ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 458 ถ้อยคำหยาบคาย
บทที่ 458 ถ้อยคำหยาบคาย
บทที่ 458 ถ้อยคำหยาบคาย
ไม่มีคนเห็นใจและเข้าข้างหลิวว่านฉิง อย่างไรเสียสำหรับคนส่วนใหญ่ ไม่มีใครสามารถค้างค่าเช่าได้
“ปัง!”
เมื่อได้รับอนุญาต คนงานใช้ชะแลงงัดกลอนประตูออก
“ฮึ รู้ดีนัก จงใจเปลี่ยนกลอนประตู คิดว่าฉันจะทำอะไรไม่ได้หรือยังไง?
หญิงวัยกลางคนสะพายกระเป๋าสีชมพู ท่าทางหยิ่งยโส เวลานี้เธอนำคนงานชายร่างกำยำบุกเดินเข้าไปด้านใน
“คุณเป็นใคร? มาเช่าที่นี่เหรอ?”
เสียงแหลมฟังไม่รื่นหูดังขึ้น อวี้ฮ่าวหรานส่งสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“ผมเป็นเพื่อนของหลิวว่านฉิง แวะมาเอาของให้เธอ เดี๋ยวผมจะจ่ายค่าเช่าห้องให้เอง”
เขาไม่อ้อมค้อม พูดเข้าประเด็นทันที
หญิงสาวตรงหน้าเขาปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิง*[1] เสียงสูงแหลมเสียงจนไม่อยากฟัง
“เป็นเพื่อนกับนังจิ้งจอกนั่นเหรอ?”
เจ้าของที่อดมองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น
“หล่อดีนี่ เหอะ ถูกนังจิ้งจอกนั่นยั่วยวนมาสินะ!”
หลังพูดถากถาง เธอหันไปมองกลอนประตูที่ถูกพัง
“น่าเสียดายที่คุณมาสายไปแล้ว ฉันไม่ปล่อยบ้านให้เธอเช่าอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่มีอารมณ์มารอเธอหรอก”
“ต่อให้ถึงกำหนดแล้ว ผ่านไปแค่วันเดียว คุณก็ควรรออีกสักสองวันก่อนจะย้ายข้าวของของคนอื่นออกไปไม่ใช่เหรอครับ?”
อวี้ฮ่าวหรานพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอง
“รออีกสองวัน? ฉันเป็นเจ้าของบ้านจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น! คุณจะทำไม?”
เธอว่าแค่นเสียงอย่างถือดี
“ทำไม คุณจะจ่ายค่าเช่าให้นังจิ้งจอกนั่นเพราะเธอสวยเหรอ? จะบอกให้นะ ผู้หญิงแบบนั้นไม่ใช่คนดีหรอก ส่วนใหญ่ก็ทำงานในไนท์คลับ…”
เพียะ!
ไม่ทันที่เธอจะว่าจบ อวี้ฮ่าวหรานยกมือขึ้นตบเธอเสียงดัง!
ชายหนุ่มทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว! จะปล่อยให้หลิวว่านฉิงถูกว่าสาดเสียเทเสียได้อย่างไร?
เจ้าของบ้านวัยกลางคนซึ่งสะบัดพัดในมือชะงัก สีหน้าพลันหงิกงอขึ้น
ผู้เช่าคนอื่นซึ่งมุงดูจากเดินทีที่พูดคุยกัน เมื่อพวกเขาเห็นภาพนี้ พวกเขาต่างตกอยู่ในความตะลึง
ปกติเจ้าของบ้านมักอารมณ์ร้าย ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะมีใครมาต่อกรกับเธอ แม้แต่เด็กน้อยที่พูดออกมาเพียงคำเดียว เธอยังดุเสียจนร้องไห้จ้าอยู่นาน
“แย่แล้ว แย่แล้ว…เจ้าของบ้านโกรธแล้ว!”
“พ่อหนุ่มคนนี้ไม่มีหัวคิดเลย กล้าไปหาเรื่องหล่อนได้ยังไง?”
“เฮอะ เดี๋ยวคงได้เห็นเขาคุกเข่าร้องขอความเมตตาแน่”
“…”
หลายคนมีปฏิกิริยากัน มีเสียงซุบซิบหนาหู
อวี้ฮ่าวหรานนิ่วหน้า รู้สึกเพียงเรื่องนี้วุ่นวายไม่น้อย แน่นอนว่าเมื่อหญิงปากแหลมหน้าตอบได้สติ เธอพลันแผดเสียง
“แกมันวอนหาที่ตาย! เบื่อจะใช้ชีวิตน่าสมเพชแล้วหรือยังไง! กล้ามาหาเรื่องฉันเหรอ? เชื่อไหม ฉันจะเล่นงานแกให้น่วมเลย…”
เพียะ!
เมื่อเห็นอีกฝ่ายท่าทีเกรี้ยวกราด อวี้ฮ่าวหรานก็ตบเธออีกครั้ง
“ฮึ ถ้ายังหาเรื่องฉันอยู่แบบนี้ ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีหน้าดี ๆ แบบในวันนี้หรือเปล่า”
หลังสะบัดพัดในมือ เขารู้สึกคลายโกรธขึ้นมาก
แน่นอนว่าการพูดกับคนเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ ลงมือทำคงเป็นการดีที่สุด!
“แก…แกซวยแน่! ฉันจะเอาแกให้ตาย! รู้ไหมว่าฉันรู้จักใครบ้าง?”
เธอประกาศกร้าว หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าต่อสายหาใครบางคนทันที
“นี่! พี่หู่เหรอ? มาที่นี่ที! ฉันกำลังจะถูกรังแก! ที่บ้านที่พี่เคยให้ฉัน”
“อะไรกัน? ใครกล้าทำผู้หญิงของฉัน? อย่าให้มันหนีไปได้! พี่จะพาคนไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!”
หลังว่าจบก็วางสายทันที หญิงวัยกลางคนเผนท่าทีย่ามใจ
“แกตายแน่! จบเห่แล้ว! ฉันจะบอกให้นะ พอพี่หู่ของฉันมา ฉันจะหักแขนของแกซะ!”
เธอว่าพลางขวางประตูเอาไว้
หลังจากถูกตบไปสองครั้ง เธอก็อยู่เป็น หากแต่ยังอดพูดจาข่มไม่ได้ ผู้อาศัยหลายคนเห็นภาพนี้ พวกเขาต่างส่งสีหน้าตื่นกลัว
คนที่อยู่แถวนี้รู้กิตติศัพท์ของพี่หู่แห่งกลุ่มพยัคฆ์คราม ทำให้หญิงสาววัยกลางคนตรงหน้าคนนี้ยิ่งได้ใจ
มีคนหนุนหลังใหญ่โคขนาดนี้ ใครจะกล้ามีเรื่องด้วยกัน
“พ่อหนุ่มคนนั้นตายแน่ เขานี่โง่จริง ๆ คิดว่าตัวเองเก่งเลยกล้าไปมีเรื่องกับผู้หญิงของพี่หู่”
“ใช่แล้ว ครั้งนี้คงได้เห็นโชว์ใหญ่ หักแขนขาแบบที่ไม่ค่อยได้เห็น”
“…”
ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ ยิ่งไม่ใช่เรื่องของตนเอง พวกเขายิ่งตื่นตาตื่นใจ
อวี้ฮ่าวหรานมองหน้าหญิงสาวผู้เย่อหยิ่งซึ่งยืนขวางประตูอยู่
“คิดว่าโทรหาได้คนเดียวเหรอ? ผมว่าถ้าผมอยากโทรผมเองก็โทรหาได้นะ”
สิ้นคำ เขาไม่รีรอต่อสายหาโจวเฟยหู่และบอกที่อยู่ของตนไป
“ได้เลย! ไม่ต้องเป็นห่วง น้องอวี้ เดี๋ยวฉันจะพาคนไปถึงที่นั่นภายในสิบนาที!”
ตอนนี้พยัคฆ์เวหาอยู่ระหว่างการป้องกัน จึงไม่มีสิ่งที่ต้องทำมากนัก
โจวเฟยหู่ย่อมยินดีช่วยเต็มที่
เขาวางสายทันที อวี้ฮ่าวหรานเหลือบมองหญิงสาวที่ยืนขวางประตู คางแหลมของเธออดเชิดข่มขึ้นไม่ได้เมื่อเห็นแบบนี้
“ฮ่า ๆ ตบตาฉันอยู่หรือไง? คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
เธอมองสำรวจและเห็นว่าไม่มีรอยสักอยู่บนร่างของอีกฝ่าย ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นคนของกลุ่มผู้มีอิทธิพลใต้ดิน
อย่างมากก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่ฐานะดีเท่านั้น! จะเทียบกับอิทธิพลของคนที่เธอรู้จักได้อย่างไร?
อวี้ฮ่าวหรานคร้านจะใส่ใจเธอ หันเดินไปทางประตูห้องหลิวว่านฉิง
เมื่อจะบิดประตู เขาพบว่าลูกบิดถูกพังจนเสียรูป ไม่สามารถเปิดปิดได้ตามปกติ
“ฮ่า ๆ ทำให้ฉันหงุดหงิดอยู่นะเนี่ย”
หลังว่าขำและส่ายหน้าไปมา เขายกมือออกแรงเปิดประตูออก
กลิ่นหอมจาง ๆ ลอยแตะจมูกทันที ราวกับอยู่คนละโลก พื้นสะอาดสะท้าน กระเบื้องผุพังด้านนอกต่างจากภายในที่สวยงามน่ามอง
ผ้าม่านสีเบจถูกเปิดทิ้งไว้ แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องผ่านหน้าต่าง ทำให้ห้องดูมีชีวิตชีวา
นอกจากนี้ อวี้ฮ่าวหรานยังแปลกใจเมื่อได้เห็นตุ๊กตาทำมือบนโต๊ะข้างตัวเขา
สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นกระรอกตัวน้อยแขวนเข้ากับพวงกุญแจ ดูจากอุปกรณ์ต่าง ๆ หลิวว่านฉิงคงจะทำตุ๊กตาด้วยตนเอง…
เป็นหญิงสาวที่มีความสามารถ
เขาหยิบตุ๊กตาลูกแมวขึ้นมามอง เห็นว่าฝีมือของเธอประณีต สวยกว่าตุ๊กตาที่ผลิตจากโรงงานเสียอีก
อีกทั้งการตกแต่งภายในห้องยังดูอบอุ่น เทียบกับสภาพโกโรโกโสข้างนอกแล้ว อย่างกับอยู่คนละโลก
ทันใดนั้นเสียงโวยวายก็ดังขึ้นจากด้านนอก
“ไอ้เวร! ใครหน้าไหนมันกล้ามาแตะต้องผู้หญิงของฉัน! รนหาที่ตาย!”
“ลูกพี่! เข้าไปจัดการมันเลย!”
“…”
เสียงฝีเท้าของคนหลายคนดังขึ้นเคล้าเสียงอาละวาดนั้น หญิงวัยกลางคนได้ยินเช่นกัน
“พี่หู่! ในที่สุดพี่ก็มาถึง! ดูสิ! ฉันถูกรังแกขนาดนี้เลยนะ!”
[1] ปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิง = ใช้เปรียบคนที่หน้าตาอัปลักษณ์