ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 508 มาเพื่อฆ่า
บทที่ 508 มาเพื่อฆ่า
บทที่ 508 มาเพื่อฆ่า
ออดยังคงส่งเสียงดัง มันดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ในห้อง แต่ในไม่ช้าก็มีเสียงเบา ๆ มาจากทางประตู
ล็อกประตูถูกคลาย!
คนพวกนี้ไม่ได้มาดีแน่!
อวี้ฮ่าวหรานทำหน้าบึ้งเล็กน้อยและนึกถึงความเป็นไปได้ของคนที่มาทันที
เขาเพิ่งจะมาถึงที่เมืองชิงฉวนได้ไม่นาน เพราะงั้นมีแค่ตระกูลเฝิงเท่านั้นที่จะมาแก้แค้นเขาได้!
“หึ รนหาที่ตายเองนะ!”
อวี้ฮ่าวหรานกำลังตามหาพวกเขา แต่อีกฝ่ายกลับส่งตัวเองมาถึงที่!
พลันมีเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้นมาภายในห้อง พลังจิตวิญญาณของอวี้ฮ่าวหรานระเบิดออกมา ร่างทั้งร่างไปปรากฏขึ้นตรงหน้าศัตรูทันทีราวกับสายอสนีบาต!
ตอนนี้เขามองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนแล้ว
ผู้ที่เข้ามาคือชายวัยกลางคนผู้สวมสูทสีดำ และยังมีพลังจิตวิญญาณอยู่ในร่างกายด้วย!
“แก…”
ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ตอบโต้ อวี้ฮ่าวหรานก็คว้าคอคนพูดมาบีบแล้ว!
เรียกว่าจับศัตรูภายในฝ่ามือเดียว!
เมื่อถูกควบคุมด้วยพลังจิตวิญญาณที่ทรงพลัง ใบหน้าของเขาซีดเผือดทันที!
“ทีนี้ฉันจะให้แกได้พูด แต่ถ้าคิดขยับหนีแกตายเดี๋ยวนี้แน่!”
ชายวัยกลางคนยังคงมึนงงเล็กน้อยเพราะแรงกระแทก แต่หลังจากได้สติ เขาพลันรู้สึกว่าความตายมาได้มายืนรออยู่หน้าตนแล้ว
จิตสังหารของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป!
“แกต้องการอะไร? ตระกูลเฝิงส่งแกมาเหรอ?”
“ใช่”
ชายคนนี้เป็นสมาชิกตระกูลเฝิง และอยู่ระหว่างขอบเขตก่อรากฐานระดับต้น ก่อนหน้านี้เขาสามารถโจมตีและสังหารผู้คนได้อย่างมั่นใจ
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าพละกำลังของอวี้ฮ่าวหรานนั้นเหนือกว่าที่จินตนาการมาก!
ต่อหน้าชายคนนี้ พละกำลังของเขาในระดับต้นนั้นไร้ค่าพอ ๆ กับมดแมลง!
“ได้ที่อยู่ของฉันมาได้ยังไง?”
“ใช่แล้ว…ได้รับมาจากกองกำลังภายนอก พวกเขารู้โรงแรมที่แกจองผ่านโทรศัพท์ ฉัน…ฉันแค่ถูกส่งมา…ฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วยทั้งนั้น!”
ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงกลัวตาย
“ที่ตั้งของตระกูลเฝิงอยู่ที่ไหน?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถาม
เขากลัวว่าที่อยู่ที่ได้มาจากสามคนเมื่อคืน จะเป็นที่อยู่ปลอมจึงถามเผื่ออีกครั้ง
“ฉะ…ฉันจะบอก…”
จิตใจของชายวัยกลางคนถูกควบคุม เขาทำได้แค่ตอบตามความจริงเท่านั้น
เป็นที่อยู่เดียวกันกับเมื่อคืน!
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ พาเขาออกไปจากห้อง และกำจัดพลังจิตวิญญาณของอีกคนหนึ่ง
ในห้องพักของหวังเหยียน
“คนพวกนี้เก่งมากเลยเหรอ? ถึงกับสืบหาที่อยู่ของพวกเราเจอด้วย?”
มองดูคนตรงหน้าที่ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว ในใจเริ่มเป็นกังวลเล็กน้อย
“ไปอยู่ที่อื่นกันเถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว”
อวี้ฮ่าวหรานส่ายหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
“ไม่ ที่นี่จะปลอดภัย!”
เขาตัดสินใจแล้ว
“หลังจากคืนนี้ไป ชื่อของตระกูลเฝิงจะไม่มีอยู่อีก!”
อวี้ฮ่าวหรานพูดจบ อุณหภูมิในห้องก็ดูจะเย็นลงอย่างฉับพลัน
แม้แต่หวังเหยียนยังรู้สึกหนาวเล็กน้อย
“กล้าพูดดีนี่! แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? พลังของตระกูลเฝิงน่ะเหนือกว่าที่แกจินตนาการเยอะ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น สมาชิกตระกูลเฝิงวัยกลางคนก็อดพูดออกมาไม่ได้
“รอดูก็แล้วกัน”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ตอบอะไรและออกจากห้องไป
…
เวลาล่วงเลยมาถึงห้าโมงเย็น
ผืนนภาเริ่มถูกความมืดกลืนกิน อวี้ฮ่าวหรานเดินเข้าไปในภูเขาลึกแถบชานเมืองกับชายจากตระกูลเฝิง
มากกว่าหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น
“หยุด!”
ตรงหน้ากำแพงสูงตระหง่านที่ซ่อนอยู่ในประตูภูเขา ผู้คนจำนวนหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นเพื่อหยุดพวกเขาไว้
“นี่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล คนนอกห้ามเข้า”
สายตาหลายคู่ของสมาชิกตระกูลเฝิงจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า โดยคิดว่าพวกเขาเป็นนักท่องเที่ยวที่บังเอิญเดินเข้ามาเฉย ๆ
อย่างไรแล้ว ที่ตั้งตระกูลก็ไม่มีอะไรให้ปิดบัง ย่อมต้องมีคนบังเอิญเข้ามาแทบทุกเดือนอยู่แล้ว
ดวงตาของหวังเหยียนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขายกมือขึ้นและระเบิดพลังใส่ผู้คนทั้งหลายออกไปจากประตูโดยไม่พูดอะไรสักคำ
พละกำลังของคนพวกนั้นหาได้ต่ำแต่อย่างใด กำลังภายในของพวกเขาถึงกับอยู่ในขั้นต้น แต่มันกลับต้านทานหวังเหยียนไม่ได้แม้แต่น้อย
ปัง! ปัง! ปัง!
ผู้คนมากมายระเบิดเข้าไปในประตู
“มันจบแล้ว! พวกแกทุกคนต้องตาย! ตระกูลเฝิงของฉันจะฉีกพวกแกสองคนเป็นชิ้น ๆ!”
ชายวัยกลางคนที่พาพวกเขามาที่นี่กล่าวด้วยความคับแค้นใจ
ตอนที่ไร้ซึ่งพลังจิตวิญญาณเขาพลันรู้สึกหมดหวังแล้ว แต่ตอนนี้ เมื่อพาทั้งสองมาถึงฐานที่มั่นของตระกูลเฝิงได้ เขาก็อดที่จะรอชมไม่ไหว
ตระกูลเฝิงทรงพลังแค่ไหนน่ะเหรอ?
สองคนนี้ต้องไม่รอดแน่!
“ฮ่า ๆ เดี๋ยวพวกแกจะได้เห็นเอง”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเยาะ และก้าวเข้าไปในส่วนที่พักอาศัยของตระกูลเฝิงราวกับกำลังเดินเล่นอยู่ในสวน
สมาชิกสิบกว่าคนที่อยู่ตรงประตูพลันตื่นตระหนก พวกเขายกมือขึ้นระเบิดพลังท่วมท้นเข้าใส่อวี้ฮ่าวหรานอย่างเต็มกำลัง!
น่าเสียดายที่คนเหล่านี้เป็นแค่มดตัวจ้อยเท่านั้น!
อวี้ฮ่าวหรานกดมือข้างหนึ่งลงเล็กน้อย พลังจิตวิญญาณมหาศาลก็กดข่มลงมาทันที!
ตู้ม!
แรงกดดันนี้ทำเอาพื้นอิฐและหินในบริเวณใกล้เคียงระเบิดเป็นผงธุลีในทันที!
ท่ามกลางฝุ่นควันที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วทุกหนแห่ง สมาชิกตระกูลเฝิงอีกมากกว่าโหลไม่อาจต้านแรงกดดันไหว พลันทรุดลงกับพื้นทันที!
เลือดกระเซ็นออกมาจากปากของพวกเขา
ภาพนี้ทำให้ชายวัยกลางคนจากตระกูลเฝิงตกตะลึง ร่างแข็งทื่อ!
เดิมทีเขาคิดว่าศัตรูแค่พึ่งพาการลอบโจมตีในเวลานั้น พละกำลังของอีกฝ่ายไม่น่าจะแข็งแกร่งไปกว่าตนมากนัก
แต่ตอนนี้…ดูเหมือนว่าตระกูลเฝิงจะไปยั่วยุคนที่ไม่น่าลองดีเข้าแล้วจริง ๆ!
เสียงดังสนั่นเลือนลั่นหน้าประตูทำให้หน่วยลาดตระเวนใกล้เคียงต่างตื่นตกใจกันไม่น้อย
ใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่ทั้งตระกูลเฝิงจะรู้ว่ามีใครบางคนบุกรุกเข้ามา
“ฮึ! อยากตายกันหรือไง! ใครกันที่กล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลเฝิงของฉัน! หาเรื่องตายชัด ๆ!”
ในห้องโถง หัวหน้าตระกูลเฝิงพ่นลมหายใจด้วยความดูถูก
“หัวหน้า ให้โอกาสผมได้ฆ่าเจ้าคนที่มีแต่ตาหามีแววไม่เถอะ!”
หนึ่งในผู้นำตระกูลเฝิงรีบเอ่ยขึ้น
ยังไงเสีย โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยนัก…
และในอีกไม่ช้า สมาชิกตระกูลเฝิงระดับสูงอีกมากมายคงจะออกมาเช่นกัน!
ภายในไม่กี่นาที บริเวณรอบประตูก็มีสมาชิกตระกูลเฝิงมายืนห้อมล้อมอยู่มากกว่าสี่สิบคน
หวังเหยียนเงยหน้าขึ้นและมองหาคู่ต่อสู้ในอดีตทีละคน ๆ
“มัน! กับมัน…”
เขาชี้ไปในฝูงชนทีละคน ๆ
เป็นใบหน้าพวกมันที่เข้ามาในองค์กรของเขาในตอนนั้น!
ทว่ายามนี้เอง เสียงกึกก้องพลันดังขึ้น!
“ไอ้หนุ่มคนไหนกันที่กล้าบุกเข้ามาในพื้นที่ตระกูลเฝิงของฉัน!”
ทันทีที่สุ้มเสียงนี้จบลง สมาชิกตระกูลเฝิงระดับสูงอีกมากมายก็กรูกันออกมา!
เมื่อเห็นดังนั้น สายตาของสมาชิกตระกูลเฝิงทั้งหลายก็ฉายแววมุ่งมั่น แต่เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้พวกเขาสองคนเข้ามา ผู้คนตรงหน้าประตูมากกว่ายี่สิบคนกลับถูกบดขยี้ไปอย่างง่ายดายแล้ว
“ผู้อาวุโสตระกูลเฝิง! เขาจะลงมือเองจริง ๆ ทีนี้พวกมันจบเห่แน่!”
“ให้เกียรติผู้บุกรุกเกินไปแล้ว ที่ผู้อาวุโสชิงเฉิงต้องมาลงมือด้วยตัวเอง”
“ฮ่า ๆ ไอ้พวกโง่ กล้าลงมือกับตระกูลเฝิงงั้นเหรอ!?”
“…”
สมาชิกตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็ภูมิใจเมื่อเห็นดังนั้น
นี่คือความมั่นคงและเสาหลักของตระกูลเฝิง เสาหลักที่ไม่อาจสั่นไหวได้แม้แต่น้อย!
อวี้ฮ่าวหรานเงยหน้าขึ้น รู้สึกประทับใจในพลังของตระกูลเฝิงเล็กน้อย
ผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มอยู่ในขอบเขตก่อรากฐานระดับกลาง ส่วนคนที่อ่อนแอที่สุดนั้น อยู่ในขอบเขตก่อรากฐานระดับต้น
สมแล้วที่เป็นตระกูลลับ หากพละกำลังเช่นนี้ไปอยู่ในเมืองฮ่วยอันคงไม่มีใครเทียบได้แน่!
สิ่งเดียวที่เทียบเคียงได้คงเป็นสำนักเมฆาเขียวในสมัยก่อนเท่านั้น