ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 62 ซื้อบ้าน
อวี้ฮ่าวหราน ได้ทำการค้นหาข้อมูลของบ้านคร่าว ๆ มาบ้างแล้วในอินเตอร์เน็ต2-3หลัง จากนั้นเขาจึงให้ สวีรุ่ย เลือกพวกมันมาสักหลังที่เธอถูกใจ
ไม่นานนัก สวีรุ่ย ก็เลือกบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ดูเหมาะสมที่สุดเพราะมันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีเป็นย่านชุมชนที่ไม่แออัดเกินไปแถมยังมีสถานีตำรวจอยู่ใกล้ ๆ อีกต่างหาก
และที่สำคัญบ้านหลังนี้อยู่ไม่ไกลจากคอนโดของ อวี้ฮ่าวหราน สักเท่าไหร่ มันเป็นบ้าน1ชั้นที่หลังไม่ใหญ่มากนักแต่มันเป็นบ้านที่ตกแต่งเรียบร้อยแล้ว มีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่างมันเป็นบ้านหนึ่งชั่น 1ห้องนอน 1ห้องนั่งเล่น 1ห้องครัว 2ห้องน้ำ และมีสวนเล็ก ๆ หลังบ้าน
ด้วยระยะทางที่บ้านหลังนี้ใกล้กับคอนโดของ อวี้ฮ่าวหราน ดังนั้นเขาจึงพา สวีรุ่ย เดินไปดูมัน
“ค่าเช่าบ้านหลังนี้เท่าไหร่?”
“5,000 หยวนต่อเดือนเท่านั้น!”
เจ้าของบ้านเป็นชายวัยกลางคนที่ดูเคร่งขรึม เขาตอบ อวี้ฮ่าวหราน ด้วยสีหน้าไม่แยแสราวกับว่าไม่อยากจะให้เช่ายังไงยังงั้น
“ราคานี้ห้ามต่อรอง และราคานี้ยังไม่รวมค่าน้ำค่าไฟต้องจ่ายต่างหาก หากไม่พอใจคุณก็ไปดูบ้านหลังอื่นได้เลย!”
สวีรุ่ย เมื่อได้ยินราคาขนาดนี้ สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นมืดหม่นทันทีเพราะว่าเธอไม่มีปัญญาจ่ายค่าเช่าแพงขนาดนี้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม เธอเองก็อยากอยู่บ้านหลังนี้จริง ๆ เพราะมันใกล้โรงเรียนอนุบาลที่เธอสอนเป็นอย่างมากแถมสภาพแวดล้อมก็ดูปลอดภัย
ทางด้านของเจ้าของบ้านเมื่อเห็นสีหน้าของ สวีรุ่ย เขาก็รู้สึกว่าเขาเดาเอาไว้ไม่ผิดจริง ๆ ไอ้สองคนนี้เป็นพวกคนจนที่ไม่มีปัญญาเช่าบ้านของเขาหรอก!
“เหอะ! ดูจากท่าทางแล้วพวกคุณสองคนคงไม่มีปัญญาใช่ไหม? เอาล่ะ ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนก็แล้วกัน ผมมีธุระต้องทำอีกเยอะคงไม่ว่างคุยกับพวกคุณต่อ!”
เมื่อพูดจบเจ้าของบ้านหันกลับไปล็อคประตูบ้านและเดินออกไปทันที แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เดินไปขึ้นรถ อวี้ฮ่าวหราน กลับตะโกนขึ้นก่อน
“เดี๋ยวก่อน!”
“ฉันเปลี่ยนใจ บอกมาบ้านหลังนี้เท่าไหร่ ฉันจะซื้อ!”
“จะซื้องั้นเหรอ? เอาไว้คุณมีเงินมากองให้ผมเห็นก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
เจ้าของบ้านไม่ได้เชื่อเลยสักนิดว่า อวี้ฮ่าวหราน จะซื้อบ้านได้จริง ๆ
เหอะ! แต่งตัวซอมซ่อขนาดนี้จะมามีปัญญาซื้อบ้านของเขาได้ยังไงแถมรถก็ยังไม่มีขับกันด้วยซ้ำ!
อวี้ฮ่าวหราน หัวเราะด้วยสีหน้าเย้ยหยันจากนั้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดแอพธนาคารของเขาและแสดงตัวเลขในบัญชีให้ฝั่งตรงข้ามดู
“ร้อย,พัน,หมื่น,แสน,ล้าน,ส..สิบ…”
เมื่อเจ้าของบ้านนับหลักเงินในบัญชีของอวี้ฮ่าวหรานจบ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นโง่งม
ไอ้เวรเอ๊ย ที่แท้ก็คนมีเงินนี่หว่า ทำไมแต่งตัวซอมซ่อมาแบบนี้กันวะเนี่ย!
“เอาล่ะในเมื่อคุณมีเงินจริงงั้นผมก็จะขายให้! บ้านหลังนี้ราคาที่เพิ่งประเมินมาล่าสุดคือไม่ต่ำกว่า 900,000 หยวน แต่นั่นเป็นแค่ราคาประเมินฉะนั้นผมจะขายมันในราคา1ล้าน! และคุณต้องจ่ายทั้งหมดในงวดเดียวห้ามผ่อนห้ามจอง!”
“ได้ไม่มีปัญหา!” อวี้ฮ่าวหราน พยักหน้าตกลงทันที
แต่แล้วเมื่อเห็นว่า อวี้ฮ่าวหราน ตกลงอย่างง่ายดาย เจ้าของบ้านก็รู้สึกว่าเขาควรจะเรียกเงินให้มากกว่านี้เพื่อทำกำไรสักหน่อยไม่ว่าจะยังไงฝั่งตรงข้ามก็มีเงินหลักสิบล้านแถมยังดูอยากได้บ้านมาก ๆ อีกต่างหาก
สีหน้าของเจ้าของบ้านเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ทันทีเมื่อคิดเช่นนี้ เขารีบโบกมือขึ้นทันที
“ไม่สิ ๆ เมื่อครู่ผมลืมไปราคาประเมิน9แสนที่ผมบอกไปมันเป็นราคาประเมินของปีที่แล้ว ผมเพิ่งนึกคิดได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้มีนายหน้าค้าบ้านมาให้ข้อมูลใหม่กับผมเขาบอกว่าในอนาคตที่ดินแถวนี้ราคาจะพุ่งขึ้นไปอีกเท่าตัว ดังนั้นผมขอเปลี่ยนใจผมขอขายที่ 2,200,000 หยวน จะดีกว่า!”
สีหน้าของ อวี้ฮ่าวหราน เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีเมื่อได้ยินราคานี้ เขารู้ได้ทันทีว่าเจ้าของบ้านจงใจขึ้นราคาเพราะเห็นว่าเขามีเงิน!
“คุณว่าไง? ผมบอกเอาไว้เลยว่าในอนาคตที่ดินตรงนี้มันจะราคาขึ้นแน่นอนเพราะนายหน้าค้าบ้านเพิ่งบอกผมมา แต่ถ้าคุณไม่สนใจก็ไม่เป็นไรนา ผมไม่ได้ว่าอะไร”
เจ้าของบ้านแสร้งทำเป็นไม่แยแส แต่ใจของเขาเต้นระทึกภาวนาให้ อวี้ฮ่าวหราน หลงกลของเขา หากเขาขายราคานี้ได้วันนี้เขาคงกลับบ้านไปนอนหลับฝันดีแน่นอน!
“แกคิดว่าฉันโง่มากงั้นเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหราน เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกับปล่อยกลิ่นอายของร่างเทวะออกไปกดดันเจ้าของบ้าน
“ฉันขอเตือนแกเอาไว้ ความอดทนของฉันมีจำกัดหากแกยังขืนเล่นตลกอะไรต่อไป ฉันจะทำให้ชีวิตของแกเหมือนตกนรกทั้งเป็น!”
ไอ้มดแมลงตัวนี้มันกล้าดียังไงถึงได้มาหลอกเทพอย่างเขา!
เมื่อโดนกดดันจากกลิ่นอายที่ อวี้ฮ่าวหราน ปลดปล่อยออกมาและเห็นแววตาที่ดูเย็นชาราวกับว่าพร้อมที่จะปลิดชีวิตเขาได้ทุกเมื่อ เจ้าของบ้านตัวสั่นงันงกด้วยความกลัวทันที
จากท่าทีของ อวี้ฮ่าวหราน เจ้าของบ้านพอจะรู้แล้วว่าเขาเพิ่งไปยั่วยุคนมีเงินที่สามารถทำให้ชีวิตของเขาฉิบหายได้ตลอดเวลา
เขารู้ดีว่าในสังคมที่เขาอยู่ พวกคนรวยทั้งหลายล้วนมีวิธีมากมายที่สามารถทำให้ชีวิตคนธรรมดาอย่างเขาทุกข์ทรมานได้ไม่ยาก
“อ..อ..เอ่อ…ผ..ผม ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้ว! ราคาเดิม ราคาเดิม ไม่สิผมลดให้เหลือ9แสนก็พอ ผมลดราคาให้ผมยินดีขายให้ในราคา9แสน!”
เจ้าของบ้านรีบตะโกนด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ตอนนี้เขากลัวจนเหงื่อออกท่วมตัว
อวี้ฮ่าวหราน ดึงกลิ่นอายร่างเทวะของตัวเองกลับเมื่อได้ยินเช่นนี้ และจากนั้นเจ้าของบ้านก็ทำตัวสุภาพจนผิดหูผิดตาไม่เหมือนกับในตอนแรกที่คุยกัน พวกเขาต่างทำสัญญากันอย่างรวดเร็วจนเสร็จสมบูรณ์ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
เมื่อทำสัญญาซื้อขายเสร็จเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหราน และ สวีรุ่ย ก็กลับเข้าไปในบ้านหลังที่พวกเขาเพิ่งซื้ออีกรอบ
“เป็นยังไงบ้าง? บ้านหลังนี้น่าจะคลี่คลายปัญหาไม่ให้พวกนั้นตามคุณเจอได้จริงไหม? หรือต่อให้พวกนั้นตามเจอแต่สถานีตำรวจก็อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ แถมผมเองก็อยู่ใกล้ๆ คุณสามารถโทรหาผมได้ตลอดเวลา”
อวี้ฮ่าวหราน เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพลางมองไปที่ สวีรุ่ย
“ฉันขอบคุณ คุณจริงๆ แต่…ฉันคงไม่มีปัญญาซื้อบ้านหลังนี้หรอก…”
ผู้ชายคนนี้ซื้อบ้านให้เธอเลยงั้นเหรอ?
นี่เธอต้องฝันไปแน่ๆ!
อย่างไรก็ตาม สวีรุ่ย ก้มหน้ามองพื้นด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน เธอรู้สึกเกรงใจที่ อวี้ฮ่าวหราน ทำให้เธอขนาดนี้แต่เธอไม่กล้าคิดที่จะรับบ้านหลังนี้มาจากเขา
เธอรู้สึกว่านี่มันมากเกินไป
“คุณอวี้ ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจจริง ๆ กับสิ่งที่คุณทำให้แต่ฉันคงรับเอาไว้ไม่ได้จริง ๆ”
เมื่อพูดจบ สวีรุ่ย หันหลังเดินไปที่ประตูบ้านทันที แต่ยังไม่ถึงประตูเธอก็ถูกคำพูดของ อวี้ฮ่าวหราน หยุดเอาไว้
“บ้านหลังนี้ผมซื้อเอาไว้ให้คุณอยู่เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง แต่หากคุณไม่อยู่ผมก็จะปล่อยมันทิ้งไว้แบบนี้ให้มันพังไปเรื่อย ๆ มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องมาอยู่ที่นี่เอง อ้อ และถ้าหากคุณจะกลับไปอยู่บ้านหลังเก่าของคุณหลังนั้น คุณก็ระวังตัวเองให้มาก ๆ หน่อยก็แล้วกัน และอย่าคิดว่าผมจะไปช่วยคุณได้ทุกรอบ บางครั้งโชคของคนเรามันก็หมดลงตามลิขิตสวรรค์”
อวี้ฮ่าวหราน เอ่ยขึ้นพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่แยแส เขาไม่ได้สนใจเงิน9แสนที่เสียไปแม้แต่น้อยและถ้าหากฝั่งตรงข้ามไม่ยอมอยู่ที่นี่เขาก็ไม่บังคับ เขาถือว่าตัวเองพยายามช่วยฝั่งตรงข้ามแล้ว ถ้าหาก สวีรุ่ย ปฏิเสธไม่คิดถึงความปลอดภัยของตัวเธอเองเขาก็จะเดินจากไปไม่สนใจอะไรอีก
ถึงแม้ว่าฝั่งตรงข้ามจะเป็นครูของลูกสาวเขาและดีกับลูกสาวของเขา แต่ฝั่งตรงข้ามไม่ใช่ภรรยาของเขาดังนั้นเขาจึงมีขีดจำกัดในการยื่นความช่วยเหลือให้
สวีรุ่ย อึ้งไปพักใหญ่เมื่อเห็นท่าทีของ อวี้ฮ่าวหราน เธอไม่คิดว่าฝั่งตรงข้าม จู่ ๆ จะเฉยเมยแบบนี้แถมคำพูดของเขามันดูเหินห่างยังไงชอบกลจนทำให้เธอใจหาย มันคล้ายกับว่าหากเธอไม่ยอมรับความหวังดีครั้งนี้ที่เขามอบให้ เขาจะไม่สนใจเธออีก…
สวีรุ่ย ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะแสดงสีหน้าแน่วแน่และพูดว่า “คุณอวี้ งั้นฉันขออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน แต่ฉันจะไม่อยู่ที่นี่ฟรี ๆ ฉันจะผ่อนค่าบ้านหลังนี้ให้คุณทุกเดือนไปเรื่อย ๆ ตกลงไหม?”