ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 479 ออกจากโรงพยาบาล
บทที่ 479 ออกจากโรงพยาบาล
บทที่ 479 ออกจากโรงพยาบาล
“นุ่มมาก…”
อวี้ฮ่าวหรานพึมพำอย่างไม่รู้ตัว แต่สิ่งนี้กลับทำให้ใบหน้าคุณหนูเฉิงแดงก่ำด้วยความเขินอายทันที
“ปละ…ปล่อยเถอะค่ะ…”
เมื่อสัมผัสถึงฝ่ามือที่กอบกุมหน้าอกอยู่ ใบหน้าและลำคอระหงของเธอก็แดงฉานด้วยความเขินอายอย่างช่วยไม่ได้
หากศัตรูที่เคยเผชิญหน้ากับเฉิงชิวอวี้ในอดีตเห็นภาพนี้ พวกเขาจะต้องแปลกใจมากแน่นอน
ใครจะคิดว่าคุณหนูเฉิงผู้เย่อหยิ่งและสง่างามจะมีท่าทีเขินอายเหมือนเด็กสาว
“แค่ก ๆ พวกเราเข้าไปกันเถอะครับ”
อวี้ฮ่าวหรานตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาชักมือกลับก่อนกระแอมกลบเกลื่อนความอาย
โถงทางเดินข้างนอกห้องผู้ป่วย…
เมื่อทั้งสองคนเดินขึ้นไปข้างบนตึก พวกเขาก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังยุ่งอยู่
แน่นอนว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ขณะเดินผ่าน เขาได้ยินเสียงสนทนาของเหล่าตำรวจไม่ค่อยชัดเจน
“มันแปลกเกินไป ศพถูกแทะกินจนเหลือแต่กระดูก พวกเขากำลังเอาค้างคาวตัวนั้นไปตรวจสอบอยู่น่ะ”
“ประเทศจีนมีค้างคาวพันธุ์นั้นด้วยเหรอ? แปลกจริง ๆ”
“สอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์เสร็จแล้ว พวกเขายืนยันว่าศพพวกนี้เป็นฝีมือค้างคาวจริง ๆ ถ้าเป็นเรื่องจริงตามที่พวกเขาพูด เรื่องนี้คงเอาผิดใครไม่ได้”
“…”
อวี้ฮ่าวหรานแอบฟังบทสนทนาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งนี้
โชคดีที่ตัวเองส่งหวังเหยียนไปดูแลหลิวว่านฉิง
ถ้าหลิวว่านฉิงอยู่ที่โรงพยาบาลเพียงลำพัง เขากลัวว่าเธอจะกลายเป็นโครงกระดูกที่เจ้าหน้าที่กำลังพูดถึงอยู่
ภายในห้องทำแผล แพทย์หญิงคนหนึ่งกำลังตรวจอาการบาดเจ็บของเฉิงชิวอวี้ด้วยความประหลาดใจ
“หือ? ทำไมเลือดถึงหยุดไหลแล้วล่ะ? แปลกจัง คุณทายาอะไรก่อนมาที่นี่หรือเปล่าคะ?”
บาดแผลลึกมักจะทำให้เส้นเลือดเสียหายและหยุดไหลเองได้ยาก แต่บาดแผลทั้งสองที่ของเธอกลับไม่เลือดไหลออกแม้แต่หยดเดียว
สิ่งนั้นทำให้แพทย์อดสงสัยไม่ได้
“ไม่ค่ะ จู่ ๆ มันก็หยุดไหลไปเอง”
“ค่ะ”
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของแพทย์ ทั้งสองจึงตอบตามตรง
“หมอตรวจดูแล้ว แผลที่มือไม่ได้กว้างมาก แค่พันแผลก็เสร็จ แต่แผลบนแขนอาจต้องเย็บปิดแผลนะคะ”
“ค่ะ เรื่องค่ารักษาไม่ใช่ปัญหา ขอแค่อย่าทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนแขนฉันก็พอค่ะ”
เฉิงชิวอวี้พยักหน้าพร้อมตอบ ดูเหมือนว่าเธอจะกังวลเรื่องรอยแผลเป็นที่สุด
ถ้ามีเงินทุกปัญหาก็ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่นานเรื่องทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย
ก่อนหลับ อวี้ฮ่าวหรานแวะไปเยี่ยมหลิวว่านฉิงที่ห้องผู้ป่วย
“พวกคุณเป็นยังไงบ้าง”
ตอนนี้โจวเฟยหู่กลับไปแล้ว ส่วนหวังเหยียนที่เพิ่งทำแผลเสร็จก็นอนหลับอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ เขาเหนื่อยก็เลยงีบหลับ”
หลิวว่านฉิงกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เธอรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามา
“ขอบคุณที่ช่วยฉันในคืนนี้นะคะ ถ้าไม่มีคุณ ฉัน…”
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ยังไงซะผมก็เป็นสาเหตุของเรื่องนี้”
อวี้ฮ่าวหรานโพล่งขัดจังหวะอีกฝ่าย
“จริง ๆ แล้วผมต้องเป็นฝ่ายขอโทษคุณต่างหาก”
ใครจะคิดว่าเบื้องหลังองค์กรอสรพิษจะมีปรมาจารย์ผู้บรรลุขอบเขตก่อรากฐานขั้นกลางคอยช่วยเหลืออยู่
วิธีควบคุมค้างคาวของเขาแปลกประหลาดและคาดเดาไม่ได้จริง ๆ อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์นี้ องค์กรอสรพิษคงเหลือแต่ชื่อเรียกเท่านั้น
“หือ? ลูกพี่อวี้ มา… โอ๊ย…”
หวังเหยียนถูกปลุกโดยบทสนทนาของทั้งสองคน ขณะที่เขากำลังจะลุกยืนขึ้น ความเจ็บปวดก็แล่นไปที่หัวไหล่จนต้องสูดหายใจเข้าลึก
“ไม่เป็นไร นั่งเฉย ๆ เถอะ ไม่ต้องลุกหรอก”
อวี้ฮ่าวหรานถ่ายทอดพลังวิญญาณเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่าย
“ฉันแค่แวะมาเยี่ยมเฉย ๆ”
“ผมทำให้ลูกพี่อวี้ต้องลำบาก ผมผิดไปแล้วครับ”
หวังเหยียนมีท่าทีละอายใจ เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถจนไม่สามารถกำจัดค้างคาวได้
“ฮ่า ๆ ไม่ใช่ความผิดนายสักหน่อย”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะอย่างสบายใจ
“ผู้ชายคนนั้นแข็งแกร่งเกินไป ยังไงนายก็ต้องขอความช่วยเหลือจากฉันอยู่ดี”
หลังจากปลอบอีกฝ่ายไม่กี่ประโยค เขาก็หันหลังกลับแล้วเดินออกจากห้องไป
ขณะนี้เป็นเวลาตีสามกว่า เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับเกือบหมดแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเจ้าหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุสองสามคนเท่านั้น
ในที่สุดการผ่าตัดเล็กของเฉิงชิวอวี้ก็เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องดมยาสลบ ร่างกายเธอจึงอ่อนเพลียเล็กน้อย
แน่นอนว่าเธอยังไม่สามารถเดินด้วยตัวเองได้
“ฮ่าวหราน พาฉันกลับบ้านที ฉันไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาล”
เฉิงชิวอวี้เกลียดกลิ่นในโรงพยาบาลที่สุด คิ้วของเธอจึงผูกกันเป็นปมอย่างช่วยไม่ได้
“คุณจะกลับบ้านตอนนี้เลยเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานประหลาดใจเล็กน้อย ถึงอีกฝ่ายจะเพิ่งผ่านการผ่าตัดเล็ก แต่ยังจำเป็นต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสักพัก
“ค่ะ ฉันไม่ชอบอยู่ที่โรงพยาบาล ถ้าไม่จำเป็น”
แม้ว่าใบหน้าจะยังซีดเซียว แต่การแสดงออกของเฉิงชิวอวี้กลับดูฝืนใจอย่างมาก
หลังจากได้ยินเธอยืนกราน อวี้ฮ่าวหรานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
“คุณยังกลับบ้านไม่ได้ ตำรวจยังตรวจสอบที่นั่นอยู่ หรือจะ…”
เขาอยากให้อีกฝ่ายไปพักที่บ้านของตัวเอง แต่เมื่อนึกถึงหลี่หรงขึ้นมา เขาก็ไม่ได้พูดออกไป
เมื่อนึกถึงการกระทำในอดีตของเธอ เด็กสาวคนนั้นหวงพื้นที่ของตัวเองอย่างมาก ถ้าเขาพาสาวสวยกลับไปที่บ้าน หลี่หรงต้องอาละวาดแน่นอน…
“ช่างเถอะ ผมจะพาคุณไปพักที่โรงแรมใกล้ ๆ ก่อนแล้วกัน”
เมื่อพิจารณาจากท่าทีรังเกียจและสีหน้าพะอืดพะอมแล้ว ดูเหมือนว่าเฉิงชิวอวี้จะไม่ชอบโรงพยาบาลอย่างมาก
“อืม ขอโทษนะคะ”
เฉิงชิวอวี้พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ความจริงแล้วผมอยากให้คุณพักที่โรงพยาบาลสักหนึ่งคืน”
ก่อนออกเดินทาง อวี้ฮ่าวหรานอดแนะนำไม่ได้
“ไม่ค่ะ”
“โอเค งั้นไปกันเถอะ”
สุดท้ายทั้งคู่ก็ขับรถออกจากโรงพยาบาลไป
เนื่องจากอีกฝ่ายเพิ่งได้รับการผ่าตัด อวี้ฮ่าวหรานจึงพาเธอไปพักที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ แทน
เจ้าของโรงแรมมองทั้งสองครั้งแล้วครั้งเล่า
“คืนละสี่ร้อยค่ะ”
หลังจากมอบคีย์การ์ดให้ทั้งสองคนแล้ว เจ้าของโรงแรมก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
ขณะที่อีกฝ่ายเดินไปที่บันได จู่ ๆ ก็มีเสียงพึมพำดังขึ้น
“เด็กสมัยนี้ไฟแรงขนาดนี้เลยเหรอ? เพิ่งผ่าตัดเสร็จก็พากันมาเปิดห้องทันที…”
เสียงนั้นแผ่วเบามากจึงมีเพียงอวี้ฮ่าวหรานเท่านั้นที่ได้ยิน
ดูเหมือนว่าเขาจะงุนงงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังเข้าใจบางอย่างผิดไป
แต่ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอก…
หลังจากเปิดประตูห้อง เขากวาดสายตามองข้างในอย่างไม่ใส่ใจ
การตกแต่งภายในไม่เลว คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป
“ฮ่าวหราน… ฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ ตัวฉันมีแต่ขี้เถ้าและคราบเลือด มันเหนียวเหนอะหนะจนฉันอยากอาบน้ำมาก”
เฉิงชิวอวี้บอกอีกฝ่ายทันทีที่เดินเข้าไปในห้อง
“ครับ ระวังอย่าให้น้ำเข้าแผลล่ะ”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ห้าม ขณะที่อีกฝ่ายดูเขินอายเป็นพิเศษ
หลังจากอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เสียงอ่อนหวานของเฉิงชิวอวี้ก็ดังมาจากห้องน้ำ
“ฮ่าวหราน ฉัน…ฉันไม่มีชุดชั้นในเปลี่ยนน่ะ ทำยังไงดีคะ?”
“คุณแต่งตัวก่อนเถอะ”
“ไม่ค่ะ เสื้อโค้ตยังพอใส่ได้ แต่ชุดชั้นในต้องเปลี่ยนใหม่”
“ถ้างั้นคุณใส่เสื้อโค้ตก่อน แล้วเราค่อยออกไปซื้อ”
อวี้ฮ่าวหรานตอบอย่างช่วยไม่ได้
การหาซื้อชุดชั้นในกลางดึกเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก
เห็นได้ชัดว่าเฉิงชิวอวี้ไม่ชอบใส่เสื้อผ้าตัวเดิมทั้งที่ยังไม่ได้ซัก เธอจึงไม่อยากออกไปข้างนอก