ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 512 สัญญาของหลี่หรง
บทที่ 512 สัญญาของหลี่หรง
บทที่ 512 สัญญาของหลี่หรง
“ขอบคุณ”
บนดาดฟ้าในตอนนี้ คำพูดนับพันหมื่นกลับกลายเป็นคำเพียงสองพยางค์
พรึ่บ!
ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้พูด หวังเหยียนก็คุกเข่าลงตรงหน้าก่อนแล้ว
“พี่อวี้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉัน…หวังเหยียนยินดีที่จะติดตามรับใช้พี่ไปตลอดชีวิต!”
การแก้แค้นสำเร็จลุล่วงแล้ว และจนถึงตอนนี้ตัวเขาก็ยังคงสั่นเทาเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถอะ”
อวี้ฮ่าวหรานกล่าวอย่างใจเย็น ขณะที่มองดูภูเขาไกลออกไป
“พูดถึงเรื่องนั้น นายคือผู้ติดตามคนแรกของฉันที่นี่ ฉันจะพยายามพัฒนาและดูแลนายให้ดี”
เทือกเขาฮ่าวเยว่ทำให้เขาหวนนึกถึงอดีตในโลกเทพเจ้า
ตนเข้มงวดในการรับผู้ติดตามเป็นอย่างมาก สมัยก่อนมีเทพเจ้ามากมายอยากติดตามเขา แต่ตอนนั้นเขาตกลงรับมาเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
อวี้ฮ่าวหรานเข้าใจดีว่าพละกำลังนั้นสามารถบ่มเพาะได้ แต่ความซื่อสัตย์นั้นยากกว่ามาก
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานก็บอกให้เขากลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน
เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักหลังจากที่ต่อสู้มากว่า 2 วัน
เวลาล่วงเลยมาตีสองกว่าแล้ว
“ตื่นได้แล้ว…”
หลังจากที่อวี้ฮ่าวหรานครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน เขาก็พบว่าเด็กสาวทั้งสองผล็อยหลับไปแล้ว
“อือ…กี่โมงแล้วเหรอ?”
หลี่หรงยังคงงัวเงีย แต่ในไม่ช้าก็นึกได้ว่ามีสิ่งที่ต้องทำ
“ตี 2 ครึ่งแล้ว”
“เอ๊ะ! เร็วจัง! ฉันแค่พักสายตานิดเดียวเอง”
เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็อารมณ์เสียทันที
“จะไปสายไม่ได้นะ”
อวี้ฮ่าวหรานตรวจสอบให้มั่นใจว่าพวกตนอยู่ห่างไปจากจุดชมวิวราว 1 ชั่วโมง
ในไม่ช้าทั้งสามคนก็ออกไปจากโรงแรม
สายลมยามค่ำคืนทำให้รู้สึกหนาวเย็นเล็กน้อย และมันทำให้หลี่หรงกอดอกแน่น
“ตอนกลางคืนหนาวมากเลย”
เธอตัวสั่นเล็กน้อยขณะที่สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แก้ม
โชคดีที่มีพื้นที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงอยู่ใกล้โรงแรม ทั้งสามจึงได้ขึ้นรถโดยสารอย่างรวดเร็ว
“ขอบอกเลยว่าคุ้มจริง ๆ ที่ได้มา! ถ้าไปทันยังไงก็คุ้มแน่ แล้วถ้าวันนี้อากาศเป็นใจจะได้เห็นแสงพระพุทธเจ้าด้วยละ…”
แม้แต่ตอนกลางค่ำกลางคืนคนขับรถแท็กซี่ก็ยังพูดไม่หยุด แต่มันก็ช่วยกำจัดความเหนื่อยล้าของหลี่หรงได้เป็นอย่างดี
“คุณเล่าให้ฟังอีกสิ”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอสนใจเรื่องเหล่านี้อย่างถึงที่สุด
อวี้ฮ่าวหรานสัมผัสได้ราง ๆ ว่ามีบางสิ่งไม่ปกติ แค่เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นทำไมเธอถึงต้องจริงจังจนลากสังขารที่เหนื่อยล้ามาด้วย
แต่รถแท็กซี่ก็มาถึงจุดหมายในไม่ช้า
ดูเหมือนว่าจะทันเวลาพอดี มีผู้คนมากมายออกันอยู่ที่ทางเข้าจุดชมวิวที่ตีนเขา
อากาศดูไม่ดีเท่าไรนัก เมฆค่อนข้างหนาและดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตก
แต่มันก็ทำอะไรหลี่หรงไม่ได้แม้แต่น้อย
“พี่เขย ฉันได้ยินมาว่าอากาศแบบนี้จะเห็นแสงพระพุทธเจ้าจากก้อนเมฆได้ง่ายกว่าละ”
เธอดูมีความสุขมาก
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้พูดอะไร แต่เขารู้สึกว่ามีความคุ้นเคยบางอย่างกับภูเขาตรงหน้า
ยังไงก็ผ่านมามากกว่า 300 ปีแล้ว มันเลือนรางเกินไป
สีหน้าของหลี่หรงตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดทางขึ้นภูเขา
“พี่เขย อีกนิดเดียวเราจะได้เห็นแล้ว”
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับแรงใจแล้ว พลังกายของเธออ่อนแอเกินไปหน่อย
ขั้นบันไดยาวทำให้เธอเหนื่อยจนหอบ และหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อใสแจ๋ว
“เธอโอเคไหม?”
อวี้ฮ่าวหรานอดรับถวนถวนมาดูแลแทนไม่ได้
“ไม่มีปัญหา ฉันสบายดี”
หลี่หรงหยุดพักครู่หนึ่งแล้วจึงพยายามก้าวเดินต่อไป แต่คำพูดเหล่านั้นดูทรมานทีเดียว
และมันทำให้อวี้ฮ่าวหรานได้ยินเสียงอะไรบางอย่างราวกับว่าเคยได้ยินมันมาก่อน
โชคไม่ดีนักที่มันยังคงเลือนรางเกินกว่าจะมั่นใจได้
หลังจากผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ขั้นบันได้ก็มาถึงจุดสิ้นสุดอย่างรวดเร็วและหน้าผาอันงดงามก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งสาม
พวกเขามาทันเวลาพอดี เหนือทะเลเมฆมีแสงสีทองอร่ามส่องสว่างออกมาจากเส้นขอบฟ้า
“หยุดพักที…ฉัน…ฉันมาถึงแล้ว”
หลี่หรงหอบหายใจถี่ หน้าผากของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบว่ามันเป็นหน้าผาที่กว้างใหญ่ไพศาลซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างโบราณและพ่อค้าหาบเร่มากมาย
แต่ดูเหมือนว่าอากาศหนาวเหน็บจะทำให้แทบไม่มีผู้หญิงอยู่ที่นี่เลย
การมาถึงของหลี่หรงดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
“พี่เขย รู้ไหมว่าที่จริงแล้วพี่สาวขอให้ฉันทำสิ่งนี้ก่อนตาย”
“มาที่นี่น่ะเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานงง
“ก็…พี่คงจำไม่ได้ แต่พี่สาวกับพี่เคยมาที่นี่ด้วยกัน เธอบอกว่าเธอตกหลุมรักพี่ที่นี่”
สายลมหนาวเหน็บพัดโหม หลี่หรงดูจะไม่รู้ตัวและหันไปมองท้องฟ้าที่ค่อย ๆ สว่างไสวขึ้น
เธอตกเข้าสู่ภวังค์และดูราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
มันคือคืนสุดท้ายที่เธอได้นอนกับพี่หลี่เม่ย…
“พี่เขยของเธอไม่ควรรู้เรื่องนี้ ตอนที่เพื่อนของพวกเราไปเที่ยวและพยายามทั้งคืนเพื่อจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้น ฉันก็ตกหลุมรักเขา”
“วันนั้นเขาทำอะไรเหรอ?”
“ไม่รู้สิ…ตอนนั้นฉันแค่รู้สึกว่าเขาดูจะเป็นคนที่พึ่งพาได้มาก ๆ ในอนาคตอย่างแน่นอน”
“แล้วพี่สาวก็ยอมยกตัวเองให้กับผู้ชายคนนั้นเหรอ? ตอนนี้เขายังพึ่งพาไม่ได้เลยสักนิดนะ!”
ในความทรงจำตอนนั้นหลี่หรงรู้สึกว่าสิ่งที่พี่สาวของตนเลือกนั้นไม่คุ้มเอาเสียเลย
หลี่เม่ยไม่เสียใจเลยสักนิด แต่ก็แสดงความรู้สึกผิดออกมา
“อย่าโทษผู้ชายคนนั้น เขาคือพี่เขยของเธอและเขาก็เป็นคนดีมาก”
“ฮึ่ม ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย เขาทำร้ายพี่มาตลอดชีวิต!”
“งั้น…ช่างมันเถอะ เธอยังเด็กก็เลยไม่เข้าใจ”
หลี่เม่ยในตอนนั้นหยุดพูดไปอีกครั้ งและแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาในท้ายที่สุด
“พรุ่งนี้ฉันคงไปแล้ว เธอจะช่วยฉันตามหาพี่เขยต่อไปก็ได้ ถ้า… ถ้าเธอหาเจอ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ฉันขอเธอแค่อย่างเดียวเท่านั้น”
“ฉันไม่ตามหาหรอก!”
“เธอใช้อารมณ์อีกแล้วนะ นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะขอเธอ หลังจากคืนนี้ ตามที่แม่ชีบอก ฉันคงไม่ได้กลับมาอีก 20 ปี”
“ก็ได้…ฉันจะไปตามหาเขา…”
หลี่หรงจำได้ว่าตอนที่พูดประโยคนั้นออกมา จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้เต็มใจพูด
เธอหวังว่าพี่เขยจะหายไปตลอดกาล เพราะเขาทำลายชีวิตของพี่สาว!
“ไม่เป็นไร ถ้าเธอหาเขาเจอ…ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่…พาเขาไปที่หน้าผาและบอกเขาว่าฉันจะรักเขาในชีวิตนี้เสมอ ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่เสียใจ”
“แต่ที่พี่เขยหายไปแบบนี้เป็นไปได้สูงว่า…เขาตายไปแล้ว และอาจกลับมาไม่ได้อีกแล้ว”
หลี่หรงจำคำพูดไร้หัวใจของเธอในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี และตอนนั้นเธอไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
หลี่เม่ยเองก็ดูลำบากใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น
“ถ้า…ถ้าเขาจากโลกนี้ไปแล้ว ให้เอาขี้เถ้าของเขาไปที่หน้าผาและบอกเขาว่าฉันรักเขาในชีวิตหน้าด้วยเหมือนกัน”
เธอจำสิ่งที่พูดคุยกันในวันนั้นได้เป็นอย่างดี
ความรู้สึกไม่เสียดายและไม่มีวันลืมในชีวิตนี้ มันทำให้เธอสั่นสะท้าน
หลี่หรงจำได้ว่าตอนนั้นเธอเกลียดชังพี่เขยมาก แต่ก็มีความสงสัยอยู่เล็กน้อย
สงสัยว่าผู้ชายแบบไหนกันที่ทำให้พี่สาวของเธอหลงรักได้ขนาดนี้?