ถือว่าได้ช่วยฉันไปด้วย ปล่อยให้ฉันดูแลคุณเถอะค่ะ”
เธอหยิบหนังสือในมืออีกฝ่ายออก ก่อนยัดตะเกียบเข้าไปแทน
“กินเถอะค่ะ ฉันมั่นใจว่าฝีมือฉันอร่อยไม่แพ้ใครแน่นอน”
“อืม…ค่ะ”
หลิวว่านฉิงถือตะเกียบด้วยความลังเล เธอไม่เคยถูกคนอื่นดูแลอย่างดีแบบนี้มาก่อนจริง ๆ
ขณะเดียวกันเฉิงชิวอวี้มองไปที่หนังสือ
“เจน แอร์*[1] ตอนเด็กฉันชอบหนังสือเรื่องนี้มาก คุณอ่านมันด้วยเหรอคะ?”
เธอเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ค่ะ ฉันเคยอ่านตอนเรียนน่ะค่ะ…”
ทั้งสองคนพูดคุยเกี่ยวกับหนังสืออย่างถูกคอ
หลิวว่านฉิงรู้สึกว่าความรู้สึกเกรงใจและไม่สบายใจค่อย ๆ หายไปทีละน้อย ดูเหมือนว่าผู้หญิงข้างหน้าจะสามารถเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย แถมท่วงท่าของเธอยังดูสง่างามทุกการเคลื่อนไหวอีกด้วย
เมื่อตักอาหารเข้าปาก หลิวว่านฉิงก็อดออกปากชมไม่ได้
“คุณทำอาหารพวกนี้เองเหรอคะ?”
“อืม”
“อร่อยมากเลยค่ะ…”
หลิวว่านฉิงอยากถามอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองยังรู้จักอีกฝ่ายไม่ดีพอ
เฉิงชิวอวี้สังเกตเห็นสีหน้านั้นอย่างรวดเร็ว
“ฉันเรียนมาจากเถ้าแก่เจ้าของร้านอาหารน่ะค่ะ ในอนาคตคุณมาที่บ้านฉันบ่อย ๆ สิคะ ฉันจะสอนให้เอง”
“ดีเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
หลิวว่านฉิงรู้สึกว่าอีกฝ่ายใจดีมาก เธอจึงฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
อีกด้านหนึ่ง
อวี้ฮ่าวหรานตักอาหารเข้าปากอีกสองสามคำ
“สถานการณ์ในแก๊งพยัคฆ์เวหาเป็นยังไงบ้าง ไอ้พวกนั้นยังสร้างปัญหาอยู่ไหม?”
นี่คือสิ่งที่เขากังวลที่สุดในตอนนี้
ยังไงก็ตามสถานการณ์ในแก๊งดูเหมือนว่าจะไม่สู้ดีนัก คิ้วของหวังเหยียนขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“สถานการณ์แย่มากเลยครับ หลังจากแก๊งเราทลายแก๊งใหญ่ พวกมันก็รวมตัวกันต่อต้านเราจนตอนนี้มีจำนวนคนมากกว่าพวกเราแล้ว แถมยังมีปรมาจารย์กำลังภายในเข้าร่วมด้วย”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อย
“อืม ก็แค่เรื่องเล็กน้อย”
เมื่อแก๊งมีอิทธิพลทั้งสี่ถูกรวมเข้าด้วยกัน พวกแก๊งเล็ก ๆ จึงมองหาที่ยึดเหนี่ยวและไม่จำเป็นต้องรวมตัวกัน
เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่กล้ามีแก๊งไหนกล้าโจมตีอย่างเปิดเผย
ยังไงก็ตามตอนนี้พวกเขารู้ดีว่าแก๊งไหนมีอิทธิพลมากที่สุด และยังรู้ดีว่าถ้ามีแก๊งไหนสร้างปัญหา แก๊งจะถูกแก๊งพยัคฆ์เวหาทำลายจนสิ้นชื่อ
“ตอนนี้พยัคฆ์เวหาคุมอาณาเขตในฮ่วยอันไปเท่าไหร่แล้ว?”
“ประมาณสี่สิบเปอร์เซ็นต์ครับ พวกที่เหลือเป็นแก๊งเล็ก ๆ ไม่ได้สำคัญอะไร”
หวังเหยียนก้มหน้าลงพร้อมตอบ
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบ
เพราะมันน้อยกว่าที่เขาคิด
“เอาอย่างนี้ ขั้นแรกนายต้องอยู่นิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไปสักครึ่งเดือน จากนั้นเลือกวันที่เหมาะสมแล้วโจมตีพวกมันให้ราบคาบ! ไอ้พวกแก๊งเล็ก ๆ จะได้เข็ดหลาบและไม่รวมตัวต่อต้านเราอีก”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงอธิบายแผนการ
หวังเหยียนคิดตามอีกฝ่าย และพบว่าวิธีนี้สามารถทำลายศัตรูได้อย่างแน่นอน
แก๊งเล็ก ๆ เหล่านั้นรวมตัวกันเพราะถูกแก๊งพยัคฆ์เวหากดดัน แต่เมื่อแรงกดดันหายไป เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะแว้งกัดเอาได้
คำถามคือพวกเขาจะทำยังไงให้พวกนั้นไม่กล้าลุกขึ้นต่อต้าน
“ถ้ากลับไปแล้ว ฉันจะไปปรึกษากับโจวเฟยหู่อีกที”
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถตัดสินใจในระยะเวลาสั้น ๆ ได้
“หลังจากเราออกไปแล้ว ฉันจะแนะนำวิธีฝึกตนบรรลุขอบเขตพลังภายในขั้นสูงสุดกับนาย”
อวี้ฮ่าวหรานหยักหน้าหลังจากพูดคุยเรื่องที่เขาต้องการทราบ เมื่อได้ยินอย่างนั้น หวังเหยียนก็มีสีหน้าตื่นเต้นทันที
“เยี่ยมไปเลยครับ!”
หลังมื้ออาหารเย็น ท้องฟ้าข้างนอกมืดมิด ต้นป็อปลาร์ทั้งหลายล้วนเอนไหวตามสายลม
“การบรรลุขอบเขตต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องยากเลย มันขึ้นอยู่กับปริมาณพลังภายในทั้งหมดที่เราสามารถควบคุมได้ ยิ่งนายมีมากเท่าไร มันก็ยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น”
อวี้ฮ่าวหรานมองหวังเหยียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมให้คำแนะนำด้วยท่าทีสบาย ๆ
“ครั้งนี้ฉันจะช่วยนายเอง ฉันจะใช้พลังวิญญาณของตัวเองช่วยให้นายบรรลุขั้นสูงสุดของขอบเขตกำลังภายใน”
“ขอบคุณมากครับลูกพี่อวี้!”
หวังเหยียนมีสีหน้ามีความสุขมาก เขาคิดค้างอยู่ในขั้นสูงสุดของขอบเขตกำลังภายในขั้นสูงเป็นเวลาสองปีแล้ว ในที่สุดเขาจะได้บรรลุขั้นสูงสุดสักที แล้วจะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง
“อืม ฉันหวังว่าหลังจากบรรลุขั้นนี้แล้ว นายคงจะไม่ขอให้ฉันช่วยอีกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันจะไม่ช่วยเด็ดขาด”
เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานจึงปรามเขาไว้ก่อน
“ถ้านายเอาแต่พึ่งพาคนอื่นให้ช่วยบรรลุขอบเขตต่าง ๆ มันจะส่งผลเสียต่อนายในอนาคต”
“ครับ! ผมเชื่อว่าผมทำได้แน่นอน!”
หวังเหยียนไม่มีท่าทางผิดหวังแม้แต่น้อย เขามั่นใจในความสามารถของตัวเองอย่างมาก
ไม่นานอวี้ฮ่าวหรานก็ทำท่าทางบางอย่าง จากนั้นพลังวิญญาณนับพันสายก็หลั่งไหลจากร่างกายเขาไปสู่อีกคนหนึ่ง
กระบวนการนี้ใช้เวลานานมาก…การช่วยเหลือแก่ผู้อื่นให้บรรลุขอบเขตเป็นแค่เรื่องไร้สาระในโลกมนุษย์
สิ่งที่อวี้ฮ่าวหรานใช้ในเวลานี้คือเวทมนตร์ของโลกเทวะ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที พลังวิญญาณหลายสายก็แทรกซึมเข้าสู่จุดตันเถียนของอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์!
“เขามาแล้ว! ผมบรรลุขั้นสูงสุดแล้ว”
หวังเหยียนโพล่งขึ้นด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกได้ว่าจุดตันเถียนของตัวเองอิ่มเอิบและเต็มไปด้วยพลังภายในที่ไหลเวียนไม่รู้จบ!
เขาประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนไหลเวียนพลังภายในไปทั่วร่างกาย!
กำแพงความกังวลในใจเขาพังทลายลงทันทีราวกับกระแสน้ำซัดกระทบเขื่อน!
พลังภายในหลายสายไหลเวียนเข้าด้วยกันจนเป็นหนึ่ง จากนั้นแทรกซึมเข้าไปในจุดตันเถียน
“ขอบเขตพลังภายในขั้นสูงสุด! ในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จแล้ว!”
หวังเหยียนสัมผัสได้ถึงกระแสพลังที่ปะทุภายในร่างกาย เขาจึงมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างมาก
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า สิ่งต่าง ๆ ราบรื่นกว่าที่เขาคิดซะอีก
บางทีในอนาคตเขาอาจช่วยให้ลูกน้องคนสนิทบรรลุขั้นต่าง ๆ เพื่อปกป้องครอบครัวเขาก็ได้
เหตุการณ์นี้ทำให้เขาตระหนักว่ารอบตัวยังขาดคนที่มีพลังภายในอันแข็งแกร่ง
“ถ้านายดีขึ้นแล้วก็เฝ้าอยู่ที่นี่ก่อน แล้วถ้าเรื่องเร่งด่วนอะไรก็แจ้งฉันทันที”
เขากำชับลูกน้องก่อนเดินเข้าไปในคฤหาสน์
ตอนนี้ดึกมากแล้ว ชายหนุ่มกำลังจะพาถวนถวนกลับบ้าน พรุ่งนี้เด็กน้อยต้องไปโรงเรียนแต่เช้า
กว่าเขาบอกลาคนอื่น ๆ และขับรถออกไปจากบ้านก็เป็นเวลาสามทุ่ม
ถึงอวี้ฮ่าวหรานจะขับรถเร็วเท่าไหร่ แต่เมื่อกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
เขาเปิดประตูเข้าไปในบ้านเบา ๆ จากนั้นก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าหลี่หรงกำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา
ข้างหน้าเธอมีบะหมี่สำเร็จรูปเหลืออยู่ครึ่งถ้วย
“เฮ้อ… เด็กคนนี้กินบะหมี่สำเร็จรูปอีกแล้วสินะ”
อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออก หลังจากวางลูกสาวที่หลับใหลในอ้อมกอดลงบนเตียงนอน เขาก็เดินกลับไปในห้องโถงแล้วหยิบถ้วยบะหมี่สำเร็จรูปขึ้นมา
เด็กคนนี้ละเลยสุขภาพเกินไปแล้ว!
[1] เจน แอร์ คือหนึ่งในวรรณกรรมเอกของโลก หนังสือบอกเล่าเรื่องราวความรักของหญิงสาวผู้แสวงหาอิสรภาพ